ตอน บทที่ 3008 หนืดอมฤตตรีภพ จาก มหายุทธ์ สะท้านภพ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 3008 หนืดอมฤตตรีภพ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ มหายุทธ์ สะท้านภพ ที่เขียนโดย หลงเซียว-มังกรคำราม เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
หยุนเซวียนก็ไม่คาดคิดว่าพลังอำนาจของดาบโลหิตหักเซียนจะแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ ที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ หลัวซิวเพิ่งจะบรรลุแดนประมุขเต๋าไม่นาน แต่กลับสามารถอาศัยดาบที่ทรงพลังเล่มนี้ต่อกรกับมกุฎเต๋าได้
ที่ต้องรู้คือครั้งนี้ไม่เหมือนกับตอนที่เขาต่อสู้กับมกุฎมังกรเอี๊ยงโดยสิ้นเชิง ต่อให้มกุฎเต๋าวัฏสงสารไม่ได้อออกแรงทั้งหมด แต่ก็ต้องใช้พลังมากถึงเจ็ดแปดส่วนแล้วเป็นแน่
ในวังทะยานเซียนแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยกลุ่มผู้แข็งแกร่ง สามารถมีคู่หูที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่งเช่นนี้ ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นที่สุด
หลังจากกลืนยาเซียนระดับประมุขเต๋าเม็ดที่สองลงไป ผลการฝึกตนที่สูญสิ้นไปของหลัวซิวก็ฟื้นฟูกลับขึ้นมาแล้ว ถึงแม้ด้วยฐานะของเขา ยาเซียนระดับประมุขเต๋ามีไม่มาก แต่ด้วยสถานการณ์อันตรายตรงหน้านี้ เขาจำเป็นต้องรักษาสถานะให้อยู่ในจุดสูงสุดอยู่เสมอ
ภายในวังทะยานเซียนนอกจากหยุนเซวียนที่ได้เก็บแหวนไป ยังมีเขาที่ได้รับไผ่ทอง ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็ได้รับสิ่งของบางอย่าง เพียงแต่นอกจากของของตนเองแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ว่าคนอื่น ๆได้รับสิ่งใดไป
แต่ที่แห่งนี้ในเมื่อเป็นสนามเต๋าที่ราชาเซียนหยุนหลงเคยฝึกตนปิดขัง สิ่งของในที่แห่งนี้ไม่ว่าชิ้นใดก็ตามย่อมไม่ใช่สมบัติทั่วไปเป็นแน่
แต่เมื่อเทียบกับสิ่งเหล่านี้ สายตาของทุกคนถูกดึงดูดอย่างรวดเร็วด้วยประตูที่ส่องแสงสีทอง
ทางเข้าหลักนี้ตั้งตรงมุมหนึ่งของสำนักทรงกลมนี้ ใครก็ตามที่เห็นทางเข้าหลักนี้ ต่างก็คิดว่าเป็นทางเข้าของสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง
สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังหยุนเซวียนอีกครั้ง แต่หยุนเซวียนกลับไม่ได้ให้ความสนใจกับสายตาของทุกคน หันไปมองทางหลัวซิวและเอ่ยขึ้น “พวกเราเข้าไปด้วยกัน”
หลัวซิวพยักหน้า เขาได้มีปฏิสัมพันธ์กับหยุนเซวียนอยู่หลายครั้ง สามารถสัมผัสได้ว่าหยุนเซวียนไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อเขา จะไม่ทำร้ายเขาเป็นแน่
ทั้งสองเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็ว ไม่มีโอกาสให้มกุฎเต๋าและประมุขเต๋าทั้งหลายได้มีโอกาสเอ่ยถาม ทั้งสองได้เดินเข้าไปในประตูสีทองอย่างไร้ร่องรอย
“เจ้าสองคนนี้ช่างไร้มารยาทเกินไปแล้ว กล้าที่จะไม่ถามความเห็นของมกุฎเต๋าทุกท่านเสียก่อนแต่กลับพุ่งเข้าไปกันเองเช่นนี้”
“ฮึ คนหนึ่งก็ถือว่าตนเป็นลูกสาวของราชาเซียน อีกคนก็ครอบครองดาบฉกรรจ์สุดหล้า ถ้าพวกเราทำลายประตูสีทองบานนี้เสีย พวกเขาจะถูกขังอยู่ด้านในหรือไม่?”
