มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3006

วินาทีที่ประตูใหญ่ของวังทะยานเซียนเปิดออก ห้วงกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวกวาดล้างออกไปอย่างรุนแรง ต่อให้เป็นเหล่ามกุฎเต๋าต่างก็ยังต้องอัญเชิญภัณฑ์เต๋าป้องกันออกมาจึงจะสามารถต้านเอาไว้ได้ ส่วนเหล่าประมุขเต๋าที่เหลือต่างก็พากันอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงกันหมด

ประมุขเต๋าคนหนึ่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงยังไม่ทันได้มีเวลาตอบสนอง เขาก็ถูกดูดเข้าไป ร่างกายของเขาก็ถูกโจมตีจนกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา แม้แต่ปริภูมิของแหวนเก็บของก็พลันระเบิด สมบัติจำนวนมากกระจัดกระจายออกมา

ยกเว้นทรัพยากรที่มีคุณสมบัติแข็งแกร่งบางชนิด สมบัติประเภทอื่น ๆ อย่างเช่นไข่มุกเต๋า ยา หรือยาเซียนต่างก็ถูกการโจมตีของห้วงกระบี่ทำลายจนกลายเป็นผุยผง

เมื่อเห็นภาพตกหน้านี้ เหล่าประมุขเต๋าคนอื่น ๆ ก็ยิ่งถอยหลังหนีกันอย่างบ้าหลั่ง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือล้มตายอีก

เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ที่ตื่นตระหนกจนแทบทำอะไรไม่ถูก ทางหลัวซิวกับหยุนเซวียนกลับไม่ได้เผชิญหน้ากับการโจมตีแต่อย่างใด

ประมุขเต๋าคนหนึ่งในใต้บัญชาของมกุฎเต๋าหวูซินตายลงที่นี่ เห็นเพียงเขาหมุนตัวหันมาทางหยุนเซวียนด้วยสีหน้าเย็นชา “ศิษย์น้องหยุนเซวียนนี่มันอะไรกัน? เจ้ารู้อยู่แล้วว่าหลังจากประตูใหญ่เปิดออกจะมีอันตราย เหตุใดจึงไม่เตือนกันสักคำ หรือเจ้าอยากให้เราทั้งหมดตายอยู่ที่นี่งั้นหรือ?”

มกุฎเต๋าและประมุขเต๋าคนอื่น ๆ ต่างก็หันมามอง ผู้สูงส่งทั้งเจ็ดยังไม่ได้เป็นอะไร แต่เหล่าประมุขเต๋าคนอื่น ๆ ไม่มากก็น้อยต่างได้รับบาดเจ็บ สีหน้าต่างเต็มไปด้วยความคร่ำเครียด รอคำอธิบายจากหยุนเซวียนอยู่

หลัวซิวไม่ได้พูดอไร แต่การที่เขาก็ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่ข้างกายหยุนเซวียนก็ได้แสดงถึงท่าทีที่ชัดเจนของตนออกมาแล้ว

เผชิญหน้ากับข้อสงสัยของมกุฎเต๋าและประมุขเต๋าทั้งหลาย หยุนเซวียนกลับไม่ใส่ใจแต่อย่างใด พูดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ช้าไม่เร็ว “ศิษย์พี่หวูซิน เจ้าพูดเช่นนี้ก็คงไม่ถูก ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหลังจากประตูใหญ่เปิดออกจะมีอันตราย? ที่แห่งนี้มีคนอยู่ตั้งมากมาย คนของเจ้าตายนั่นก็ทำได้แค่โทษที่พลังของเขาที่ไม่แข็งแกร่งพอ เหตุใดถึงมาโทษข้ากัน?”

ถึงแม้อีกฝ่ายจะจะมีพรรคมีพวกมากกว่า เทพธิดาหยุนเซวียนก็ยังคงมีทีท่ามั่นอกมั่นใจไร้ความหวาดเกรงใด ๆ เพราะนี่เพิ่งจะมาถึงยังประตูใหญ่ของวังทะยานเซียน เจ้าคนพวกนี้หากต้องการเข้าไปด้านในของวังทะยานเซียน ก็ยังจำเป็นต้องพึงพานางจึงจะเข้าไปได้ ดังนั้นนางจึงไม่ได้กังวลใจเลยแม้แต่น้อยว่ามกุฎเต๋าหวูซินจะมาแตกหักกับนางตรงที่แห่งนี้

“ข้าคิดว่าศิษย์น้องหยุนเซวียนพูดมาก็ถูก ตรงนี้พวกเรามีกันยี่สิบกว่าคน คนอื่น ๆ ยังไม่เป็นอันใด ตายไปคนหนึ่งก็คงจะทำได้เพียงโทษที่เขารู้น้อยเอง ยังระมัดระวังไม่พอ” มกุฎเต๋าหวูจี๋อยู่ ๆ ก็เอ่ยปากขึ้นมา

“ใช่แล้ว ประตูใหญ่ก็เปิดแล้ว ห้วงกระบี่นั่นก็สลายไปแล้ว น่าจะไม่มีสิ่งใดอันตรายอีก ทุกท่านรีบเข้าไปด้านในกันเถอะ” มกุฎเต๋าบรรพเสวียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พลันพูดเอ่ยพร้อมเสียงหัวเราะแฮะ ๆ

มกุฎเต๋าหวูซินก็ไม่ได้มีความคิดที่จะแตกหักลงไม้ลงมือกับนาง ณ ที่แห่งนี้ ถึงแม้ว่าการอบรมสั่งสอนประมุขเต๋าขึ้นมาสักคนจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อเทียบกับโอกาสของวังทะยานเซียนแล้ว การสูญเสียประมุขเต๋าคนหนึ่งก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่แต่อย่างใด เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เขาขัดใจคือคนแรกที่ตายไปในที่แห่งนี้กลับเป็นคนที่เขาพามาก็เท่านั้น

