เห็นได้ชัดเจนมากเลยว่าหากหลัวซิวอยากครอบครองทั้งสองสิ่งที่อยู่บนแท่นหินทรงกลม เขาก็จำเป็นต้องทลายเกราะป้องกันห้าสีนั่น
หอกเวิ่นเทียนฟ้าแหลก!
หลัวซิวปลดปล่อยพลังอมตะที่เซียนชั้นฟ้าเทียนเวิ่นทิ้งไว้ออกมา แสงเซียนที่แวววาวจับตาผนึกรวมกันอยู่ในมือเขา แล้วประกอบเป็นหอกยาว ก่อนจะโจมตีใส่เกราะห้าสีจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
“ตู้มม!”
พลังอมตะระดับเซียนชั้นฟ้านั้นทรงพลังมากเพียงใด แม้นผลการฝึกตนของหลัวซิวจะไม่สูง แต่พลานุภาพของพลังโจมตีนี้ก็ไม่ด้อยกว่าพลังโจมตีที่ทุ่มสุดกำลังสามารถของผู้แข็งแกร่งประมุขเต๋าช่วงกลางแน่นอน
อย่างไรก็ตามเมื่อโจมตีลงบนเกราะห้าสี มันกลับไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย พลังแห่งเบญจธาตุที่น่าสยดสยองม้วนซัดมา รัศมีเทวห้าสีขนาดใหญ่ม้วนซัดอย่างดุดัน หลัวซิวยังตอบสนองกลับมาไม่ได้ ก็ถูกกระหน่ำจนกระเด็นออกไป ร่างกายลอยอยู่กลางอากาศแล้วกระอักเลือดติดต่อกันสามครั้ง
“ตู้มม!”
เท้าทั้งสองข้างกระแทกย่ำลงพื้น แผ่นดินจึงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เมื่อหลัวซิวเห็นว่าแขนทั้งสองข้างเหลือเพียงกระดูกและเลือดที่ท่วมแขน สีหน้าอารมณ์จึงดูเข้มงวดขึ้นมาทันที
“ดุดันเช่นนี้เลยรึ?”
จากศักยภาพของเขา ต่อให้เผชิญหน้ากับพลังโจมตีของผู้แข็งแกร่งประมุขเต๋าช่วงปลายโดยตรง สภาพก็ไม่มีทางอนาถเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้จึงแสดงให้เห็นเลยว่าตัวต้องห้ามเกราะห้าสีนี้แข็งแกร่งมากเพียงใด
อีกทั้งตัวต้องห้ามนี้คงอยู่มาตั้งแต่สมัยประเทศเซียนที่เก่าแก่จวบจนปัจจุบัน พลังของมันสลายหายไปในกาลเวลาที่ยาวนานไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ทว่ากลับยังมีพลังที่น่าสยดสยองเช่นนี้ จึงแสดงให้เห็นเลยว่าเซียนชั้นฟ้าเทียนเวิ่นเป็นผู้แข็งแกร่งที่น่ากลัวมากเพียงใด
“ดูท่าพลังอมตะหอกเวิ่นเทียนฟ้าแหลกไม่ใช่กุญแจในการเปิดเกราะดังกล่าว แล้วถ้าเป็นตราเบญจธาตุสูญพันธุ์ล่ะ?”
หลัวซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย ภายใต้การโคจรพลังเซียนไร้ลักษณ์ให้ผันเป็นพลังแห่งชีวิต แขนทั้งสองข้างที่เหลือเพียงกระดูกที่ขาวโพลนก็กลับมามีเนื้อหนังมังสาภายในพริบตา ฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว
พลังการฟื้นฟูที่ทรงพลังเช่นนี้เหมือนจะแหกกฎสวรรค์มาก อันที่จริงหลัวซิวก็ต้องสูญเสียผลการฝึกตนเช่นกัน สภาพอาการบาดเจ็บยิ่งสาหัส ความเสียหายในการฟื้นฟูก็ยิ่งมาก
สีสันห้าสีบนเกราะห้าสีเหมือนจะสอดคล้องกับพลังแห่งเบญจธาตุทั้งห้าลาง ๆ อ้างอิงจากการคาดคะเนในอดีตของหลัวซิว เซียนชั้นฟ้าเทียนเวิ่นน่าจะเป็นเซียนที่ฝึกวิถีเบญจธาตุ เช่นนั้นหากต้องใช้พลังอมตะในการเปิดเกราะต้องห้ามนั้นละก็ มันก็มีโอกาสเป็นตราเบญจธาตุสูญพันธุ์สูงมาก
ตราเบญจธาตุสูญพันธุ์ เบญจธาตุดับสูญ ขอแค่เป็นทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในเบญจธาตุ ล้วนจะถูกวิชาตราประทับนี้ทำลายล้างจนกลายเป็นฝุ่นผง
เกราะห้าสีมีเบญจธาตุทั้งห้าแฝงซ่อนอยู่ เช่นนั้นตราเบญจธาตุสูญพันธุ์ก็น่าจะสามารถปราบมันได้พอดี
“เช่นนั้นก็ลองดูก่อนแล้วกัน”
