หลังจากประมือกับมกุฎเต๋าสังสารวัฏในวังทะยานเซียนครั้งหนึ่ง หลัวซิวก็รู้แล้วว่าเมื่อตัวเองอาศัยดาบโลหิตหักเซียน ก็สามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าได้อย่างแน่นอน
เมื่อหลายล้านล้านปีก่อน บรรพยักษ์ตรีภพก็เป็นมกุฎเต๋าเช่นกัน แต่หลังจากดับสลายสูญสิ้นแล้วกลับชาติมาเกิด สภาวะศักยภาพของเขาไม่ได้ฟื้นฟูกลับไปถึงช่วงที่เฟื่องฟูที่สุดแต่อย่างใด
หากแดนของมกุฎเต๋าก็แบ่งออกเป็นธรรมดา ขั้นชั้นหนึ่งและขั้นสุดยอดสามระดับละก็ เช่นนั้นศักยภาพของบรรพยักษ์ตรีภพก็คือมกุฎเต๋าธรรมดา หากหวูจี๋ หวูซิน นอกนภาแล้วก็มกุฎมังกรอิมเอี๊ยงร่วมมือกัน พวกเขาล้วนอยู่ในระดับขั้นสุดยอด ส่วนบรรพโบราณทั้งแปดจัดอยู่ในขั้นชั้นหนึ่ง
หลังจากมกุฎเต๋าสังสารวัฏบรรลุถึงขั้นสูงสุดของมกุฎเต๋า แม้นก็อยู่ในขอบข่ายของมกุฎเต๋าขั้นสุดยอดเช่นกัน แต่กลับแข็งแกร่งกว่ามกุฎเต๋าขั้นสุดยอดอย่างหวูจี๋ หวูซินหนึ่งระดับ ดังนั้นศักยภาพของมกุฎเต๋าขั้นสูงสุดจึงอยู่เหนือขั้นสุดยอด
หลัวซิวที่ใช้อานุภาพแห่งดาบโลหิตหักเซียนยังพอสามารถต่อกรกับมกุฎเต๋าสังสารวัฏที่เป็นมกุฎเต๋าขั้นสูงสุดได้ แล้วจะนับประสาอะไรกับบรรพยักษ์ตรีภพที่มีศักยภาพแค่มกุฎเต๋าธรรมดา?
เงาร่างของทั้งสองร่วงลงมาจากฟ้า จากนั้นก็มาถึงสถานที่ที่เป็นทำนองเดียวกันกับทางเข้าสำนักเขาแห่งหนึ่ง
ทั้งสถานตรีพบล้วนถูกค่ายกลผนึก หากต้องการเข้าไปภายใน นอกเสียจากสามารถใช้พลังอำนาจทลายค่ายกล ก็เหลือเพียงเดินเข้าไปผ่านประตูใหญ่แล้ว
“หยุด! สถานตรีภพของเราไม่ต้อนรับคนต่างเผ่า!”
หลัวซิวและเลี่ยเทียนยังไม่ทันได้เดินเข้าไป ยักษ์ตรีภพสองคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบเฝ้าดูแลประตูใหญ่ก็ตวาดเสียงดังลั่น
ยักษ์ตรีภพทั้งสองคนนั้นล้วนอยู่ในแดนเทพมารระดับเจ็ด ซึ่งเป็นเฉกเช่นเดียวกับลาร์เมื่อปีนั้น แต่ละคนสูงหลายร้อยเมตร ยืนอยู่ตรงตำแหน่งที่ห่างออกไปไกลก็เหมือนยอดเขาสองลูกยังไงอย่างนั้น
ตั้งแต่เผ่าฟ้าถูกผู้แข็งแกร่งลึกลับโค่นล้มไป สถานตรีภพและแดนเทวบรรพอัคคีที่ร่วมมือกันต่อต้านวังนภาสิบสองในตอนแรกก็เปิดศึกสงครามอีกครั้ง เพื่อช่วงชิงตำแหน่งผู้ครอบครองโลกสวรรค์
ในการเดิมพันของเหล่ามกุฎเต๋า พฤติกรรมของมกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคีและบรรพยักษ์ตรีภพเป็นเพียงการทะเลาะมีปากเสียงกันเล็กน้อยเท่านั้น ก็ไม่แปลกหรอกที่พวกเขาทั้งสองกลับชาติมาเกิด อีกทั้งฝึกตนมานานเช่นนี้ แต่มกุฎเต๋าที่เหลือก็ไม่ค่อยสนใจพวกเขา
“เราต้องการพบบรรพโอฬารของพวกเจ้า”หลัวซิวเอ่ยปากพูด
“โอหัง! เจ้าคิดว่าตัวเองใหญ่โตมาจากที่ใด บรรพโอฬารของเราเป็นผู้ที่เจ้าอยากขอเข้าพบก็…...”หนึ่งในยักษ์ที่ทั้งร่างกายราวกับหลอมสร้างมาจากทองคำตะคอกอย่างเยือกเย็น
“เพี๊ยะ!”
