บทที่ 3012 ไข่มุกตรีภพ – ตอนที่ต้องอ่านของ มหายุทธ์ สะท้านภพ
ตอนนี้ของ มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 3012 ไข่มุกตรีภพ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
“พวกมึงช่างกล้าหาญยิ่งนัก!”
เงาร่างของยักษ์ทั้ง 12 ปรากฏกลางนภา สิบสองพลเทพที่อยู่ใต้บังคับบัญชาบรรพยักษ์ตรีภพล้วนเปิดเผยร่างแท้ ประมุขเต๋าทั้งสี่สูงหลายหมื่นเมตร จิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ พลเทพระดับผู้สูงส่งอีกแปดคนที่เหลือก็สูงหลายหมื่นเมตรเช่นกัน ออร่าทรงพลัง
ด้วยร่างกายที่สูงหลายหมื่นเมตร พลังของยักษ์ตรีภพระดับประมุขเต๋าจึงเกะกะระรานจนน่ากลัว แม้นยักษ์ทั้งสี่คนนี้จะอยู่แค่แดนประมุขเต๋าขั้นปฐมภูมิ แต่ถ้าเกิดพูดถึงพลังอย่างเดียว พวกเขากลับน่ากลัวกว่าประมุขเต๋าช่วงกลางเสียอีก
และนี่ก็คือพรสวรรค์ที่สวรรค์ประทานให้ยักษ์ตรีภพ เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ในอดีตก็เคยพยายามอนุมานริเริ่มพลังอมตะร่างเนื้อที่เป็นทำนองเดียวกันเช่นกัน ทว่าถูกพรสวรรค์ดั้งเดิมของเผ่าพันธุ์มนุษย์พันธนาการ จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงให้ร่างกายสูงหลายหมื่นเมตรได้ด้วยซ้ำ
“ตู้มม!”
ก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว แผ่นดินใหญ่จึงสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง ยักษ์ที่สูงหลายหมื่นเมตรก้าวขาเพียงครั้งเดียว ก็สามารถเหยียบย่ำพื้นดินให้เกิดเป็นหุบเขาแห่งหนึ่ง โบกมือครั้งเดียวก็สามารถฉีกกระชากอนัตตาเป็นวงกว้างแล้ว
สีหน้าของประมุขเต๋าเลี่ยเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย หากศักยภาพของเขาฟื้นฟูกลับไปถึงประมุขเต๋าช่วงปลาย การที่จะจัดการพลเทพโอฬารระดับประมุขเต๋าสี่คนนั้น ย่อมไม่ใช่ปัญหาอะไรอยู่แล้ว แต่ศักยภาพของเขาในวินาทีนี้แค่ฟื้นฟูกลับไปถึงประมุขเต๋าช่วงกลาง ซึ่งยังห่างไกลจากช่วงปลายมาก ๆ
และในเวลานี้เอง ก็มีแสงทองดวงหนึ่งบินออกไปจากมือหลัวซิว มันหยุดอยู่ตรงหน้าประมุขเต๋าเลี่ยเทียน เห็นเพียงมีรัศมีที่แวววาวจับตาแย้มบานออกมาจากหอคอยจิ๋วสีทอง มีออร่าธรรมที่ล้ำลึกแผ่กระจายออกมา
“หนึ่งในอัญดั้งเดิมทั้งแปด หอคอยฮวง?”แววตาของประมุขเต๋าเลี่ยเทียนเป็นประกายขึ้นมา หากกระตุ้นหอคอยฮวงละก็ เช่นนั้นการที่จะกดอัดพลเทพโอฬารระดับประมุขเต๋าสี่คน ก็จะไม่ใช่ปัญหาอะไรอีกต่อไป
ปัจจุบันหลัวซิวคือจ้าวแห่งหอคอยฮวง ขอแค่ได้รับการเห็นพ้องจากเขา คนอื่นก็สามารถกระตุ้นพลานุภาพของหอคอยฮวงออกมาได้เช่นกัน
ส่วนพลเทพโอฬารระดับผู้สูงส่งอีกแปดคนที่เหลือ ไม่ถูกทั้งสองนำไปไว้ในสายตาด้วยซ้ำ ต่อให้พรสวรรค์ของเผ่ายักษ์ตรีภพจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ก็ไม่สามารถอาศัยผลการฝึกตนผู้สูงส่งต่อกรกับประมุขเต๋าได้
“เวิ่งง!”
ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนยกมือโบกครั้งหนึ่ง หอคอยฮวงก็กลายเป็นลำแสงสีทองดวงหนึ่ง ลอยขึ้นเหนือนภา
“ตู้มม!”
วินาทีต่อไป ก็มีเสียงที่ดังกึกก้องปรากฏกลางนภาสูง ทั้งแผ่นฟ้าเต็มเปี่ยมไปด้วยแสงสีทองที่ไร้ขอบเขต หอคอยฮวงที่มีขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือในตอนแรก วินาทีนี้ได้กลายเป็นหอคอยขนาดใหญ่ที่สูงหลายหมื่นเมตรแล้ว ก่อนจะร่วงลงมาจากฟ้าจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น!
“โฮกก!”
พลเทพโอฬารประมุขเต๋าทั้งสี่แหงนหน้าขึ้นฟ้าคำรามเสียงดัง ต่างพากันยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมา พยายามจะใช้แรงฮึดที่เกะกะระรานของเผ่าพันธุ์ยักษ์ มาต้านรับหอคอยฮวงที่กำลังกดอัดลงมา
อย่างไรก็ตามในบรรดาอัญดั้งเดิมทั้งแปดชิ้น หอคอยฮวงเชี่ยวชาญการกดอัดมากที่สุด น้ำหนักของมันน่าทึ่งอย่างยิ่ง จากอานุภาพของหอคอยฮวง หากโจมตีอย่างทุ่มสุดกำลังสามารถ ก็ยิ่งสามารถทำให้แผ่นดินใหญ่ของทั้งโลกสวรรค์แตกสลายเป็นฝุ่นผงได้เลย
สามารถพูดได้อย่างไม่ลังเลใจเลยว่าแม้นผลการฝึกตนของเลี่ยเทียน ณ วินาทีนี้จะเป็นประมุขเต๋าช่วงกลาง ทว่าพลานุภาพหลังจากเขากระตุ้นหอคอยฮวงอย่างสุดกำลังสามารถ แม้แต่ประมุขเต๋าช่วงปลายก็อย่าคิดว่าจะสามารถต้านทานเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
แต่ทว่าแรงฮึดอันแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ยักษ์ก็ไม่ได้มีดีแค่เปลือกนอกอย่างแน่นอน ฐานของหอคอยฮวงถูกพลเทพโอฬารทั้งสี่ต้านรับไว้ แนวโน้มที่จะกดอัดลงมาจึงถูกต้านทานเอาไว้ได้จริงๆ
ทว่าพลเทพโอฬารทั้งสี่ก็อัดอั้นจนใบหน้าแดงเถือกเช่นกัน พลังที่แข็งแกร่งถูกระเบิดออกมาจนถึงขั้นสูงสุด เท้าทั้งสองข้างทรุดลึกลงไปในพื้นดิน เส้นเลือดบนแขนดูน่ากลัวดั่งมังกร
“ฆ่าพวกมันซะ!”
พลเทพระดับผู้สูงส่งอีกแปดคนที่เหลือก็ต่างตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว ก่อนจะพุ่งกระโจนเข้าไปทางลาร์อย่างพร้อมเพรียงกัน
ระดับสายเลือดของชนชั้นตรีภพโอฬารเข้มงวดมาก ลาร์อยู่แค่ระดับเทพมารระดับเก้า เมื่อเผชิญหน้ากับพลังออร่าที่แข็งแกร่งของพลเทพระดับผู้สูงส่งทั้งแปด เขาก็รู้สึกว่าร่างกายสั่นเทาไปทั้งตัว แม้แต่เคลื่อนไหวยังทำไม่ได้เลย
“ไสหัวออกไปให้หมด!”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเงาดำร่างหนึ่งเทเลพอร์ตปรากฏกะทันหัน ขัดขวางอยู่หน้าพลเทพระดับผู้สูงส่งทั้งแปด เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าพลเทพโอฬารที่สูงหลายพันเมตร ร่างกายที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในชุดคลุมยาวดำก็ดูเล็กน้อยมาก จนแทบจะสามารถมองข้ามไปได้เลย
อย่างไรก็ตามพลังออร่าอันแข็งแกร่งที่ตลบฟุ้งออกมาจากร่างกายชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำ กลับแข็งแกร่งกว่าพลเทพผู้สูงส่งทั้งแปดคนรวมด้วยกันซะอีก
“โครม! โครม! โครม! ......”
