โดยส่วนใหญ่แล้วขอแค่ฝึกถึงแดนประมุขเต๋า ก็มีคุณสมบัติที่สามารถเจรจาพูดคุยอยู่ในระดับเดียวกันกับมกุฎเต๋าได้แล้ว
เลี่ยเทียนก็เป็นประมุขเต๋าเช่นกัน แต่เขาเต็มใจเรียกหยุนเซวียนว่าอาจารย์อา นั่นเป็นเพราะเกิดจากความเชื่อและความกลัวที่มีต่อตัวตนของนาง มาตรแม้นว่าเผชิญหน้ากับมกุฎเต๋าคนอื่น ๆ อย่างมากเขาก็แค่ทำตัวเคารพนอบน้อม แต่จะไม่ปฏิบัติตัวอย่างพิธีรีตองดั่งผู้น้อยคนหนึ่ง
แม้นหลัวซิวยังบรรลุไม่ถึงระดับประมุขเต๋าอย่างแท้จริง แต่ทุกคนล้วนตีความคิดไปเองว่าเขาบรรลุถึงแดนประมุขเต๋าแล้ว ดังนั้นเขาก็มีสิทธิ์เช่นเดียวกัน
ทว่ามกุฎมังกรเอี๊ยงคำหนึ่งก็ผู้น้อยสองคำก็ผู้น้อย สภาพดูเหยียดหยาม ยิ่งจะลิดรอนสิทธิในการเข้าไปสำรวจวังทะยานเซียนพร้อมกับประมุขเต๋าคนอื่น ๆ ของเขา ซึ่งนี่เป็นการข่มกันอย่างเห็นได้ชัดเลย
ประมุขเต๋าบางส่วนที่อยู่ในที่เกิดเหตุดูปฏิกิริยาของมกุฎเต๋าหวูจี๋ ยังไงซะอย่างที่ทุกคนทราบกัน หลัวซิวก็เป็นศิษย์เต็มตัวของมกุฎเต๋าหวูจี๋
อย่างไรก็ตามมกุฎเต๋าหวูจี๋กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ราวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตำหนักใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับเขาสักนิด
แววตาของฉินจ้านที่นั่งอยู่ด้านหลังมกุฎเต๋าหวูจี๋ก็ซับซ้อนเล็กน้อยเช่นกัน เขานึกไม่ถึงเลยว่าศิษย์น้องเล็กคนนี้จักเติบโตได้เร็วเช่นนี้ เติบโตถึงขั้นที่อยู่เหนือขอบข่ายที่อาจารย์สามารถควบคุมได้แล้ว
ในขณะเดียวกันฉินจ้านก็รู้สึกอิจฉาหลัวซิวเล็กน้อยด้วย เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับหลัวซิว ทุกการพัฒนาของเขาล้วนอยู่ในแผนการของมกุฎเต๋าหวูจี๋ ซึ่งไม่อาจหลุดพ้นจากการควบคุมของมกุฎเต๋าหวูจี๋ได้
ไม่มีคนใดไม่โหยหาอิสรภาพ โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งที่สามารถฝึกถึงแดนประมุขเต๋า สภาพจิตใจของทุกคนล้วนไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ทั่วไปสามารถเทียบเคียงได้ ฉินจ้านก็คาดหวังที่จะได้รับอิสรภาพเช่นกัน แต่เขาก็รู้อยู่ว่าสาเหตุที่มกุฎเต๋าหวูจี๋บ่มเพาะเขา เป็นเพียงเพราะมองเห็นพรสวรรค์ภูตเซียนพรหมของเขาเท่านั้น มองเขาเป็นหมากตัวหนึ่ง แต่เขากลับไม่มีต้นทุนที่สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของฝ่ายตรงข้ามได้
หากเขาสามารถฝึกถึงแดนประมุขเต๋าช่วงปลาย เช่นนั้นเมื่ออาศัยพรสวรรค์ของภูตเซียนพรหม การที่เขาอยากหลุดพ้นจากการควบคุมของมกุฎเต๋าหวูจี๋นั้น มันไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด แต่ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ผลการฝึกตนของเขากลับถูกมกุฎเต๋าหวูจี๋พันธนาการเอาไว้อย่างแน่นหนา อยู่ในแดนประมุขเต๋าช่วงกลางมาโดยตลอด
สำหรับมกุฎเต๋าหวูจี๋แล้ว ในเมื่อหมากอย่างหลัวซิวหลุดพ้นจากการควบคุมแล้ว เช่นนั้นหมากที่ไม่สามารถควบคุมก็ย่อมไม่มีมูลค่าในการคงอยู่อีกต่อไป ดังนั้นเมื่อมกุฎมังกรเอี๊ยงข่มหลัวซิวต่อหน้าต่อตา มกุฎเต๋าหวูจี๋จึงเลือกที่จะนิ่งดูดาย
ซึ่งนี่คือใบหน้าที่แท้จริงของมกุฎเต๋าหวูจี๋ต่างหาก ถ้าเกิดบอกว่ามกุฎเต๋าหวูซินเป็นคนไร้หัวใจ เป็นคนที่ไร้ความปราณีถึงขีดสุด เช่นนั้นมกุฎเต๋าหวูจี๋ก็เป็นคนที่ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อบรรลุเป้าหมาย ทุกอย่างล้วนยึดผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก เห็นแก่ตัวถึงขีดสุด!
