มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3009

สรุปบท บทที่ 3009 การแสวงหาโลกยุทธ์: มหายุทธ์ สะท้านภพ

สรุปเนื้อหา บทที่ 3009 การแสวงหาโลกยุทธ์ – มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม

บท บทที่ 3009 การแสวงหาโลกยุทธ์ ของ มหายุทธ์ สะท้านภพ ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย หลงเซียว-มังกรคำราม อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

หยดหนืดอมฤตตรีภพนี้มีขนาดเท่า ๆ กับเล็บมือ โปร่งใส และเปล่งออร่าสีม่วงจาง ๆ แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลออกไป แต่ก็ยังคงสัมผัสได้ว่าหยด หนืดอมฤตนี้เต็มไปด้วยพลังที่ไม่อาจคาดเดาได้

แต่พลังงานนั้นกลับเป็นเรื่องรอง สิ่งที่สำคัญคือพลังเต๋าที่อยู่ภายในหนืดอมฤตตรีภพ

“นี่เป็นถึงสิ่งล้ำค่าที่แม้แต่ผู้แข็งแกร่งราชาเซียนก็ยังต้องการมัน!”

สีหน้าของหยุนเซวียนแสดงถึงความตื่นเต้นอย่างมาก ด้วยสถานะลูกสาวของราชาเซียนแล้ว ยังมีสมบัติใดที่ยังไม่เคยเห็นอีกหรือ? แต่หนืดอมฤตตรีภพกลับทำให้นางตื่นเต้นเหลือเกิน จึงเห็นได้ว่ามันมีค่าและน่าหายากเพียงใด

“ท่ามกลางตรีภพผืนนี้น่าจะมีหนืดอมฤตตรีภพอยู่ราวสิบกว่าหยด หยดนี้ข้าจะเก็บไว้ก่อน หากเจอหยดต่อไปจะมอบให้กับเจ้า” หยุนเซวียนเอ่ยปากพูด

สำหรับเรื่องนี้แน่นอนว่าหลัวซิวไม่มีปัญหาใด ๆ แต่ที่เขาสงสัยยิ่งกว่าก็คือหนืดอมฤตตรีภพนั้นมีประโยชน์อย่างไรกันแน่ จึงได้ขอให้หยุนเซวียนช่วยอธิบาย

“หนืดอมฤตตรีภพประกอบด้วยพลังดั้งเดิมที่สุด พลังชนิดนี้ไม่ต้องพูดถึงไข่มุกเต๋าชั้นยอดเลย ต่อให้เป็นแก้วเซียนก็เทียบไม่ได้ ส่วนที่มีค่าที่สุดของมันคือมันเต็มไปด้วยความลึกลับเกี่ยวกับระเบียบของจักรวาล นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งราชาเซียนยังต้องตื่นตากับหนืดอมฤตตรีภพ” หยุนเซวียนเอ่ยอธิบาย

“ระเบียบจักรวาล?” หลัวซิวเผยสีหน้าสงสัย เขารู้ว่าหลังจากกฎคือเกณฑ์ เกณฑ์นั้นรวมไปด้วยกฎทวยเทพธรรมดั้งเดิม แต่กลับไม่เคยได้ยินถึงระเบียบ

“เจ้าไม่รู้เรื่องระเบียบนั่นก็เป็นเรื่องปกติ เพราะต่อให้สำเร็จเป็นผู้แข็งแกร่งวิถีเซียน เหนือระดับของแดนเต๋า ก็คือจัดอยู่ในขอบเขตของเกณฑ์ แต่ที่อยู่เหนือกว่าเกณฑ์ ก็คือระเบียบ”

“ข้าเคยได้ยินท่านพ่อพูดว่า เต๋าเกิดหนึ่ง หนึ่งเกิดสอง สองเกิดสาม สามเกิดสรรพสิ่ง ‘เต๋า’ ก็คือความว่างเปล่า ความว่างเปล่าแต่เดิมคือไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่เลย จากนั้นท่ามกลางว่างเปล่าก็กำเนิดเป็น ‘หนึ่ง’ นั่นคือระเบียบ เมื่อจักรวาลมีระเบียบ จึงได้มีเกณฑ์ กฎธรรมเวชนับหมื่นนับพันไร้ที่สิ้นสุด แต่เมื่อกลับมายังรากฐานดั้งเดิมแล้วนั้นก็มีเพียงแค่สองชนิดเท่านั้น แบ่งออกเป็นการสร้างและการทำลาย นั่นคือความหมายของ ‘สอง’ ”