เขายังไม่ทันพูดจบ เลี่ยเทียนที่เดินตามอยู่ด้านหลังหลัวซิวก็สะบัดแขนเสื้อคลุมทีหนึ่ง ทำให้หัวของยักษ์ทองคำนั่นระเบิดแตกเป็นหมอกเลือดโดยตรง
สำหรับเหตุการณ์นี้ หลัวซิวไม่ได้เก็บมาใส่ใจ การลงมือของเลี่ยเทียนมีน้ำหนักหนักเบาดีมาก แม้นหัวจะระเบิดแตกไปแล้ว แต่ยักษ์ทองคำนั่นยังไม่ตาย เลือดเนื้อฟื้นฟูงอกกลับคืนมาใหม่อย่างรวดเร็ว มีหัวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหัว
“พวกเจ้า……พวกเจ้าคิดที่จะทำอะไร? พวกเจ้าทราบหรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใด?”
หลังจากศีรษะใหม่งอกกลับคืนมา ยักษ์ทองคำนั่นก็ทำตัวดีขึ้นมาไม่น้อยเลย ความรู้สึกดุร้ายบนใบหน้าก็หายไปเยอะเช่นกัน ก่อนจะถอยหลังกลับไปอย่างหวาดกลัว
“ข้าไม่อยากเสียเวลา หากเจ้าไม่อยากตายละก็ รีบเข้าไปแจ้งข่าวบัดเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าก็จะบุกฆ่าเข้าไป”หลัวซิวพูดอย่างเย็นชา
ยักษ์ทั้งสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูตกใจจนสะดุ้ง ถึงแม้สมองของยักษ์จักไม่ค่อยลื่นไหลเท่าไหร่ วินาทีนี้พวกเขาทั้งสองก็มองความไม่ยี่หระของผู้แข็งแกร่งแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งสองคนนี้ออกเช่นกัน
เป็นคนที่แม้แต่บรรพโอฬารยังไม่กลัว จากศักยภาพเทพมารระดับเจ็ดอันเล็กน้อยของพวกเขา ก็ทำได้เพียงแหงนมองอย่างเลื่อมใสเท่านั้นแหละ พวกเขาจึงไม่กล้าพูดจาไร้สาระอีก ปล่อยให้ยักษ์คนหนึ่งยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ต่อ ส่วนอีกคนก็รีบวิ่งเข้าไปแจ้งข่าวในสถานตรีภพอย่างรวดเร็ว
ตำแหน่งอำนาจของยักษ์ตรีภพระดับเทพมารระดับเจ็ดที่อยู่ในสถานตรีภพไม่สูงแต่อย่างใด ดังนั้นต่อให้เข้าไปส่งสาร ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าเฝ้าบรรพโอฬารโดยตรงเช่นกัน ฉะนั้นจึงทำได้เพียงส่งข่าวต่อกันทีละระดับ
ส่วนยักษ์ตรีภพผู้ลนลานที่หัวระเบิดแตกไปในเมื่อครู่นี้ เบื้องบนของเขาคือเทพมารระดับเก้าคนหนึ่งที่หลังศีรษะมีกงล้อเทพลอยอยู่หนึ่งวง ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าผู้บังคับการเล็กในสถานตรีภพ และมีหน้าที่เฝ้าดูแลประตูเช่นกัน
“มีเผ่าพันธุ์มนุษย์มาสถานตรีภพของเราอย่างนั้นหรือ ทั้งยังบังอาจทำตัวจองหองพองขนเช่นนั้นด้วย?”
