มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3010

“เจ้าเด็กโง่ ต่อให้มกุฎเต๋าพวกนั้นจะแข็งแกร่งมากจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งจนถึงขึ้นไม่อาจคาดเดาได้ เพียงแค่ตั้งใจฝึกตน ในภายหน้าเจ้าก็สามารถต่อกรกับเหล่ามกุฎเต๋าพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย” หลัวซิวพูดพร้อมรอยยิ้ม

“พี่ใหญ่พูดจริงหรือ? ข้าก็สามารถเก่งกาจได้ถึงเพียงนั้นหรือ?” ยู่เอ๋อร์เงยหน้ามองเขา กระพริบตาปริบ ๆ พร้อมเอ่ยถาม

“แน่นอนยู่แล้ว พี่ใหญ่เคยโกหกเจ้าเมื่อไรกัน?” หลัวซิวลูบผมของนางเบา ๆ พร้อมเอ่ยตอบ

จีเสี่ยวจื่อที่อยู่อีกด้านมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉามองไปยังยู่เอ๋อร์ในอ้อมกอดของหลัวซิว นางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนที่ถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนนั้นจะเป็นตัวนางเอง แม้ว่านางอยากจะทำเช่นนั้นถึงเพียงใด แต่นางก็ไม่กล้าทำเช่นนั้น นางรู้อยู่เต็มอกว่าหลัวซิวไม่ได้ทำตัวห่างเหินกับตนเอง แต่ในใจนางเองต่างหากที่กลับรู้สึกว่านางไม่มีคุณสมบัติเช่นนั้น

อารมณ์ชนิดนี้มันช่างซับซ้อน ซับซ้อนเสียจนทำให้นางรู้สึกอยากร้องไห้

หลัวซิวไม่มีวิชาอ่านใจ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางรู้ว่าในใจของแต่ละคนคิดเห็นอย่างไรกันแน่ จีเสี่ยวจื่อจะสามารถเดินออกมาจากวังวนความรู้สึกนั้นได้หรือไม่ ก็จำเป็นต้องอาศัยตัวนางเองเท่านั้น

“เจ้าสำนักน้อย”

“ศิษย์พี่หลัว”

ต้วนคงกับเลี่ยเทียนก็เดินเข้ามา ต้วนคงคำนับทำความเคารพในฐานะผู้น้อย ส่วนเลี่ยเทียนก็กุมมือทำความเคารพ

เมื่อเห็นเจ้าสำนักน้อยกลับมาอย่างปลอดภัย ต้วนคงก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะในยุคสมัยที่เขาเคยอาศัยอยู่นั้น มกุฎเต๋าเมื่ออยู่ท่ามกลางจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ไม่ได้ถึงว่าสลักสำคัญแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อตอนที่อยู่ที่เมืองฉวินเซียน เขาก็รู้ว่าเจ้าสำนักน้อยเคยเผชิญหน้าโดยตรงกับมกุฎมังกรเอี๊ยงท่านนั้นมาก่อนแล้ว

“พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”

หลัวซิวพยักหน้า ไม่ได้พูดสิ่งใดไปมากกว่านี้ หันไปมองวังทะยานเซียนครึ่งหนึ่ง ในสมองกลับยังไม่สามารถทำใจลืมหนืดอมฤตตรีภพสามหยดที่อยู่ในชามสำริดสีเขียวท่ามกลางตรีภพนั้นไปได้

ไม่ว่าจะเป็นหยดใดในหนืดอมฤตตรีภพสามหยดนั้น ต่างก็ห่างไกลกับหนืดอมฤตที่เขาและหยุนเซวียนทั้งสองคนได้รับมารวมกัน

หยุนเซวียนจากไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีวิธีที่จะเก็บเอาวังทะยานเซียนแห่งนี้ไปด้วย สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวรู้สึกว่าตนยังมีโอกาส บางทีในภายหน้าวันที่ตนมีพลังแข็งแกร่งมากพอ ต่อให้ไม่สามารถครอบครองหนืดอมฤตตรีภพสามหยดนั้นในตรีภพมาได้ ก็ยังสามารถเก็บเอาวังทะยานเซียนไปได้ เมื่อถึงเวลานั้นย่อมสามารถเข้าไปในตรีภพเพื่อลองเก็บหนืดอมฤตทั้งสามหยดนั้นมาได้

ต้วนคงนำเข็มทิศสาสน์เต๋ามาคืนให้ ภายใต้การกระตุ้นของหลัวซิว เข็มทิศสาสน์เต๋าลอยขึ้นสูงขึ้นท้าลม มันกลายเป็นจัตุรัสแห่งหนึ่งขนาดเท่าลานกว้าง บางคนก็ยืน บางคนก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนเข็มทิศสาสน์เต๋า กลายเป็นลำแสง เพียงพริบตาก็หลายไปในห้วงดาราของด้านนอกดาราหยุนหลง

หุบเขาสยบปีศาจไม่มีอยู่อีกต่อไป หลัวซิวก็ไม่ได้วางแผนที่จะสร้างหุบเขาสยบปีศาจขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เขาพบว่าเรื่องที่เขาต้องทำเป็นอันดับแรกนั้นคือทำให้ผลการฝึกตนของเขาบรรลุแดนประมุขเต๋า แล้วจะลองกลับไปที่แดนต้องห้ามของเผ่าหงส์เซียน จากนั้นค่อยสร้างที่พักพิงให้กับคนรอบตัวเขา

บนเข็มทิศสาสน์เต๋า หลัวซิวนำตำหนักภัณฑ์เต๋าหลังหนึ่งออกมา จากนั้นเรียกให้ยู่เอ๋อร์เข้ามา พร้อมกับหยิบหนืดอมฤตตรีภพออกมาหนึ่งหยด

เมื่อหนืดอมฤตถูกนำออกมา ก็มีความผันผวนลึกลับอย่างมากแผ่ซ่านออกมา หากไม่ใช่ว่าหลัวซิวได้จัดวางวิชาห้ามค่ายกลกั้นเอาไว้รอบ ๆ ตำหนัก เกรงว่าผู้แข็งแกร่งทั่วทั้งจักรวาลแห่งนี้ก็จะสามารถสัมผัสถึงมันได้

“ยู่เอ๋อร์ พรสวรรค์ของเจ้าเป็นสิ่งที่พบเจอได้ยากนัก เจ้าเป็นที่น่าพึงพอใจของข้ายิ่งนัก หากเจ้าสามารถกลั่นแปรดูดซับหนืดอมฤตตรีภพหยดนี้ได้ เช่นนั้นเจ้าก็จะกลายเป็นแบบที่ข้าได้พูดไว้ สามารถต่อกรกับเหล่ามกุฎเต๋าได้อย่างง่ายดายเป็นแน่” หลัวซิวพูดพร้อมรอยยิ้ม

ยู่เอ๋อร์ไม่รู้ว่าหนืดอมฤตตรีภพนั้นมีค่าถึงระดับใด แต่สำหรับคำพูดของหลัวซิวแล้วนางกลับเชื่ออย่างสุดหัวใจ แสดงออกถึงความดีใจอย่างมาก

หลัวซิวนำหนืดอมฤตตรีภพกดลงไปในห้วงจักรของยู่เอ๋อร์ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้สำรวจตัวหยั่งรู้ของยู่เอ๋อร์ เมื่อเขาได้เห็นตัวหยั่งรู้ของยู่เอ๋อร์ ใบหน้าของเขาก็เผยความตกใจออกมา

เพราะเขาพบว่าตัวหยั่งรู้ของยู่เอ๋อร์กว้างใหญ่ไพศาลราวกับดาราจักรวาล เมื่อเทียบกับเขาในตอนแรกที่ยังไม่ได้ฝึกตนต้องห้ามภูตเซียนไท่ซ่างก่อนที่จะฝึกถึงแดนตัวหยั่งรู้ไร้ลักษณ์!