“ของที่ราชาเซียนทิ้งเอาไว้ จะถูกพวกเราทำลายได้โดยง่ายงั้นหรือ?”
มกุฎมังกรเอี๊ยงหัวเราะเสียงเย็น ท่ามกลางมกุฎเต๋าทุกคน เขาเป็นคนที่เปิดเผยมากที่สุด และยังเป็นคนที่ชอบไปตามทางของตัวเองมากที่สุดด้วยเช่นกัน
ระหว่างที่พูดนั้น มกุฎมังกรเอี๊ยงก็เดินเข้าไปในประตูสีทอง มกุฎมังกรอิมเป็นน้องสาวของเขา ย่อมตามติดเข้าเข้าไปด้วย
หลังจากเข้าสู่ประตูสีทอง เขากลับไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายโดยตรงไปที่ไหนสักแห่งอย่างที่คิด ด้านหลังประตูคือทางเดินที่มืดมิด เป็นเส้นทางที่ลึกและยาวมาก ไม่รู้ว่ามันจะทอดยาวไปที่แห่งใด
หลัวซิวเมื่อเข้ามาแล้วก็ใช้ตัวสำนึกส่งเสียงถามหยุนเซวียน จากคำพูดของหยุนเซวียนได้รับรู้ว่า สถานที่ที่ประตูสีทองนี้นำไปสู่คือแดนปริศนาแห่งหนึ่ง
แดนปริศนาในโลกของนักยุทธ์มีมากเป็นปกติ นักยุทธ์ตัวเล็ก ๆ จนถึงผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์จะเป็นการเปิดและสร้างแดนปริศนา ส่วนนักยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่จนถึงระดับผู้แข็งแกร่งราชาเซียนจะเป็นการเปิดแดนปริศนา
แต่แดนปริศนาภายในวังทะยานเซียนแห่งนี้ กลับไม่ใช่ที่ราชาเซียนหยุนหลงเป็นคนเปิดขึ้น หากแต่เป็นแดนปริศนาของการฝึกตนพลังอมตะที่ราชาเซียนหยุนหลงได้รับมาจากที่แห่งอื่น
หยุนเซวียนคือลูกสาวของราชาเซียน แน่นอนว่านางย่อมรู้รายละเอียดเกี่ยวกับท่านพ่อของตนมากกว่าเหล่ามกุฎเต๋าพวกนั้น
ตามคำพูดของหยุนเซวียน เส้นทางประตูสีทองที่ทอดยาวไปยังแดนปริศนานี้เต็มไปด้วยพลังอมตะอันแกร่งกล้าวิชาหนึ่ง พ่อของนางราชาเซียนหยุนหลงนำมันมาเก็บไว้ยังสนามเต๋าฝึกตนของตนเอง เพื่อที่จะสามารถเข้ามาเพื่อตระหนักรู้พลังอมตะวิชานี้ได้ตลอดเวลา
ถึงอย่างไร ถึงแม้สุดท้ายราชาเซียนหยุนหลงจะสิ้นชีพไป เขาก็ยังไม่สามารถเรียนรู้พลังอมตะวิชานี้จนสำเร็จได้
หลัวซิวได้รู้ข้อมูลเหล่านี้ ก็มีสีหน้าประหลาดใจจนถึงขีดสุด แม้แต่ราชาเซียนที่ตระหนักรู้อย่างเนิ่นนานไม่สิ้นสุดยังไม่สามารถเรียนรู้พลังอมตะวิชานี้ได้สำเร็จ นี่มันคือพลังอมตะแบบใดกัน?
เพราะแดนปริศนาแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ราชาเซียนเปิดขึ้นเอง ดังนั้นท่ามกลางแดนปริศนาจึงเต็มไปด้วยอันตราย สำหรับราชาเซียนแล้วนั้นไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่แต่อย่างใด แต่สำหรับเหล่าประมุขเต๋าและมกุฎเต๋าแล้ว นี่ไม่ใช่ความอันตรายในระดับทั่ว ๆ ไป
แน่นอนว่าหยุนเซวียนจะไม่บอกเรื่องเล่านี้กับเหล่าประมุขเต๋าและมกุฎเต๋า แต่นางก็ไม่เคยมาที่นี่มาก่อน ทำได้เพียงเตือนให้หลัวซิวระวังตัวเท่านั้น
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด เมื่อสิ้นสุดลงเส้นทางที่ทอดยาวของประตูสีทองเส้นนี้ หลัวซิวและหยุนเซวียนก็พบว่าพวกเขาทั้งสองได้อยู่ท่ามกลางตรีภพแล้ว
ทั่วทั้งปริภูมิเต็มไปด้วยกระชี่ตรีภพสีเทา แผ่ขยายไปด้วยบรรยากาศของออร่าที่เก่าแก่
“ปัง!”
ทันใดนั้น กระชี่ตรีภพอันทรงพลังราวกับมังกรก็พุ่งเข้ามาโจมตี ด้วยความรวดเร็วนั้น ทำให้หลัวซิวและหยุนเซวียนไม่มีโอกาสหลบได้ทัน ทำได้เพียงอัญเชิญของขลังออกมาต้านไว้
หลัวซิวอันเชิญหอคอยฮวงออกมา หยุนเซวียนก็อัญเชิญเตาเล็กสีฟ้าออกมา
ในเวลานี้เอง เหล่ามกุฎเต๋าและประมุขเต๋าที่ตามมาทีหลังก็ได้มาถึงยังปริภูมิตรีภพแห่งนี้ ทันใดนั้น บริเวณโดยรอบตรีภพดูเหมือนเริ่มเดือดพล่านขึ้นมา กระชี่ตรีภพแต่ละสายราวกับมังกรพิโรธ คำรามด้วยเสียงดังกึกก้องและพุ่งเข้ามา
“ระวัง!”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า มกุฎเต๋าทั้งแปดต่างก็หน้าถอดสี พากันอัญเชิญภัณฑ์เต๋าหรือภัณฑ์เซียนออกมาป้องกัน
หลัวซิวก็เปลี่ยนจากหอคอยฮวงเป็นขวดเซียนอัคคีหลอมจิต ควบคุมมันไปด้วยกันกับหยุนเซวียน เช่นนี้จะทำให้การสูญเสียผลการฝึกตนลดลง
ในตอนที่ผู้สูงส่งทั้งแปดยังไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป และกำลังจะเอ่ยปากถามหยุนเซวียน แสงสีทองเปล่งประกายก็พลันแผ่ขยายออกมาจากในกำมือของหยุนเซวียน กลายเป็นรังสีกระบี่ยาวนับสิบจั้ง
เมื่อเห็นฉากนี้ ใบหน้าของมกุฎเต๋าทุกคนก็แสดงท่าทีตื่นตัว พวกเขารู้ดีว่าถ้าศิษย์น้องเล็กคนนี้ต้องการแตกหักกับพวกเขา นางจะไม่เหลือความเมตตาต่อพวกเขาเป็นแน่
ในตอนนั้นที่ราชาเซียนบาดเจ็บจนแทบจะสิ้นชีพ พวกเขาทั้งสิบสามคนกลับลงมือต่อสู้เพื่อแย่งชิงสิ่งล้ำค่าดั้งเดิม กระทั่งมีคนลักลอบพยายามจัดการกับนางที่เป็นลูกสาวของราชาเซียน พยายามที่จะวางแผนแย่งชิงการสืบทอดของราชาเซียน
นับแต่นั้นเป็นต้นมา หยุนเซวียนจึงไม่มองว่าพวกเขาเป็นพวกของตนอีก และไม่ได้เชื่อใครสักคนในบรรดาพวกเขาอีกต่อไป
แต่ในครั้งนี้ หยุนเซวียนกลับไม่ได้จะจัดการกับพวกเขา รังสีกระบี่สีทองกว่าสิบจั้งฟาดฟันออกไป มันเหมือนกับการตัดผ่านคลื่นขวางหนาม เปิดเส้นทางในตรีภพที่บ้าคลั่งรุนแรงออกเป็นเส้นทางหนึ่ง
โดยไม่ต้องให้หยุนเซวียนเอ่ยเตือนเป็นครั้งที่สอง หลัวซิวก็ตามหลังนางเข้าไปติด ๆ
“ขวางพวกมันไว้!”
