มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3005

สาเหตุที่เหล่าประมุขเต๋าจำนวนมากที่อยู่ในที่เกิดเหตุรู้สึกตะลึงเช่นนี้ เป็นเพราะแม้แต่เหล่ามกุฎเต๋าก็ยังทำอะไรกับดาบฉกรรจ์สุดหล้าเล่มนั้นไม่ได้

แต่เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขา มกุฎเต๋าทั้งแปดและหยุนเซวียนกลับรู้สึกช็อกยิ่งกว่า ตลอดจนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็นด้วยซ้ำ

เพราะดาบฉกรรจ์สุดหล้าเล่มนี้คงอยู่มาตั้งแต่ยุคสมัยประเทศเซียนแล้ว ราชาเซียนหยุนหลงยิ่งเคยพูดถึงดาบเล่มนี้ด้วยตนเอง แล้วตั้งชื่อดาบฉกรรจ์สุดหล้าเล่มนั้นว่าหักเซียน ซึ่งเป็นอาวุธโหดที่หลอมสร้างขึ้นมาเพื่อสังหารปราบปรามเซียนโดยเฉพาะ!

ทุกคนที่คิดจะสยบกำราบดาบฉกรรจ์เล่มนี้ล้วนจะถูกจิตสังหารโจมตี และเมื่อผลการฝึกตนยิ่งสูง จิตสังหารที่โจมตีก็จะยิ่งทรงพลัง แม้แต่ราชาเซียนหยุนหลงยังเคยยอมรับกับปากตัวเองเลยว่า มาตรแม้นว่าเป็นเขาก็ไม่สามารถสยบดาบฉกรรจ์เล่มนั้นได้

ดาบฉกรรจ์เล่มหนึ่งที่แม้แต่ราชาเซียนหยุนหลงยังไม่สามารถทำให้มันยอมจำนนได้ แล้วมันจะเป็นอาวุธที่น่ากลัวมากเพียงใดกันนะ?

หลัวซิวไม่ทราบเรื่องเหล่านี้แต่อย่างใด หากเขาทราบละก็ คงจะรู้สึกทอดถอนใจที่เมื่อปีนั้นตนโชคดีมากเพียงใด หากไม่ใช่เพราะเขาปลุกตื่นการถ่ายทอดสืบสานไท่ซ่างภายใต้การโจมตีของดาบโลหิตหักเซียน เขาคงกลายเป็นวิญญาณดวงหนึ่งของดาบฉกรรจ์เล่มนี้ไปตั้งนานแล้ว

วินาทีนี้ สีหน้าอารมณ์ที่เหล่ามกุฎเต๋าที่มองไปทางหลัวซิวก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว มกุฎมังกรเอี๊ยงก็เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดหลัวซิวจึงกล้าต่อกรกับตัวเอง ที่แท้ก็เป็นเพราะอาศัยว่ามีดาบฉกรรจ์เล่มนี้อยู่ในมือนี่เอง

อะไรก็ตามมกุฎเต๋าทั้งแปดก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อมีดาบโลหิตหักเซียนอยู่ในมือ พวกเขาก็หวาดหวั่นขึ้นมาไม่น้อยจริง ๆ

“เจ้าปิดบังได้แนบเนียนมากเลยนี่”ดวงตาที่เป็นประกายดั่งดวงดาวของหยุนเซวียนเบิกกว้าง “เมื่อปีนั้นแม้แต่ท่านพ่อข้าเองก็ยังสยบดาบฉกรรจ์เล่มนี้ไม่ได้นะ”

เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว หลัวซิวก็รู้สึกตะลึงมาก เดิมทีเขาคิดว่าดาบโลหิตหักเซียนเล่มนี้เป็นแค่ภัณฑ์เซียนที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าแม้แต่ราชาเซียนยังไม่สามารถทำให้มันยอมจำนนได้ อย่างนั้นความแข็งแกร่งของดาบฉกรรจ์เล่มนี้ก็คงอยู่เหนือการคาดหมายของเขามาก ๆ

