มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3003

สรุปบท บทที่ 3003 มกุฎมังกรเอี๊ยง: มหายุทธ์ สะท้านภพ

ตอน บทที่ 3003 มกุฎมังกรเอี๊ยง จาก มหายุทธ์ สะท้านภพ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 3003 มกุฎมังกรเอี๊ยง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ มหายุทธ์ สะท้านภพ ที่เขียนโดย หลงเซียว-มังกรคำราม เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา หลัวซิวรู้แค่ว่าเหล่ามกุฎเต๋าในยุคปัจจุบันล้วนเคยฟังราชาเซียนธรรมกถาในสมัยประเทศเซียน

และเขาก็ทราบเช่นกันว่าหยุนเซวียนเป็นบุตรสาวเพียงหนึ่งเดียวของราชาเซียน แต่เขากลับไม่เคยรู้เลยว่าชื่อและสมญานามของราชาเซียนองค์นั้นคืออะไรกันแน่

บัดนี้หลัวซิวถึงจะทราบมาจากปากหยุนเซวียนว่าเขาคือราชาเซียนหยุนหลงวังทะยานเซียนคือสนามเต๋าแห่งหนึ่งของเขา วิชาทะยานเซียนและตรามหาหัตถ์ราชาเซียนก็เป็นพลังอมตะที่เขาริเริ่มเช่นกัน

อย่างไรก็ตามแม้นราชาเซียนหยุนหลงจะธรรมกถา แต่กลับไม่ได้นำมรดกทรัพย์สินของตัวเองทิ้งไว้ให้เหล่ามกุฎเต๋า วิชาทะยานเซียนและตรามหาหัตถ์ราชาเซียนที่ไม่สมบูรณ์ครบถ้วน ก็เป็นร่องรอยที่ราชาเซียนหยุนหลงทิ้งไว้หลังจากเขาต่อสู้เข่นฆ่ากับคู่ต่อสู้ของเขาอย่างดุเดือด ต่อมาก็ถูกเหล่ามกุฎเต๋ารวบรวมจัดระเบียบ ถึงจะได้รับการถ่ายทอดสืบสานต่อกันมา

เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเซวียน หลัวซิวก็กระจ่างชัดแจ้งขึ้นมาทันที และความจริงก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสัญชาตญาณของเขาถูกต้องอยู่ ครั้นเมื่อเขาเห็นวังทะยานเซียน ก็สัมผัสได้แล้วว่าวังทะยานเซียนมีความเกี่ยวข้องกับวิชาทะยานเซียน

“ส่วนเรื่องที่วังทะยานเซียนอุบัติขึ้นมานานเช่นนี้แล้ว แต่กลับไม่มีประมุขเต๋าและมกุฎเต๋าเดินทางไป นั่นเป็นเพราะพวกเขากำลังรอ”หยุนเซวียนพูดต่อ

“กำลังรอ?”

หลัวซิวรู้สึกงุนงงเล็กน้อย จากนั้นก็มีรังสีที่กระจ่างชัดแจ้งปรากฏในแววตาเขาทันที ประมุขเต๋าและมกุฎเต๋าเหล่านั้นกำลังรอคนคนหนึ่งอยู่ ซึ่งคนคนนั้นก็คือคนที่อยู่ห่างกันไกลแสนไกล และอยู่ใกล้แค่เอื้อม

สนามเต๋าที่ราชาเซียนหยุนหลงทิ้งไว้ ในฐานะที่เป็นบุตรสาวเพียงหนึ่งเดียวของราชาเซียนหยุนหลงหยุนเซวียนเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าไปในวังทะยานเซียนต่างหาก!

เมื่อเข้าใจในจุดนี้ หลัวซิวก็รู้แล้วว่าถ้าเกิดหยุนเซวียนไปดาราหยุนหลง เช่นนั้นประมุขเต๋าและมกุฎเต๋าคนอื่น ๆ ก็ต้องเร่งเดินทางไปหลังจากทราบข่าวแน่นอน

ในขณะที่หลัวซิวกำลังครุ่นคิดเรื่องราวเหล่านี้อยู่นั้น จู่ ๆ ก็สัมผัสได้ว่ายันต์หยกที่เขาเคยทิ้งไว้ให้ต้วนคงถูกบีบทำลายทิ้งแล้ว และสาเหตุที่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือมีเหตุร้ายเกิดขึ้นฝั่งดาราหยุนหลง