หลัวซิวก้าวไปข้างหน้า ยกระดับสภาวะให้ขึ้นไปถึงขีดสูงสุด แล้วปลดปล่อยวิชาตราประออกมา ตราเบญจธาตุสูญพันธุ์จึงถูกปลดปล่อยออกมาจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
ท่ามกลางเสียงที่ดังกึกก้อง รัศมีเทวห้าสีปรากฏกะทันหัน
ทุกอย่างค่อนข้างคล้ายคลึงกับสิ่งที่หลัวซิวคาดการณ์เอาไว้ ตราเบญจธาตุสูญพันธุ์สามารถปราบพลังแห่งเบญจธาตุได้จริง ๆ แต่พลานุภาพที่เขาปลดปล่อยออกมาก็ยังอ่อนแอไม่น้อยอยู่ดี ยังไม่สามารถทลายรัศมีเทวห้าสี พลานุภาพของวิชาตราประทับก็แห้งเหือดไปก่อน ถัดจากนั้นควันหลงจากรัศมีเทวห้าสีก็ซัดกระหน่ำมา
แม้นจะถูกตราเบญจธาตุสูญพันธุ์ทำให้พลานุภาพลดฮวบลงไปเยอะมาก แต่มีบทเรียนจากครั้งก่อน หลัวซิวก็ไม่กล้าใช้ร่างเนื้อต้านรับโดยตรงเช่นกัน ใช้พลังอมตะเทเลพอร์ตอย่างเด็ดเดี่ยว หายวับไปกับที่ภายในพริบตา
รัศมีเทวห้าสีม้วนซัดผ่านไป หากไม่ใช่เพราะวัตถุดิบที่ใช้ในการก่อสร้างวังเวิ่นเทียนไม่ได้อยู่ในเบญจธาตุทั้งห้า เกรงว่าคงถูกรัศมีเทวซัดกระหน่ำจนแหลกสลายเป็นฝุ่นผงตั้งนานแล้ว
“แทบจะเทียบทัดพลังโจมตีหนึ่งของมกุฎเต๋าแล้ว”
สีหน้าของหลัวซิวดูย่ำแย่เล็กน้อย อ้างอิงจากการบันทึกในม้วนหยกที่เขาได้รับหลังจากผ่านประตูแห่งความตาย ขอแค่มีศักยภาพที่เทียบเท่าประมุขเต๋าช่วงปลาย ก็สามารถได้รับการถ่ายทอดสืบสานของเซียนชั้นฟ้าเทียนเวิ่น แต่วินาทีนี้หลัวซิวถึงจะทราบว่า อย่างน้อยก็ต้องมีศักยภาพประมุขเต๋าช่วงปลายขั้นสุดยอดก่อน ถึงจะสามารถทลายเกราะห้าสีนั่นได้
แม้นหลัวซิวจะสังหารเฟิ่งเซียะที่เป็นประมุขเต๋าช่วงปลายในสถานบรรพบุรุษแห่งเผ่าหงส์เซียน แต่เขากลับอาศัยความแข็งแกร่งของดาบโลหิตหักเซียน ซึ่งไม่ใช่ความแข็งแกร่งของตัวเขาเองแต่อย่างใด
ด้วยแดนผู้สูงส่งขั้นสูง ศักยภาพของหลัวซิวก็แค่เทียบเท่าประมุขเต๋าขั้นปฐมภูมิขั้นสุดยอด มีเพียงปลดปล่อยพลังอมตะระดับเซียน ถึงจะสามารถระเบิดศักยภาพที่เทียบเท่าประมุขเต๋าช่วงกลางออกมา ซึ่งยังแตกต่างจากประมุขเต๋าช่วงปลายไม่น้อย แล้วจะนับประสาอะไรกับประมุขเต๋าช่วงปลายขั้นสุดยอดล่ะ?
หลัวซิวก็เคยคิดเหมือนกันว่าจะใช้ดาบโลหิตหักเซียนหรือไม่ แต่อ้างอิงจากการสำรวจและการอนุมานของเขา เกราะต้องห้ามห้าสีนี้ไม่ได้เปราะบางเหมือนอย่างที่เขาคิด หากเขาใช้กำลังภายนอกมาทลาย เช่นนั้นตัวต้องห้ามนี้ก็มีโอกาสระเบิดรัศมีเทวห้าสีที่ทรงพลังมากกว่าออกมาก็เป็นได้
มีเพียงอาศัยผลการฝึกตนของตัวเขาเองมากระตุ้นพลังอมตะอย่างตราเบญจธาตุสูญพันธุ์ ตัวต้องห้ามนี้ถึงจะปลดปล่อยพลานุภาพทั่วไปออกมา
ซึ่งเช่นนี้ก็หมายความว่าหากหลัวซิวอยากครอบครองของสองสิ่งที่เซียนชั้นฟ้าเทียนเวิ่นทิ้งไว้ เขาก็ต้องยกระดับศักยภาพของตัวเองให้ขึ้นไปถึงประมุขเต๋าช่วงปลายก่อน
ร่างเนื้อที่ได้รับการปลุกเสกโดยหอคอยฮวงสามารถทำให้เขามีร่างยุทธ์ของประมุขเต๋าช่วงปลาย แต่ท้ายที่สุดแล้วก็แตกต่างจากประมุขเต๋าช่วงปลายที่แท้จริงไม่น้อยอยู่ดี
ภายใต้สถานการณ์ที่จนปัญญา หลัวซิวจึงทำได้เพียงล้มเลิกความคิดนี้ก่อน อย่างไรวังเวิ่นเทียนก็คงอยู่ที่นี่มายาวนานมาก ๆ แล้ว ของก็วางอยู่ในนี้ ซึ่งไม่มีทางหายไปได้อย่างไร้สาเหตุ มิหนำซ้ำบัญชาเซียนเวิ่นเทียนทั้งสามชิ้นล้วนอยู่ในมือเขา ต่อให้คนอื่นจะสามารถเข้ามาได้ แต่ก็ไม่มีทางเข้ามาถึงจุดที่ลึกเช่นนี้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...