“ทุกท่าน ในเมื่อศิษย์น้องหยุนเซวียนมาแล้ว เราก็คุยเรื่องวังทะยานเซียนก่อนเถิด”

และในเวลานี้เอง จู่ ๆ มกุฎเต๋าสังสารวัฏก็เอ่ยปากพูด “ผู้เพื่อนยุทธ์หลัวอายุยังน้อยแต่ก็ฝึกถึงแดนประมุขเต๋าแล้ว และยิ่งสยบดาบฉกรรจ์สุดหล้าได้ อนาคตในดาราจักรวาลนี้ เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้เจ้าแล้วล่ะ”

คำพูดดังกล่าวของมกุฎเต๋าสังสารวัฏเหมือนจะเป็นคำชื่นชม แท้จริงแล้วกลับเป็นคำพูดที่มีผลกระทบรุนแรงมาก ซึ่งนี่เท่ากับการผลักหลัวซิวเข้าสู่สถานที่ที่มีการต่อสู้ดุเดือดที่สุด

แต่ใบหน้าของหลัวซิวกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่ใส่ใจ เพราะต่อให้มกุฎเต๋าสังสารวัฏไม่พูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ในเมื่อดาบโลหิตหักเซียนอยู่ในมือเขา ก็ต้องทำให้คนจำนวนมากมองเขาเป็นหนามยอดอกแน่นอน

เมื่อมีมกุฎเต๋าสังสารวัฏเอ่ยปากพูด ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

“ต้วนคง เลี่ยเทียน พวกเจ้าทั้งสองไม่ต้องเข้าไปในวังทะยานเซียนแล้ว”หลังจากเดินเข้าไปนั่งในตำหนักใหญ่พร้อมกับหยุนเซวียน หลัวซิวก็ใช้ตัวสำนึกส่งเสียงพูดกับต้วนคงและเลี่ยเทียนทั้งสองคน

สำหรับเรื่องที่ไม่สามารถเข้าไปในวังทะยานเซียนได้นั้น ต้วนคงและเลี่ยเทียนย่อมต้องรู้สึกเสียดายอยู่แล้ว อย่างไรเสียนั่นก็เป็นซากโบราณสถานชาวเซียนที่ไม่ธรรมดา แต่เป็นสนามเต๋าที่ราชาเซียนองค์นั้นในสมัยประเทศเซียนได้ทิ้งไว้

ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้คัดค้านการจัดแจงของหลัวซิว เนื่องจากต่อให้ภายในวังทะยานเซียนจะมีโชคโอกาสอะไร จากศักยภาพของพวกเขาเกรงว่าก็คงช่วงชิงไม่ได้ แต่หลัวซิวกลับมีต้นทุนในการต่อกรกับมกุฎเต๋า ไม่แน่อาจได้รับของดี ๆ ออกมาก็เป็นได้

และสาเหตุที่หลัวซิวไม่ให้ประมุขเต๋าอย่างพวกเขาทั้งสองเข้าไปวังทะยานเซียนก็ง่ายมาก เพราะเขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าหลังจากเข้าไปในวังทะยานเซียนแล้ว จะมีภยันตรายอะไร ดังนั้นเขาจะไม่พาพวกเสี่ยวจื่อและยู่เอ๋อร์เข้าไปเช่นกัน แต่ถ้าเกิดให้พวกนางอยู่ด้านนอกละก็ เกรงว่าผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่หน้าไม่อายจะลอบทำร้ายพวกนางอีก ดังนั้นจึงทำได้เพียงให้ประมุขเต๋าทั้งสองอย่างต้วนคงและเลี่ยเทียนอยู่ด้านนอก ถึงจะมั่นใจรับประกันได้ว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด

เพื่อเป็นการป้องกันเหตุสุดวิสัย หลัวซิวยังทิ้งเข็มทิศสาส์นเต๋าไว้ด้านนอกด้วย เมื่ออาศัยความเร็วในการเคลื่อนที่ของเข็มทิศสาส์นเต๋า ต่อให้เป็นมกุฎเต๋าก็อย่าคิดว่าจะตามทัน

ส่วนตัวหลัวซิวเองมีดาบโลหิตหักเซียนอยู่ หากได้ปะทะคู่ต่อสู้ที่แม้แต่ดาบโลหิตหักเซียนยังทำอะไรไม่ได้ เช่นนั้นต่อให้เขามีเข็มทิศสาส์นเต๋าก็หนีไม่รอดเช่นกัน

ดังนั้นการที่เขาทิ้งเข็มทิศสาส์นเต๋าเอาไว้ จึงเป็นการจัดแจงที่ดีที่สุด

……

หยุนเซวียนเข้าใจดีมากว่าสาเหตุที่มกุฎเต๋าเหล่านี้เรียกนางว่าศิษย์น้องเล็กด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม น้ำเสียงที่อ่อนโยน ด้านหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาอยากเข้าไปในวังทะยานเซียน ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เป็นเพราะพวกเขาเกรงกลัวไพ่เด็ดที่ท่านพ่อทิ้งไว้ให้ตน

แต่ถ้าเกิดนางปฏิเสธไม่พาคนเหล่านี้เข้าไปในวังทะยานเซียนด้วยละก็ เช่นนั้นไม่เพียงจะทำให้พวกเขาแตกหักกัน เกรงว่านางก็คงไม่มีที่ยืนในห้วงดาราแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว

ฉะนั้นแม้นหยุนเซวียนจะไม่ยินยอมมากเพียงใดก็ตาม แต่ก็ทำได้เพียงพาทุกคนมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งที่ตั้งของวังทะยานเซียน

มองหลัวซิวที่อยู่ข้างกายรอบหนึ่ง หยุนเซวียนรู้อยู่ว่าข้างกายตนมีเขาเป็นพันธมิตรเพียงคนเดียวแล้ว แม้นนางจะรู้จักพวกหวูซิน หวูจี๋มาตั้งแต่เด็ก แต่ทว่านอกจากท่านพ่อแล้ว คนที่นางเชื่อใจมากที่สุดก็มีแค่หลัวซิวคนเดียวแล้ว

วังทะยานเซียนที่ลอยอยู่กลางนภาดาราหยุนหลงเป็นเพียงทางเข้าหนึ่ง หลังจากมกุฎเต๋าทั้งหลายเข้าไปภายในแล้ว ก็มุ่งหน้าตรงไปยังยอดเขาที่มีแสงเซียนปกคลุมทันที จึงแสดงให้เห็นเลยว่าพวกเขาเคยมาสำรวจเส้นทางตั้งนานแล้ว

จุดที่สูงที่สุดของยอดเขาแสงเซียนถึงจะเป็นทางเข้าที่แท้จริงของวังทะยานเซียน บนประตูใหญ่ของวังทะยานเซียนมีตัวต้องห้ามที่ทรงพลัง มกุฎเต๋าประมุขเต๋า 20 กว่าคนมาถึงที่นี่ ก่อนจะนำสายตาเพ่งเล็งไปทางหยุนเซวียน

เนื่องจากทุกคนล้วนสัมผัสได้ถึงห้วงกระบี่ที่รวดเร็วและเฉียบคมอย่างยิ่งสะท้อนออกมาจากประตูใหญ่ของวังทะยานเซียน หลัวซิวเห็นว่าภายในแววตาของประมุขเต๋าบางคนมีรัศมีแห่งความหวาดหวั่น จึงแสดงให้เห็นเลยว่าขณะที่พวกเขามาสำรวจเส้นทางที่นี่ ล้วนเคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่มาก่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