“ภายใต้เกณฑ์สร้างและทำลายก็เกิดเป็นเกณฑ์ชั้นสูงสามชนิด คือวัฏสงสาร ตรีภพ ลิขิต นั่นก็คือสองเกิดสาม”

“ส่วนสามเกิดสรรพสิ่งนั่นก็สามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดาย พวกเราทั้งหมดท่ามกลางดาราจักรวาลแห่งนี้ ต่างก็กำเนิดขึ้นโดยวัฏสงสาร ตรีภพ และลิขิต”

“ท่านพ่อเคยบอกว่าเกณฑ์ชั้นยอดสามชนิดนี้ ตรีภพบ่มเพาะ ลิขิตกำเนิด วัฏสงสารควบคุม ต่างมีข้อดีและความลึกลับของตัวเองไม่มีที่สิ้นสุด”

ระหว่างที่พูดนั้น หยุนเซวียนก็เดินนำไปด้านหน้า หยิบขวดหยกออกมาหนึ่งขวด และเก็บเอาหนืดอมฤตตรีภพหยดหนึ่งลงไป

“มกุฎเต๋าวัฏสงสารฝึกตนวัฏสงสาร มกุฎเต๋านอกนภาฝึกตนตรีภพ นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาบรรลุถึงระดับสูงสุดในแดนแห่งเต๋าแล้วหรือ?” หลัวซิวเผยสีหน้าประหลาดใจ

“มันง่ายดายถึงเพียงนั้นที่ไหนกัน? วัฏสงสารที่มกุฎเต๋าวัฏสงสารฝึกตนนั้น แม้แต่เศษเสี้ยวเกณฑ์วัฏสงสารที่แท้จริงยังไม่นับเลย ส่วนตาแก่นอกนภานั่นก็เช่นเดียวกัน ต่อให้พวกเขาฝึกตนถึงแดนชาวเซียน อย่างมาก็ถือว่าครอบครองเพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น” หยุนเซวียนมุ่ยปากตอบ

“แดนชาวเซียนแต่กลับครอบครองเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ หรือ?” หลัวซิวสูดลมหายใจเข้าไปด้วยความตกใจ ในเวลานี้เองเขาถึงได้เข้าใจว่า จุดสูงสุดของโลกยุทธ์นั้นมันอยู่ห่างไกลกว่าที่เขาคิดอย่างมาก

“ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า? ต่อให้ท่านพ่อของข้าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่จะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนราชาเซียน ก็อยู่แค่เพื่อพื้นฐานของลิขิตเกณฑ์เท่านั้น”

เมื่อพูดถึงท่านพ่อของตน นัยน์ตาของหยุนเซวียนก็เผนความโศกเศร้าขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่นานนางก็ทำให้มันกลับไปเป็นปกติ และเอ่ยต่อ “สำหรับวิถีแห่งระเบียบตามที่กล่าวกันมานั้น ถึงแม้ท่านพ่อข้าจะครอบครองตรีภพผืนนี้มาเนิ่นนานหลายหมื่นหลายพันปีอาศัยหนืดอมฤตตรีภพมาเพื่อสัมผัสรู้ แต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่สามารถตระหนักรู้สิ่งใดได้”

“แต่ถึงแม้จะไม่สามารถตระหนักรู้ระเบียบ แต่วิถีของระเบียบท้ายที่สุดแล้วก็อยู่เหนือกว่าเกณฑ์ หลังจากกลั่นแปรหนืดอมฤตตรีภพ ก็ทำให้ท่านพ่อของข้ายกระดับการสัมผัสรู้ของลิขิตเกณฑ์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว”

ทั้งสองอยู่ท่ามกลางตรีภพค้นหาหนืดอมฤตตรีภพ หยุนเซวียนเล่าเรื่องของตนให้หลัวซิวฟังไปด้วย

และด้วยคำพูดของนาง นั่นทำให้หลัวซิวได้เปิดประตูบานใหญ่ออกอีกบาน ทำให้เขาได้ยินมองจุดสูงสุดของโลกยุทธ์จากที่ไกล ๆ ได้อย่างแท้จริง

ระเบียบคือหนึ่ง สร้างและทำลายคือสอง วัฏสงสาร ตรีภพและลิขิตคือสาม จากนั้นจึงจะเป็นกฎธรรมเวชอื่น ๆ อีกร้อยแปดพันเก้า

ท่ามกลางทั้งหมดนี้ กลับไม่มีไร้ลักษณ์ที่เขาฝึกตน

แต่หลัวซิวกลับรู้สึกว่าวิถีไร้ลักษณ์ของตนกลับเข้าใกล้กับแดน ‘เต๋า’ ในตำนาน!