บางทีอาจมีคนรู้สึกว่าเหตุใดผู้ที่มีสภาพจิตใจเช่นนี้ถึงสามารถฝึกถึงแดนมกุฎเต๋าได้? ทว่าแท้จริงแล้วสภาพจิตใจเช่นนี้คือสันดานเดิมของพวกเขา คือเจตนาเดิมของพวกเขา พวกเขาเป็นคนประเภทนี้มาตั้งแต่กำเนิดแล้ว
ในสายตาของผู้ที่ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อบรรลุเป้าหมายมีแค่ตัวเองเท่านั้น หลัวซิวในวินาทีนี้ฉุดคิดขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน บางทีการตายของมกุฎเต๋าบรรพฮวงอาจไม่ใช่อุบัติเหตุด้วยซ้ำ และไม่ใช่แผนการของมกุฎเต๋าสังสารวัฏเช่นกัน ในทางตรงกันข้ามมันกลับมีโอกาสเป็นความตั้งใจของมกุฎเต๋าหวูจี๋สูงมาก!
เขาจงใจบาดเจ็บสาหัสไปพร้อมกับมกุฎเต๋าหวูซิน เมื่อเป็นเช่นนี้ถึงจะทำให้มกุฎเต๋าสังสารวัฏมีช่องโหว่ที่สามารถลงมือ!
“ช่างเป็นแผนการที่น่ากลัวยิ่งนัก”
เมื่อหลัวซิวนึกคิดถึงตรงนี้ ร่างกายก็สั่นสะดุ้งอย่างควบคุมไม่ได้ มกุฎเต๋าบรรพฮวงเป็นพันธมิตรของเขา แต่ก็ถูกเขาวางแผนลอบทำร้ายอยู่ดี และจุดประสงค์ในการทำเช่นนี้ของมกุฎเต๋าหวูจี๋ก็คือทำลายสมดุล!
มีเพียงสมดุลถูกทำลาย สถานการณ์ถึงจะยุ่งเหยิง ภายใต้สถานการณ์ที่ยุ่งเหยิง เขาถึงจะสามารถคิดหาหนทางเพื่อให้ตนได้รับข้อได้เปรียบง่ายยิ่งขึ้น
และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ล้วนอยู่ในแผนการของมกุฎเต๋าหวูจี๋จริง ๆ ตั้งแต่มกุฎเต๋าบรรพฮวงดับสลายสูญสิ้นเป็นต้นไป สมดุลก็ถูกทำลายไปภายในพริบตา ถัดจากนั้นบรรพจารย์ดินก็ถูกลอบสังหาร มีเพียงการดับสลายสูญสิ้นของบรรพสวรรค์เท่านั้นที่เป็นเหตุสุดวิสัย
ในขณะที่กำลังนึกคิดเรื่องราวเหล่านี้ในใจ หลัวซิวกลับมองข้ามมกุฎมังกรเอี๊ยงที่พูดฉอด ๆ และเมื่อเห็นว่าสภาพเขาเหมือนมองข้ามหัวมกุฎมังกรเอี๊ยง จึงทำให้เหล่าประมุขเต๋าแห่งโลกาเทพมังกรไท่ชูพิโรธขึ้นมาทันที
สำหรับเหล่าประมุขเต๋าแห่งโลกาเทพมังกรไท่ชูแล้ว มกุฎมังกรทั้งสองคือผู้แข็งแกร่งสูงสุด หลัวซิวบังอาจไม่สนใจมกุฎมังกร มันเป็นการยั่วยุทั้งโลกาเทพมังกรไท่ชู!