……

วันนี้ ทั้งดาราหยุนหลงเงียบสงบมาก เพราะเมื่อครู่ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่ลมหายใจ ก็มีผู้แข็งแกร่งหลายคนย่างกรายมาที่นี่อย่างไม่หยุดหย่อน พลังออร่าอันมากมายมหาศาลที่ไม่อาจคาดเดาได้แผ่คลุมทั้งดาราหยุนหลงเอาไว้

ภายในตำหนักหลักเมืองของเมืองฉวินเซียน มีประมุขเต๋าสิบกว่าคนและเหล่ามกุฎเต๋าที่เป็นผู้นำกำลังนั่งอยู่ในตำหนักใหญ่ ส่วนเจ้าของเมืองฉวินเซียนอย่างจอมมกุฎหยุนหลงกลับไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะเข้ามาในตำหนักใหญ่แห่งนี้

ครั้งนี้สามารถพูดได้เลยว่าเหล่ามกุฎเต๋ามากันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ต่างกำลังนั่งอยู่บนที่นั่งที่สูงที่สุดของตำหนักหลังนี้

มกุฎเต๋าหวูซิน มกุฎมังกรอิมเอี๊ยง มกุฎเต๋าสังสารวัฏทั้งสี่คนนั่งด้วยกัน

มกุฎเต๋านอกนภา มกุฎเต๋าหวูจี๋ มกุฎเต๋าบรรพภพและ​​มกุฎเต๋าบรรพเสวียนนั่งด้วยกัน

มกุฎเต๋าในยุคปัจจุบันย่อมไม่ได้มีเพียงแปดคนนี้อยู่แล้ว แต่ทว่าในบรรดาบรรพโบราณทั้งแปด นอกจากบรรพสวรรค์ บรรพจารย์ดิน แล้วก็บรรพจารย์ฮวงที่ดับสลายสูญสิ้นไปแล้ว ในบรรดามกุฎเต๋าอีกห้าคนที่เหลือ มีเพียงบรรพจารย์จักรภพและบรรพจารย์เสวียนมีอุบายพิเศษ ซึ่งสามารถออกจากโลกาดาราที่ตนบุกเบิก

มกุฎเต๋าแปดคน ฝั่งละสี่คน ต่างฝ่ายต่างนั่งหันหน้าเข้าหากัน ส่วนผู้ที่นั่งอยู่ด้านหลังพวกเขาคือประมุขเต๋าจำนวนมาก การแบ่งฝั่งแบ่งฝ่ายนั้นสามารถพูดได้เลยว่าชัดเจนไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

สาเหตุที่ต้วนคงบีบทำลายยันต์หยก ก็เป็นเพราะมกุฎเต๋าและประมุขเต๋าเหล่านี้มาถึงดาราหยุนหลงแล้ว

หลังจากมกุฎเต๋าประมุขเต๋าเหล่านี้มาถึงดาราหยุนหลงแล้ว พวกเขาไม่ได้มุ่งหน้าตรงไปยังวังทะยานเซียนแต่อย่างใด เนื่องจากพวกเขาล้วนเข้าใจดีมากว่าหากไม่มีเทพธิดาหยุนเซวียนละก็ พวกเขาไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าภายในวังทะยานเซียนจักมีภยันตรายอะไรหรือไม่

ในฐานะที่เป็นบุตรสาวแห่งราชาเซียน แม้นผลการฝึกตนของเทพธิดาหยุนเซวียนยังไม่ฟื้นฟูกลับคืนสู่ระดับมกุฎเต๋า ทว่าในบรรดามกุฎเต๋าทั้งหลาย ก็ไม่มีผู้ใดกล้าลงมือต่อนางเช่นกัน เนื่องจากอุบายของราชาเซียนไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถจินตนาการได้ บนตัวหยุนเซวียนมีโอกาสมีไพ่เด็ดที่ราชาเซียนทิ้งไว้ให้นางสูงมาก ไม่แน่ไพ่เด็ดนั่นอาจสามารถสร้างภัยคุกคามให้แก่มกุฎเต๋าอย่างพวกเขา ตลอดจนสังหารพวกเขาได้เลยก็เป็นได้

ดังนั้นตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านพ้นมาอย่างไม่รู้จบ มกุฎเต๋าอย่างพวกเขารู้ทั้งรู้ว่าบนตัวหยุนเซวียนมีการถ่ายทอดสืบสานของราชาเซียน แต่กลับไม่มีคนใดกล้ามุ่งหวังสิ่งที่อยู่บนตัวนางตลอดมา

