มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3007

สรุปบท บทที่ 3007 วาจาแห่งชะตาชีวิต: มหายุทธ์ สะท้านภพ

บทที่ 3007 วาจาแห่งชะตาชีวิต – ตอนที่ต้องอ่านของ มหายุทธ์ สะท้านภพ

ตอนนี้ของ มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 3007 วาจาแห่งชะตาชีวิต จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

“งั้นหรือ? ต่อให้ดาบโลหิตหักเซียนจะแข็งแกร่งกว่านี้อีกสักเพียงใด แต่สุดท้ายก็ยังเป็นเพียงแค่ของนอกกาย”

มกุฎเต๋าวัฏสงสารไม่ได้ใส่ใจ เมื่อสิ้นเสียงของเขา แรงเต๋าวัฏสงสารที่แข็งแกร่งกว่าเดิมก็หลอมรวมกัน ทำให้วัฏสงสารใต้หล้าที่แปรเปลี่ยนเป็นผืนนภาปลดปล่อยแรงกดดันที่ทรงพลังยิ่งขึ้น แม้แต่ประมุขเต๋าคนอื่น ๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไปก็ยังรู้สึกถึงการถูกกดขี่

คิ้วเรียวงามของหยุนเซวียนขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นัยน์ตางดงามเผยความกังวลใจเล็ก ๆ ออกมา ฮู้ชิ้นหนึ่งถูกนางกำเอาไว้ในฝ่ามือ ตราบใดก็ตามที่หลัวซิวมีอันตรายจนถึงชีวิต นางก็จะไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่

เพราะว่านอกจากท่านพ่อแล้ว หลัวซิวคือคนเดียวในชีวิตของนางที่นางสามารถเชื่อใจได้แล้ว

สีหน้าของมกุฎเต๋าทั้งเจ็ดคนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาย่อมสังเกตุได้ว่าพลังของมกุฎเต๋าวัฏสงสารได้บรรลุถึงสุดร่างมกุฎเต๋าแล้ว อาศัยผลการฝึกตนนี้รวมเข้ากับวัฏสงสารโลกยุทธ์อันแข็งแกร่ง ท่ามกลางมกุฎเต๋าทั้งหมด พลังของมกุฎเต๋าวัฏสงสารถือว่าแข็งแกร่งที่สุดแล้ว

“ปัง!”

และภายในช่วงวินาทีนี้เอง หลัวซิวโบกสะบัดดาบเลือดในมือ แสงดาบสีแดงเลือดก็บินลอยออกมา

เจตนาสังหารที่รุนแรงและดุร้ายบดขยี้ทุกสิ่งกีดขวาง แรงเต๋าวัฏสงสารที่แปรเปลี่ยนเป็นผืนนภาถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ทันทีราวกับเศษกระดาษ

“เป็นไปได้อย่างไร?”

สีหน้าของมกุฎเต๋าวัฏสงสารเปลี่ยนไปทันที เป็นการสำแดงพลังแห่งดาบโลหิตหักเซียนเหมือนกัน แต่ในวินาทีนี้สิ่งที่หลัวซิวสำแดงออกมา กลับแตกต่างและแข็งแกร่งยิ่งว่าที่มกุฎมังกรเอี๊ยงสำแดงที่สำนักเมืองฉวินเซียนไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ ด้วยผลการฝึกตนสุดร่างมกุฎเต๋าของเขา กลับถูกเจตนาสังหารของดาบเลือดตรึงเอาไว้ การตรึงชนิดนี้ มันกลับทำให้เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนกายได้ ทำได้เพียงแค่มองแสงดาบของเจตนาสังหารไร้เทียมทานพุ่งตรงเข้ามาฟาดฟันตนโดยไม่สามารถทำอะไรได้

“นี่คือพลังอำนาจที่แท้จริงของดาบโลหิตหักเซียนงั้นหรือ?” มกุฎเต๋าวัฏสงสารในเวลานี้ตื่นตระหนกจนถึงขีดสุด ดาบฉกรรจ์สุดหล้าที่ทำให้ราชาเซียนหยุนหลงไม่อาจถอยหนี น่าหวาดเกรงเสียจนไม่อาจจินตนาการได้!