“ช่างกล้าหาญยิ่งนัก! มึงอย่าคิดว่าตนเป็นศิษย์ของมกุฎเต๋าหวูจี๋แล้วจะสามารถทำตัวกำเริบเสิบสานที่นี่ได้ กูจะสอนวิธีการเป็นคนถ่อมตัวให้มึงบัดเดี๋ยวนี้แหละ”
ประมุขเต๋าคนหนึ่งจากโลกาเทพมังกรไท่ชูลุกพรวดขึ้นมา พลังออร่าที่บ้าระห่ำระเบิดออกมาจากร่างกาย ก่อนจะปล่อยหมัดไปทางหลัวซิวจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่ลงมือโจมตีตน หลัวซิวยังคงสุขุมเรียบนิ่งอยู่เช่นเคย ตั้งแต่เข้ามาในตำหนักใหญ่แห่งนี้เป็นต้นมา เงาร่างของประมุขเต๋าเลี่ยเทียนที่ถูกมองข้ามมาโดยตลอดก็กระพริบทีหนึ่ง ปรากฏตรงหน้าเขา ก่อนจะง้างมือขึ้นมาใช้ฝ่ามือเป็นดาบ ฟาดฟันออกไป
“ฟึ่บ!”
มีหมอกเลือดกลุ่มหนึ่งระเบิดแตก ประมุขเต๋าเผ่าพันธุ์มารที่ลงมือนั่น อย่าว่าแต่กำปั้นเลย ร่างกายครึ่งซีกถูกผ่าออกจนแยกออกเป็นสองซีก เลือดสีแดงสดสาดกระเด็น สภาพอนาถจนไม่อาจทนดูได้จริง ๆ
โลกาเทพมังกรไท่ชูมีมกุฎมังกรสองคนเป็นผู้นำ ยึดเผ่าพันธุ์มารเป็นเจ้า เผ่าพันธุ์มารมีร่างญาณที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่กำเนิด เมื่ออยู่ในแดนเดียวกันก็มีคู่ต่อสู้น้อยมาก จ้าวมารที่ลงมือยิ่งมีศักยภาพประมุขเต๋าช่วงกลาง แต่ไม่นึกเลยว่าเพียงกระบวนท่าเดียวก็เสียเปรียบขนาดนี้แล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังแห่งเลี่ยเทียนที่สามารถฉีกกระชากทุกสรรพสิ่ง ร่างเนื้ออันแข็งแกร่งที่เขาภาคภูมิใจก็ไม่มีประโยชน์เลยด้วยซ้ำ ศักยภาพของเลี่ยเทียนแค่ฟื้นฟูกลับมาถึงประมุขเต๋าช่วงกลาง ต่างอยู่ในแดนเดียวกัน จ้าวมารแห่งโลกาเทพมังกรไท่ชูคนนี้เป็นประมุขเต๋าช่วงกลางที่มีศักยภาพอันดับต้น ๆ แต่เลี่ยเทียนกลับเป็นประมุขเต๋าช่วงกลางขั้นสุดยอด ศักยภาพยิ่งไม่ด้อยกว่าประมุขเต๋าช่วงปลายบางส่วน
กระทั่งบัดนี้ ผู้คนถึงจะสังเกตเห็นเลี่ยเทียน ประมุขเต๋าจำนวนไม่น้อยล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่คงอยู่มายาวนานอย่างไม่รู้จบ ในจำนวนคนทั้งหมดก็มีบางคนจำตัวตนของเลี่ยเทียนได้เช่นกัน
“นั่นมันประมุขเต๋าเลี่ยเทียนมิใช่หรือ?”
“ใช่สิ หากไม่ได้เห็นเองกับตา ข้าก็เกือบมองข้ามไปแล้ว ข่าวลือเล่ากันว่าเขาดับสลายสูญสิ้นไปตั้งนานแล้วมิใช่หรือ?”
“12 สวรรค์ไท่ชูคือศิษย์สนิทของบรรพสวรรค์ ย่อมไม่มีทางดับสลายสูญสิ้นง่าย ๆ อยู่แล้ว ไม่เห็นหรือว่าประมุขเต๋าเฟิงเทียนกำลังนั่งอยู่ด้านหลังมกุฎเต๋านอกนภา อีกทั้งประมุขเต๋าเยว่เทียนก็นั่งอยู่ด้านหลังมกุฎเต๋าหวูซินเช่นกัน?”
“แฮะ ๆ ไม่แน่บรรพสวรรค์ก็อาจจะยังไม่ตาย อีกไม่กี่ปีเขาอาจจะอุบัติขึ้นมาใหม่อีกครั้งก็เป็นได้”
“นี่ผู้เพื่อนยุทธ์กำลังล้อเล่นอยู่สินะ?”
“มันจะไม่มีทางเป็นไปได้อย่างไร? บรรพสวรรค์หายไปพร้อมกับคัมภีร์สวรรค์ แม้นจักลือกันว่าเขาดับสลายสูญสิ้นไปแล้ว ทว่ามีผู้ใดที่เห็นเองกับตาบ้างเล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...