ตัวหยั่งรู้ไร้ลักษณ์ คือวิธีการที่เป็นเอกลักษณ์ของต้องห้ามภูตเซียนไท่ซ่าง ตัวหยั่งรู้ราวกับดาราจักรวาล สามารถเรียกได้ว่าเป็นตัวหยั่งรู้จักรวาล นับเป็นตัวหยั่งรู้ชั้นสุดยอดแล้ว

หรือพูดได้ว่า อย่าเพียงแต่มองว่ายู่เอ๋อร์ยังไม่บรรลุถึงแดนผู้สูงส่ง แต่ตัวสำนึกของนาง กลับเทียบเท่าระดับของผู้สูงส่งแล้ว

สิ่งนี่หมายความว่า หากในถานการณ์ที่แดนผลการฝึกตนเทียบเท่ากันนั้น ตัวสำนึกของยู่เอ๋อร์สูงกว่าคนอื่นในแดนเดียวกันอย่างน้อยหนึ่งระดับใหญ่ และนี่ก็คือความแข็งแกร่งของตัวหยั่งรู้จักรวาล

ท่ามกลางผู้คนรอบกายของเขา หลัวซิวก็หนืดอมฤตตรีภพมอบหนึ่งหยดให้กับยู่เอ๋อร์เพียงผู้เดียว ไม่ได้ให้กับเสี่ยวจื่อ

นี่ก็ไม่ใช่เพราะว่าเขาลำเอียงแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะว่าพรสวรรค์ของยู่เอ๋อร์แข็งแกร่งมากพอ แต่พรสวรรค์ของเสี่ยวจื่อนั้นกลับค่อนข้างมีขีดจำกัด

หนืดอมฤตตรีภพ สิ่งล้ำค่าประเภทนี้สามารถพบเจอได้ แต่ไม่สามารถเรียกร้องมันมาได้ หลัวซิวก็ไม่สามารถมอบให้ใครก็ตามสุ่มสี่สุ่มห้าเพียงเพราะความยุติธรรมเท่านั้น

ว่ากันตามพรสวรรค์ของเสี่ยวจื่อ เขาก็ได้มอบทรัพยากรฝึกตนที่ดีที่สุดให้แล้ว ในภายหน้าหากผลการฝึกตนของเสี่ยวจื่อสามารถบรรลุได้ถึงแดนที่มั่นคงระดับหนึ่ง หลัวซิวก็จะไม่ตระหนี่สิ่งล้ำค่าอย่างหนืดอมฤตตรีภพเป็นแน่

เมื่อยู่เอ๋อร์ได้รับหนืดอมฤตตรีภพก็ไปฝึกตนปิดขัง ในตำหนักจึงเหลือเพียงหลัวซิวคนเดียวเท่านั้น

เขาเปิดขวดหยกออกมา เห็นว่าด้านในยังคงเหลือหนืดอมฤตตรีภพอีกสี่หยด ในใจก็เกิดความลังเลขึ้นมา

หากว่าอาศัยพลังอันแข็งแกร่งของหนืดอมฤตตรีภพรวมถึงและร่องรอยเล็กน้อยของวิถีแห่งระเบียบ เพื่อบรรลุคอขวดเล็ก ๆ ของแดนประมุขเต๋า เช่นนั้นก็จะเป็นเรื่องที่สามารถทำได้อย่างง่ายดาย

แต่หากนำมาใช้เช่นนี้ มันค่อนข้างจะเป็นการทำลายสิ่งของตามอำเภอใจ เพราะถึงอย่างไรสมบัติล้ำค่าไร้เทียมทานนี้มันสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งราชาเซียนยังต้องให้ความสำคัญและแย่งชิงมันมา หากเขานำมาใช้เพียงเพื่อบรรลุประมุขเต๋า นั่นก็คือการล้างผลาญ ดี ๆ นี่เอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