แน่นอนอยู่แล้วว่าพวกเขาไม่กล้าทำอะไรเปิดเผย แต่กลับใช้วิธีลอบกัดอยู่ในที่ลับไปไม่น้อยเลย มิเช่นนั้นรูปร่างลักษณะภายนอกของหยุนเซวียนก็ไม่มีทางกลายเป็นสภาพของเด็กสาวอายุเจ็ดแปดขวบ กระทั่งบัดนี้ถึงจะค่อย ๆ ฟื้นฟูผลการฝึกตนกลับคืนมา

“เหตุใดเทพธิดาหยุนเซวียนจึงยังไม่มา? หรือจะให้เรารอนางอยู่ที่นี่? หากนางไม่มาสักที แล้วเราต้องรอเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ รึ?”จู่ ๆ ประมุขเต๋าคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหลังมกุฎเต๋าสังสารวัฏก็เอ่ยปากพูดอย่างปลิ้นปล้อนไม่จริงใจ

ซึ่งประมุขเต๋าคนนั้นก็คือประมุขเต๋าหวูยวนที่เคยปรากฏในแดนบรรพกาลนั่นเอง

มกุฎเต๋าทั้งแปดต่างไม่พูดอะไร พวกเขาไม่อยากทดสอบหยั่งเชิงอุบายของหยุนเซวียนด้วยตนเอง แต่กลับสามารถให้ประมุขเต๋าคนอื่น ๆ ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาทำเช่นนั้นได้อยู่

และสาเหตุที่ประมุขเต๋าหวูยวนกล้าพูดลับหลังหยุนเซวียนเวลานี้ ต้องไม่ใช่เป็นเพราะเขามีความกล้านั้นแน่นอน ต้องเป็นเพราะมกุฎเต๋าสังสารวัฏเป็นคนแนะนำให้ทำแน่ ๆ

ยังไงซะไม่ว่าอย่างไรตัวตนของหยุนเซวียนก็วางอยู่ตรงหน้า หากพูดถึงตำแหน่งฐานะละก็ นางสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่ามกุฎเต๋าได้เลย

“เด็กเมื่อวานซืนที่ใดแม่งมาจุกจิกจู้จี้แถวนี่ ไอ้สังสารวัฏหน้ายาว ดูแลลูกกระจ๊อกเจ้าดี ๆ มิเช่นนั้นข้าจักช่วยเจ้าอบรมสั่งสอนมันเอง!”

ทันทีที่สิ้นเสียงประมุขเต๋าหวูยวน เสียงที่ไพเราะเสียงหนึ่งก็สะท้อนมาจากนอกตำหนักใหญ่ เสียงไพเราะดั่งเสียงของธรรมชาติ ทว่าคำพูดที่พูดออกมากลับดุดันจนน่ากลัว ทำให้ผู้ฟังไม่สามารถนำคำพูดนี้เชื่อมสัมพันธ์กับเสียงอันไพเราะของสตรีให้เข้าด้วยกันได้จริง ๆ

ทันใดนั้นเอง ก็มีดวงตาคู่หนึ่งที่รวดเร็วและเฉียบคมร่วมลงบนตัวหลัวซิว แค่การเพ่งมองของสายตาคู่เดียว กลับมีพลังออร่าที่แข็งกร้าวพรั่งพรูออกมา กดอัดไปทางหลัวซิว

หลัวซิวเงยหน้าขึ้นมามอง จากนั้นก็ได้สบตากับดวงตาสีทองคู่หนึ่ง ซึ่งเจ้าของดวงตาคู่นั้นก็คือชายผู้ดูสง่าผ่าเผยและห้าวหาญคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างมกุฎมังกรอิม

ชายคนนั้นดูสง่าผ่าเผยห้าวหาญไม่ธรรมดา มีชุดเกราะสงครามสีทองคลุมอยู่บนตัว พลังออร่าน่าเกรงขาม

หลัวซิวไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว การที่สามารถนั่งเคียงข้างมกุฎมังกรอิมได้นั้น ก็มีเพียงมกุฎมังกรเอี๊ยงที่เล่ากันว่าปิดขังมาหลายสิบล้านปีนั่นแล้วล่ะ