“ไอสังหารช่างน่าสะพรึงเหลือเกิน!”

ใบหน้าของมกุฎเต๋าทั้งเจ็ดต่างก็เปลี่ยนไปหลายครั้ง ร่องรอยของความกลัวฉายแววในดวงตาของพวกเขา จากการโจมตีที่น่าตกใจเช่นนี้ หลัวซิวคนนี้มีดาบโลหิตหักเซียนอยู่ในมือ เขามีความคุณสมบัติเพียงพอในการสนทนากกับเหล่ามกุฎเต๋าแล้ว

แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด หลัวซิวเพิ่งจะบรรลุขึ้นถึงแดนประมุขเต๋าช่วงต้น ถ้าหากในภายภาคหน้าเขาบรรลุถึงประมุขเต๋าช่วงกลาง ประมุขเต๋าช่วงปลาย หรือกระทั่งแดนมกุฎเต๋า ในเวลานั้นเมื่อเขาจะกระตุ้นดาบฉกรรจ์สุดหล้าเล่มนี้อีกครั้ง ท่ามกลางจักรภพอันกว้างใหญ่ ยังจะมีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อีก?

ในเวลานี้วินาทีนี้ แม้แต่ดวงตาของมกุฎเต๋าหวูจี๋ก็อดที่จะหม่นลงไม่ได้ เดิมทีเขายังมีความรู้สึกไม่พึงพอใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วจริง ๆ ว่าหลัวซิวไม่ใช่หมากที่เขาสามารถควบคุมได้ตามต้องการอีกต่อไป

ทุกคนจ้องมองไปที่แสงดาบสีเลือดที่กำลังมุ่งหน้าไปสังหารมกุฎเต๋าวัฏสงสาร แม้ว่าเจตนาสังหารที่น่าสะพรึงกลัวของดาบโลหิตหักเซียนจะไม่ได้กำหนดเป้าหมายไว้ที่พวกเขา แต่ในฐานะผู้ที่ยืนดูอยู่ข้าง ๆ แต่พวกเขาก็ยังคงรู้สึกถึงเจตนาฆ่าที่น่าสะพรึงกลัว

ในตอนที่ทุกคนตกตะลึงกับพลังอันแข็งแกร่งของดาบโลหิตหักเซียน หลัวซิวก็ทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นในใจ เพราะใช้พลังฟันดาบออกไปในครั้งนี้ มันทำให้เขาต้องสูญเสียผลการฝึกตนไปถึงครึ่งหนึ่ง

นั่นก็หมายความว่า พลังของแสงดาบประเภทนี้ เขาสามารถใช้มันฟันเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น ก็จะสูญเสียผลการฝึกตนจนสิ้น

หลัวซิวไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถสังหารมกุฎเต๋าวัฏสงสารภายในครั้งเดียว เขาเพียงแค่ต้องการลองดูว่าหากเขาใช้ผลการฝึกตนครึ่งหนึ่งในการกระตุ้นพลังของดาบเลือดว่าจะสามารถบรรลุได้ถึงจุดใด

หากเขาต้องการสังหารมกุฎเต๋าวัฏสงสารจริง ๆ เขาก็สามารถใช้ผลการฝึกตนทั้งหมดเพื่อกระตุ้นให้ดาบนั้นทรงพลังที่สุดในคราเดียว

แต่หลัวซิวไม่ต้องการทำเช่นนั้น ถึงเขาอยากจะกำจัดมกุฎเต๋าวัฏสงสารมากก็ตาม แต่หากผลการฝึกตนของเขาหมดสิ้น เช่นนั้นเขายังจะสามารถเอาสิ่งใดไปเผชิญหน้ากับเหล่ามกุฎเต๋าและเหล่าประมุขเต๋าได้อีก?