เมื่อมกุฎเต๋าทั้งแปดรู้ตัวอีกที หยุนเซวียนและหลัวซิวก็พุ่งทะยานออกไปไกลมากแล้ว พวกเขาตั้งท่าจะตามเข้าไป พลังแห่งตรีพบที่บ้าระห่ำรอบด้านก็ปะทุเข้ามา ทำให้พวกเขาทำได้ได้แค่เพียงกระตุ้นภัณฑ์เซียนเพื่อป้องกันตัว
“ดูแล้วพวกเราคงจะโดยเล่ห์เหลี่ยมของศิษย์น้องเล็กเข้าให้อีกแล้ว” มกุฎเต๋าบรรพเสวียนเผยรอยยิ้มขมขื่น
“ศิษย์น้องเล็กยิ่งนับวันยิ่งได้ใจเกินไปแล้ว ก่อนนี้ยังมีอาจารย์คอยปกป้องนาง ตอนนี้อาจารย์ไม่อยู่แล้ว นางยังกล้าที่จะไม่เห็นหัวพวกเราอีก” คิ้วเรียวดุจหงส์ของมกุฎมังกรอิมขมวดลงเล็กน้อย
“การสืบทอดที่อาจารย์ทิ้งเอาไว้ มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะอยู่ท่ามกลางปริภูมิตรีภพผืนนี้”
มกุฎเต๋าทั้งแปดต่างก็มีความคิดอยู่ในใจ ทันใดนั้นมกุฎเต๋าก็พลันแบ่งกลุ่มสี่คนร่วมมือกันกระตุ้นภัณฑ์เซียนหนึ่งชิ้น ช่วยกันต้านทานการโจมตีที่บ้าคลั่งของพลังแห่งตรีภพ มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกที่สุดของปริภูมิตรีภพผืนนี้
ความเร็วของฝั่งมกุฎเต๋าหวูซินนั้นเร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะสิ่งที่พวกเขาร่วมกันกระตุ้นนั้นคือระฆังเซียนสีเงิน เป็นภัณฑ์เซียนชั้นกลางที่ได้รับมาจากสนามรบเซียนโบราณ
แต่เมื่อเทียบกันแล้ว หลัวซิวและหยุนเซวียนที่มีรังสีกระบี่สีทองเปิดทางให้นั้นรวดเร็วยิ่งกว่า เพราะรังสีกระบี่สีทองนี้คือฮู้ระดับเซียนที่หยุนเซวียนเรียกออกมา อีกทั้งรังสีกระบี่สีทองนี้ก็ยังสามารถคงอยู่ได้ถึงครึ่งชั่วยาม
เมื่อเห็นหยุนเซวียนนำเอาฮู้ระดับเซียนเช่นนี้ออกมาใช้โดยไร้ซึ่งความลังเลบนใบหน้า หลัวซิวก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใดนางจึงไม่เป็นกังวลเกี่ยวกับเหล่ามกุฎเต๋าเลยแม้แต่น้อย
“หนืดอมฤตตรีภพ!”
ทันใดนั้น หยุนเซวียนที่อยู่ด้านหน้าก็พลันส่งเสียงด้วยความตกใจ หลังจากนั้นหลัวซิวก็เห็นของเหลวหยดหนึ่งที่แผ่กระจายไปด้วยสีม่วงอ่อน ๆ ลอยเคว้งอยู่ท่ามกลางตรีภพ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
Good...
ทำไมอ่านต่อไม่ได้...
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...