ผู้บังคับการเล็กนั่นกำลังดื่มเหล้าอยู่ แก้วเหล้าที่เขาใช้ใหญ่เท่าภูเขาเล็ก ๆ หนึ่งลูก สามารถดื่มเหล้าปริมาตรเท่าหนึ่งทะเลสาบให้หมดได้ภายในอึกเดียว
“เดี๋ยวกูจะตามมึงไป”
ผู้บังคับการเล็กที่เฝ้าประตูทำเสียงหึครั้งหนึ่ง วางแก้วเหล้าลง ก่อนจะพายักษ์ตรีภพทองคำที่เป็นเบื้องล่างมาถึงทางเข้าของสถานตรีภพ
“นะ……นายท่าน?”
เมื่อผู้บังคับการเล็กคนดังกล่าวมองเห็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาที่กลมโตก็ดูผงะไปในทันที
ส่วนตัวหลัวซิวก็ชะงักงันไปเล็กน้อยเช่นกัน เนื่องจากยักษ์ตรีภพอัสนีที่ปรากฏตรงหน้าเขา ณ วินาทีนี้ก็คือเจ้าลาร์นั่น
ในภพชาติของไท่ซ่างฉิงในอดีตชาติ ลาร์ก็เคยรบราไปเหนือใต้พร้อมกับเขาด้วยตัวตนสัตว์ที่ใช้ขี่ กระทั่งต่อมาหลังจากเขาผนึกรวมกงล้อเทพออกมาได้ ศักยภาพของลาร์ก็ไล่ตามฝีเท้าของตัวเองไม่ได้อีกต่อไป เขาถึงได้มอบอิสรภาพให้แก่ลาร์
ส่วนภพชาตินี้ ช่วงเวลาที่อยู่ในมหาโลกาพันสาม ลาร์ก็ให้การช่วยเหลือเขาไม่น้อยเช่นกัน ขณะที่เขาออกไปตามหาทรัพยากร ขัดเกลาฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในโลกาภายนอก ลาร์ล้วนเฝ้าดูแลคนรอบกายเขามาโดยตลอด
ต่อมาบรรพยักษ์ตรีภพอุบัติขึ้นมา ยักษ์ตรีภพของทั้งจักรวาลล้วนสัมผัสได้ถึงการเรียกร้องของสายเลือด ลาร์ถึงได้ออกจากหุบเขาสยบปีศาจ แล้วมาถึงโลกสวรรค์
ตั้งแต่บรรพยักษ์ตรีภพดับสลายสูญสิ้นไป จำนวนยักษ์ตรีภพในจักรวาลก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปัจจุบัน ยักษ์ตรีภพก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่หาพบได้น้อยมากแล้ว
สำหรับเหล่าทายาทยักษ์ที่ถูกสายเลือดเรียกร้องมานั้น บรรพยักษ์ตรีภพก็ประทานสายเลือดที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าให้แก่พวกเขาเช่นกัน ดังนั้นศักยภาพของลาร์ก็เพิ่มขึ้นจากเทพมารระดับเจ็ดในตอนแรกขึ้นมาถึงเทพมารระดับเก้า ผนึกรวมกงล้อเทพออกมาได้หนึ่งวงแล้ว
แม้นศักยภาพจะเพิ่มขึ้น ต่อให้ไม่ได้ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกัน ณ เสี้ยววินาทีที่ลาร์เห็นหลัวซิว เขาก็เรียกหลัวซิวว่านายท่านโดยสัญชาตญาณเช่นกัน
“ลาร์ เจ้ากล้าหาญมากเลยนี่! ในฐานะที่เป็นชนชั้นตรีภพที่สูงศักดิ์ เจ้าถึงขั้นเรียกเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ต่ำต้อยคนหนึ่งว่านายท่านอย่างนั้นหรือ?”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงหัวเราะที่เยือกเย็นสะท้อนมา จากนั้นยักษ์ที่ผิวพรรณดำขลับคนหนึ่งก็เดินตรงมาพร้อมกับลูกน้องหลายคน จ้องมองไปทางลาร์ด้วยสายตาที่เสียดสีถากถาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...