‘เต๋า’ ที่ว่านี้ก็คือเต๋าที่ก่อกำเนิดเป็นระเบียบ!

เต๋าเดิมทีแล้วว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่ นั่นจึงมีระเบียบ จึงมีเกณฑ์จักรวาล สิ่งมีชีวิตไม่มีที่สิ้นสุด

จากไม่มีจนมี จากมีจนไม่มี นี่คือแก่นแท้ของวิถีไร้ลักษณ์ไม่ใช่หรือ?

หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็พบหยดที่สองของหนืดอมฤตตรีภพ หลัวซิวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงใจ หยิบขวดหยกออกมา และเก็บมันเข้าไป

ผลการฝึกตนของเขาในวันนี้แม้แต่ประมุขเต๋าก็ยังไม่ถึงด้วยซ้ำ เส้นทางสูงสุดในตำนานของระเบียบนั้นยังห่างไกลเกินไปสำหรับเขา สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากขึ้นคือตอนนี้ คือเมื่อมีหนืดอมฤตตรีภพนี้เขา เขาก็มั่นใจอย่างสมบูรณ์ว่าเขาจะสามารถบรรลุไปสู่แดนประมุขเต๋าได้

“หนืดอมฤตตรีภพ!”

อีกด้านหนึ่ง มกุฎเต๋าทั้งแปดที่ร่วมมือกันกระตุ้นภัณฑ์เซียนเดินทางท่ามกลางตรีภพก็ได้พบเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นว่ามีหนืดอมฤตที่แผ่กระจายไปด้วยแสงสีม่วงจาง ๆ ลอยเคว้งอยู่ท่ามกลางตรีภพ แม้ว่าอารมณ์ของพวกเขาจะสงบมาเนิ่นนานเพียงใด แต่การหายใจของพวกเขาในเวลานี้ก็เริ่มเร็วขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

พวกเขามาฝึกตนถึงอดนมกุฎเต๋ามาเนิ่นนับไม่ถ้วนตั้งแต่สมัยบรรพกาล สำหรับพวกเขาแล้วไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าโอกาสในการกลายเซียน

เมื่อหลัวซิวและหยุนเซวียนกลับออกมาจากตรีภพแห่งนี้โดยใช้เส้นทางเดิมนั้น พวกเขาไม่ได้พบกับมกุฎเต๋าทั้งแปด และไม่รู้ว่ามกุฎเต๋าทั้งแปดออกไปหรือเข้าไปในตรีภพเพื่อค้นหาสมบัติล้ำค่าไปแล้ว

จนกระทั่งทั้งสองออกมาจากวังทะยานเซียน พวกเขาก็ตระหนักว่ามกุฎเต๋าทั้งแปดนั้นไม่ได้กลับออกมา

“พวกเขาไม่ได้ออกมาก็หมายความว่าพวกเขาเข้าไปในตรีภพแล้ว แม้ว่าเราสองคนจะได้หนืดอมฤตตรีภพสิบหยด แต่พื้นที่ของตรีภพก็ใหญ่เกินไป คนพวกนั้นก็มีโอกาสสูงที่จะพบค้นพบหนืดอมฤตตรีภพเช่นกัน”

ระหว่างที่กำลังจะแยกทางกันไป หยุนเซวียนพูดกับหลัวซิวว่า “เจ้าต้องระวังไอ้เจ้าวัฏสงสารคนนี้ให้ดี ความทะเยอทะยานของเขามันมากเหลือเกิน อีกทั้งหลังจากเคล็ดวัฏสงสารเลิศล้ำบรรลุผล ผลการฝึกตนของเขาก็บรรลุสุดร่างมกุฎเต๋า เมื่อใดก็ตามที่เขาได้รับหนืดอมฤตตรีภพ เช่นนั้นเขาก็อาจจะกลายเป็นคนแรกท่ามกลางวันคืนอันยาวนั้นไร้ที่สิ้นสุดที่จะได้กลายเซียน”

เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว จิตใจของหลัวซิวก็จมดิ่งลงไปไม่น้อย ในตอนแรกเขาใช้พละมนุษย์อมตะไล่ฆ่ามกุฎเต๋าวัฏสงสาร เมื่อใดที่มกุฎเต๋าวัฏสงสารกลายเซียน เช่นนั้นเขาต้องไม่มีทางปล่อยตนไปเป็นแน่

เมื่อเห็นหลัวซิวกลับมา ยู่เอ๋อร์ก็เป็นคนแรกที่รีบเข้ามาอย่างตื่นเต้น กระโดดเข้ากอดเขาแน่นทันที ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย

สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวชะงักไปเล็กน้อย เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ยู่เอ๋อร์เป็นอะไรไป? มีคนรังแกเจ้าหรือ? เจ้าบอกพี่ใหญ่มา พี่ใหญ่จะไปจัดการให้เจ้าเอง”

สำหรับหนูน้อยที่ยู่เอ๋อร์ที่ทั้งฉลาดและมีไหวพริบคนนี้ หลัวซิวรักและเอ็นดูนางจากใจจริง ถึงแม้ว่าเขาจะยอมรับน้องสาวมาสองคนแล้ว แต่เมื่อช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่งของผลการฝึกตนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หลัวซิวก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าเสี่ยวจื่อมักจะถูกควบคุมเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับเขา ในแววตาก็มีความเคารพยำเกรงเมื่อมองมาที่เขา

สำหรับสิ่งนี้หลัวซิวก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ เพราะความแตกต่างขนาดใหญ่ของแดนผลการฝึกตน เช่นเดียวกับชีวิตระดับสูงกว่าที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตระดับต่ำกว่า แม้ว่าเขาจะควบคุมความผันผวนของออร่าไว้ในร่างกายของเขาแล้ว แต่ก็ยังทำให้คนที่มีผลการฝึกตนต่ำกว่าเขารู้สึกกดดันอย่างมาก

แต่ยู่เอ๋อร์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เช่นเดียวกับที่หลัวซิวปฏิบัติต่อนางในฐานะน้องสาว นางก็ถือว่าหลัวซิวเป็นพี่ชายจริง ๆ ของนางจากก้นบึ้งของหัวใจ ดังนั้นไม่ว่าช่องว่างระหว่างผลการฝึกตนจะใหญ่สักเพียงใด ท่าทางของนางก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป

นอกจากนี้หลังจากที่ยู่เอ๋อร์ตั้งใจฝึกตน ผลการฝึกตนของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แทบจะไม่มีคอขวดของกฎเกณฑ์ ใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถที่จะบรรลุถึงแดนผู้สูงส่งได้แล้ว

มือเล็ก ๆ ของยู่เอ๋อร์กำชายเสื้อคลุมของหลัวซิวไว้แน่น พร้อมกับพูดแก้มป่อง “ข้าได้ยินผู้อาวุโสเลี่ยเทียนพูดว่าเหล่ามกุฎเต๋าพวกนั้นต่างก็แข็งแกร่งจนไม่สามารถจินตนาการได้ ท่านเข้าไปในวังทะยานเซียนกับพวกเขา ข้าเป็นกังวลใจมาก……”

หลัวซิวเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ในใจก็พลันรู้สึกถึงความอบอุ่นใจโดยไม่รู้ตัว นับจากตนถอนรากถอนโคลนออกมาจากโลกแสงดาว เยว่เอ๋อร์และน้องโรว่รวมถึงยู่เอ๋อร์ก็คือคนสนิทข้างกายของเขา แต่ตลอดมา เขากับพวกนางต่างก็ต้องห่างกันเป็นส่วนใหญ่น้อยครั้งจะได้อยู่ด้วยกัน มันทำให้เขารู้สึกผิดเล็ก ๆ อยู่ตลอดเวลา

โลกยุทธ์ในชีวิตนี้ของเขา ไม่ได้ไล่ตามจุดสูงสุดของโลกยุทธ์ หรือขีดจำกัดของโลกยุทธ์อีกต่อไป แต่เพียงต้องการปกป้องผู้คนรอบตัวเขาเท่านั้น

แต่ถ้าเขาต้องการปกป้อง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่รู้ว่าเขาต้องแข็งแกร่งถึงเพียงใด จึงจะทำให้ทุกคนรอบตัวเขามีชีวิตที่ปลอดภัยและมีความสุข ไม่ต้องกังวลกับอันตรายหรือปัญหาไปชั่วนิจนิรันดร์

ดังนั้นสิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือ ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น ...……

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