ในคำเล่าลือ หลังจากผ่านพ้นมหันตภัยแห่งสมัยประเทศเซียน ทั้งดาราจักรวาลล้วนถูกโจมตีจนกลายเป็นกลุ่มธาตุอากาศที่สลัวหรือตรีภพ จากนั้นตรีภพก็วิวัฒนาการโกลาหลกลับคืนมาใหม่ ขณะที่ดาราฟ้าดินวิวัฒนาการ ในตรีภพโกลาหลก็หล่อเลี้ยงอสูรจิตที่แข็งแกร่งออกมาเช่นกัน

ยกตัวอย่างเช่นบรรพโบราณทั้งแปดอย่างสวรรค์ ดิน เสวียน เหลือง จักรวาล จักรภพ ล้นและร้างก็เป็นอสูรจิตพรสวรรค์ที่ถูกหล่อเลี้ยงออกมาจากตรีภพโกลาหลนี่แหละ

แต่เมื่อเปรียบเทียบกับบรรพโบราณทั้งแปดนั่นแล้ว ขณะที่ตรีภพสลายหยินหยางหรืออิมเอี๊ยงออกมา มังกรเทพสองตัวที่ถูกหล่อเลี้ยงออกมากลับมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า

มังกรเทพสองตัวนั้นตัวหนึ่งเป็นขั้วบวกตัวหนึ่งเป็นขั้วลบ และเรียกแทนตัวเองว่าเป็นมังกรแท้ไท่ชู ซึ่งมีผลการฝึกตนแดนผู้สูงส่งตั้งแต่กำเนิด

เมื่อเปรียบเทียบกับอสูรจิตพรสวรรค์ หวูซิน นอกนภา หวูจี๋ที่เกิดขึ้นมาอย่างฉับพลันในภายหลังก็คืออสูรจิตพรแสวงที่ถูกหล่อเลี้ยงออกมาหลังจากดาราฟ้าดินถูกวิวัฒนาการออกมาแล้ว

อสูรจิตพรสวรรค์แข็งแกร่งก็จริง แต่ใช่ว่าผลสำเร็จในอนาคตจะสูงกว่าอสูรจิตพรแสวงเสมอไป ในทางตรงกันข้ามมกุฎเต๋าหวูซินมาทีหลังแต่แซงคนรุ่นก่อนสำเร็จ ในบรรดาทั้ง 14 คนที่นั่งฟังราชาเซียนธรรมกถา เขาเป็นคนแรกที่บรรลุถึงแดนมกุฎเต๋า

บรรพโบราณทั้งแปด มังกรคู่อิมเอี๊ยง หวูซิน นอกนภาและหวูจี๋ทั้งหมด 13 คน ซึ่งอีกคนหนึ่งที่ฟังราชาเซียนธรรมกถาก็คือหยุนเซวียน

เมื่อพูดตามหลักการแล้ว ในบรรดาพวกเขาทั้ง 14 คนนี้ พรสวรรค์ของหยุนเซวียนควรจะแข็งแกร่งที่สุดต่างหาก ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด ทุกครั้งที่นางฝึกถึงแดนประมุขเต๋า ผลการฝึกตนก็จะกลับไปเป็นศูนย์เหมือนเดิม ร่างกายก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงราวกับเวลาหวนย้อนกลับ กลับไปอยู่ในสภาพลักษณะของเด็กทารกอีกครั้ง

ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระทั่งราชาเซียนดับสลายสูญสิ้น การเริ่มต้นขึ้นของยุคไท่ชูจวบจนปัจจุบัน หยุนเซวียนก็ไม่เคยก้าวเข้าสู่แดนประมุขเต๋าช่วงกลางตลอดมา

บัดนี้หยุนเซวียนที่ปรากฏต่อหน้าเหล่ามกุฎเต๋าก็เป็นประมุขเต๋าขั้นปฐมภูมิเช่นกัน นี่จึงทำให้มกุฎเต๋าทั้งแปดที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างรู้สึกสงสัยอย่างอดไม่ได้ นางจะกลับไปอยู่ในสภาวะของเด็กทารก เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหรือไม่?

และในเวลานี้เอง จู่ ๆ มกุฎมังกรเอี๊ยงก็ทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง “วังทะยานเซียนเป็นโบราณสถานที่ราชาเซียนทิ้งไว้ ผู้น้อยที่เพิ่งเลื่อนระดับอย่างเจ้ายังไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