ดังนั้นมกุฎเต๋าหวูซินก็ทำแค่เพียงส่งเสียงฮึมฮัม ออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ หลังจากวังทะยานเซียนเปิดออก ด้านในก็เต็มไปด้วยหมอกคลุมเครือ ทุกคนก็ต่างไม่สามารถมองได้ชัดว่าในตำหนักนั้นมีลักษณะเป็นเช่นไร

วังทะยานเซียนคือสนามเต๋าของราชาเซียนหยุนหลง ที่เรียกว่าสนามเต๋า นั่นก็คือสถานที่ในการฝึกตน สถานที่ที่ราชาเซียนท่านหนึ่งเคยใช้ฝึกตน จะต้องมีโอกาสและโชคลาภที่ไม่ธรรมดารออยู่สำหรับทุกคนเป็นแน่

แต่กลับไม่มีใครกล้าพุ่งตัวเข้าไปด้านใน แต่กลับส่งสายตามามองทางหยุนเซวียนอีกครั้ง

“พวกขี้ขลาดตาขาว ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าพวกเจ้าที่มีความกล้าเพียงน้อยนิดเช่นนี้ สามารถฝึกตนมาจนถึงแดนเช่นนี้ได้อย่างไร”

หยุนเซวียนกวาดสายตาไม่แย่แสมองไปทางทุกคน รวมถึงมกุฎเต๋าทั้งแปดก็ถูกนางเย้ยหยันไปด้วย ทำให้สีหน้าของคนส่วนมากต่างก็มีสีหน้าที่ดูไม่ดีนัก

โดยไม่มีโอกาสให้คนอื่นได้เถียงแต่อย่างใด หยุนเซวียนก็พลันพุ่งเข้าไปในวังทะยานเซียนเป็นคนแรก

เมื่อเห็นหยุนเซวียนกระโจนเข้าไปแล้ว หลัวซิวก็ย่อมตามเข้าไปติด ๆ จากนั้นมกุฎเต๋าและประมุขเต๋าคนอื่น ๆ ต่างก็พากันเคลื่อนไหว

เมื่อเข้าไปภายในวังทะยานเซียน หลัวซิวก็ได้เห็นสำนักหนึ่งมีมีลักษณะเป็นทรงกลม ที่บริเวณใจกลางของสำนักมีเบาะสานทรงกลมวางอยู่ ด้านข้างของเบาะสาน มีโต๊ะอยู่หนึ่งตัว

หยุนเซวียนและหลัวซิวคือกลุ่มแรกที่เข้ามาในนี้ จากนั้นหลัวซิวก็เห็นว่าหยุนเซวียนมุ่งหน้าตรงเข้าไปยังตำแหน่งของเบาะสานอย่างไร้ซึ่งความลังเล

หลัวซิวมองเห็นกระถางดอกไม้เป็นอันดับแรก ด้านในของกระถางดอกไม้ปลูกต้นไผ่สีทองอยู่ เพียงมองแค่ปราดเดียว ก็สามารถทำให้รู้สึกว่าเจ้าต้นไผ่กระถางนี้ไม่ธรรมดา

ดังนั้นหลัวซิวจึงรีบเคลื่อนไหวโดยไม่เอ่ยคำพูดใด โบกมือขึ้นครั้งหนึ่ง ก็เก็บเอากระถางไผ่นี้เข้าไปในแหวนเก็บของ

ในขณะเดียวกัน เขาเห็นว่าหยุนเซวียนหยิบแหวนวงหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะข้างเบาะสาน

เห็นได้ชัดว่า หยุนเซวียนนั้นรู้จักวังทะยานเซียนแห่งนี้เป็นอย่างดี จากเป้าหมายของนางหลังจากเข้ามา ก็คือพุ่งตรงมายังแหวนวงนี้ทันที

“สายตาเจ้าช่างมีแววเหลือเกิน ไผ่ทองกระถางนี้คือเมล็ดเซียนตรีภพที่ท่านพ่อของข้าได้รับมาอย่างไม่ตั้งใจ” หยุนเซวียนเก็บแหวนลงไป มองไปทางหลัวซิวแล้วเอ่ยกล่าว

โดยไม่รอให้หลัวซิวพูดอะไร เหล่ามกุฎเต๋าและประมุขเต๋าคนอื่น ๆ ต่างก็พากันเข้ามายังสำนักทรงกลมแห่งนี้ ทุกคนต่างแยกย้ายกันออกไปอย่างรู้งาน จากนั้นก็เริ่มค้นหาสมบัติภายในสำนักแห่งนี้

ปริภูมิของสำนักแห่งนี้ไม่เล็ก ไม่นานคนอื่น ๆ ก็ได้รับสมบัติกันถ้วนหน้า ส่วนใครได้รับสิ่งใดนั้น ยิ่งเป็นความลับไม่เอ่ยให้ผู้ใดรู้

มกุฎเต๋าวัฏสงสารหันไปมองหยุนเซวียนที่นั่งอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องคิดให้มากก็รู้ได้ว่าหยุนเซวียนเป็นคนแรกที่เข้ามายังที่แห่งนี้ แน่นอนว่าจะต้องได้รับสมบัติที่คุ้มค่ามากที่สุดไปเป็นแน่

ถึงแม้ว่าเคล็ดวัฏสงสารเลิศล้ำของเขาจะถึงแดนบรรลุผล ผลการฝึกตนบรรลุสุดร่างมกุฎเต๋า แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่สามารถก้าวข้ามไปถึงกลายเซียนได้ ในระดับเช่นนี้ ก็ยังคงอยู่ในระดับเทพมารอยู่ดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