“ปัง!”

ทันใดนั้น พลังอำนาจที่ทรงพลังยิ่งกว่าก็ปะทุออกมาจากร่างของมกุฎเต๋าวัฏสงสาร ในขณะที่พลังระเบิดออกมา มกุฎเต๋าวัฏสงสารก็หลุดพ้นพันธนาการของดาบโลหิตหักเซียนเจตนาสังหาร

ในช่วงเวลาสำคัญนี้ ภัณฑ์เต๋าที่มีลักษณะคล้ายโล่บินออกไปเพื่อป้องกันการโจมตีของแสงดาบสีเลือดที่เข้ามา

ในเวลาเดียวกัน มกุฎเต๋าวัฏสงสารก็พลันหายตัว หลบหลีกด้วยความรวดเร็ว

พร้อมกับเสียงดังสนั่น กระแสน้ำวนพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวกวาดไปทั่วทั้งสี่ทิศ แสงเลือดระเบิดออกมา แขนข้างหนึ่งกระเด็นออกไป เลือดสดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกพื้นที่

ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง เพราะทุกคนเห็นว่าแขนที่ถูกฟันออกไปนั้น กลับเป็นแขนของมกุฎเต๋าวัฏสงสาร!

และโล่ภัณฑ์เต๋าที่พยายามออกมาต้านแสงดาบสีเลือดนั้น ถูกผ่าครึ่งและหล่นลงกับพื้นไม่ต่างกับเศษเหล็ก

ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวจริง ๆ!

ผู้คนต่างตกตะลึงอีกครั้ง ด้วยผลการฝึกตนของมกุฎเต๋าวัฏสงสาร ภัณฑ์เต๋าที่เขาอันเชิญออกมา อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นภัณฑ์เต๋าชั้นสูง หรือกระทั่งเป็นภัณฑ์เต๋าชั้นยอด ภัณฑ์เต๋าที่แข็งแกร่งเช่นนี้กลับถูกตัดเป็นชิ้น ๆ ด้วยแสงดาบในครั้งเดียว ก็ไม่แปลกใจที่มกุฎเต๋าวัฏสงสารจะถูกฟันจนแขนขาดไปข้างหนึ่ง

มกุฎเต๋าวัฏสงสารในเวลานี้อารมณ์ไม่ดีถึงขีดสุด เดิมคิดว่าหลังจากเคล็ดวัฏสงสารเลิศล้ำบรรลุผล ผลการฝึกตนบรรลุถึงสุดร่างมกุฎเต๋า เขาจะต้องเป็นปรมาจารย์ของดาราจักรวาลที่นี่ แต่เขาไม่คาดคิดว่าผู้น้อยที่เขาไม่เคยมองอยู่ในสายตา จะเติบโตขึ้นถึงจุดที่สามารถคุกคามเขาได้

ขนาดที่ว่าเขายังมีไพ่ตายที่แข็งแกร่งจนมั่นใจว่าจะสังหารหลัวซิวได้ แต่หลังจากกำจัดหลัวซิวไปแล้ว เขาก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะออกจากที่นี่ไปได้อย่างง่ายดาย ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่หวูจี๋ นอกนภา บรรพจารย์เสวียน บรรพจารย์จักรภพทั้งสี่คนนี้ แม้แต่หวูซินหรือมกุฎมังกรอิมเอี๊ยงที่เป็นพันธมิตรกับเขาต่างก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะหันมาโจมตีเขา

“ช่างเป็นผู้น้อยที่น่าเกรงขามเหลือเกิน!”

หลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง มกุฎเต๋าวัฏสงสารก็เลือกที่จะหยุดลงเพียงเท่านี้ พูดเสียงเย็นชาออกมาประโยคหนึ่ง จากนั้นก็เก็บเจตนาสังหารกลับไป

“เหอเหอ มกุฎเต๋าวัฏสงสารชมเกินไปแล้ว ดาบนั่นเป็นการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของข้าแล้ว ข้าไม่ได้คาดคิดว่าจะตัดแขนข้างหนึ่งของท่านเช่นนี้ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ” หลัวซิวพูดพร้อมเสียงหัวเราะเบา ๆ

สิ้นประโยคนี้ของหลัวซิว สีหน้าของมกุฎเต๋าวัฏสงสารก็พลันเคร่งขรึมขึ้นมา หลังจากเขาบรรลุผลการฝึกตนสุดร่างมกุฎเต๋าแล้วว การต่อสู้ครั้งแรกก็แขนขาดไปข้างหนึ่ง ช่างเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับเขาจริง ๆ

สำหรับหลัวซิวที่บอกว่าดาบนั่นเป็นการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขา อย่าว่าแต่มกุฎเต๋าวัฏสงสารที่ไม่เชื่อ มกุฎเต๋าและประมุขเต๋าคนอื่น ๆ ก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ถ้าหากว่าเข้ามีไม้ตายเพียงเท่านี้ มกุฎเต๋าวัฏสงสารจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ? แล้วเขายังกล้าเย้ยหยันมกุฎเต๋าวัฏสงสารต่ออีกงั้นหรือ?

เพียงพริบตา บรรยากาศภายในสำนักทรงกลมของวังทะยานเซียนก็พลันเคร่งเครียดขึ้นมา

“หวูจี๋ ครานี้เจ้าคาดการผิดไปเสียแล้ว” บรรพจารย์จักรภพที่ไม่ค่อยพูดนั้นอยู่ดี ๆ ก็ใช้ตัวสำนึกส่งเสียงให้กับมกุฎเต๋าหวูจี๋

มกุฎเต๋าหวูจี๋ย่อมรู้ถึงความหมายของบรรพจารย์จักรภพ หากว่าเขาไม่ได้เห็นว่าหลัวซิวเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของเขา แต่หากเขารับหลัวซิวเป็นลูกศิษย์และสั่งสอนเขาจากใจจริง บางทีหลัวซิวที่ครอบครองดาบโลหิตหักเซียนอยู่ในเวลานี้ ก็คงเป็นคนที่ยืนอยู่เคียงข้างพวกเขาแล้ว

แต่มกุฎเต๋าหวูจี๋กลับไม่ได้มีความรู้สึกเสียใจภายหลังแต่อย่างใด เพราะว่าเขาเป็นคนมีอำนาจทุกอย่างและเห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขอให้เขาปฏิบัติต่อใครบางคนอย่างจริงใจ

“เพียงแค่ผลการฝึกตนไม่เกินกว่าจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ต่างก็สามารถสำรวจสัจธรรมจากชะตาฉางเหอได้ แต่มีเพียงหลัวซิวผู้นี้ ถึงแม้ตอนนั้นผลการฝึกตนของเขายังไม่ถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าด้วยซ้ำ จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ก็ยังไม่สามารถสำรวจสัจธรรมชะตาชีวิตของเขาได้แม้เพียงเล็กน้อย”

“หากพูดกันตามคำของจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ หลัวซิวคนนี้เป็นกรณีพิเศษ โชคชะตาของเขาเรียกได้ว่าเกินกว่าพันธนาการของชะตาฉางเหอ”

“ชะตาชีวิต?” มกุฎเต๋าหวูจี๋เอ่ยขึ้นเบา ๆ “บรรพจารย์จักรภพ เจ้ากับข้าต่างฝึกตนถึงแดนเช่นนี้แล้ว เจ้ายังเชื่อในสิ่งลวงตาที่เรียกว่าวาจาแห่งชะตาชีวิตอีกหรือ?”

หลังจากบรรพจารย์จักรภพเงียบไปสักพัก เสียงก็ถูกส่งมาอีกครั้ง “ข้าเชื่อ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