เสียงดังลั่นที่หนักแน่นดังขึ้นมาติดต่อกันแปดครั้ง ก่อนร่างกายที่ใหญ่โตมโหฬารของพลเทพผู้สูงส่งทั้งแปดจะกระเด็นออกไปพร้อมกัน ร่างกายที่ใหญ่โตกระแทกลงพื้น ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ฝุ่นละอองตลบฟุ้งไปทั่ว
หลังจากผลการฝึกตนบรรลุถึงผู้สูงส่งขั้นสูง หลัวซิวก็ไม่ลืมเคล็ดเซียนแปรเก้าเช่นกัน แม้นจะยังบรรลุไม่ถึงแดนแปรที่แปดก็ตาม แต่ก็เข้าใกล้แปรที่แปดมากแล้ว
หากสามารถฝึกถึงแปรที่แปด ร่างเนื้อของเขาก็จะสามารถต้านรับพลังโจมตีของภัณฑ์เต๋า ปัจจุบันแม้จะไม่สามารถเทียบเคียงกับภัณฑ์เต๋า แต่ก็แข็งแกร่งกว่าอาวุธเทพมหาศักดิ์ทั้งปวงไม่น้อยเช่นกัน
ภายใต้การกดอัดของหอคอยฮวง พลเทพโอฬารระดับประมุขเต๋าทั้งสี่คนไม่สามารถหลุดพ้นออกมาจากสถานการณ์เวลานี้ได้ด้วยซ้ำ พลเทพผู้สูงส่งทั้งแปดก็ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวซิว เห็นเพียงเงาร่างเขากระพริบทีหนึ่ง ก็กลับมาบนไหล่ลาร์อีกครั้งแล้ว
“พาข้าไปพบบรรพโอฬาร”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลัวซิวก็ปลดปล่อยอาณาจักรไร้ลักษณ์ของตัวเองออกมา เมื่ออยู่ภายในขอบเขตของอาณาจักรไร้ลักษณ์ สภาวะของลาร์ถึงฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมภายในพริบตา ไม่ถูกระดับสายเลือดกดอัดอีกต่อไป
สำหรับข้อเรียกร้องของหลัวซิวนั้น ลาร์ลงมือปฏิบัติตามอย่างไม่ลังเลใจเลย ในขณะเดียวกันภายในใจเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นดีใจด้วย เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งตัวเองก็มีสิทธิ์ได้เข้าเฝ้าผู้บุกเบิกสูงศักดิ์ด้วย
ณ ส่วนที่ลึกที่สุดของสถานตรีภพ สภาพของหุบเขาหมัวหลัวไม่เหมือนในอดีตตั้งนานแล้ว ล้วนถูกปกคลุมด้วยกลุ่มตรีภพสีเทา
พละตรีภพของที่นี่เข้มข้นจนน่าทึ่ง ซึ่งแทบจะผนึกรวมกันจนกลายเป็นแก่นแท้แล้ว แท่นบูชาตรีภพทั้งหลายที่สูงเสียดฟ้ายิ่งใหญ่อลังการ ล้วนหลอมสร้างมาจากหินตรีภพที่ล้ำค่า
“โครมคราม……”
เมื่อลาร์และหลัวซิวมาถึงละแวกใกล้เคียงของหุบเขาตรีภพแห่งนี้ ก็มีเสียงที่เหมือนดั่งฟ้าผ่าฟ้าร้องสะท้อนออกมาจากหุบเขาตรีภพ
มีตรีภพขนาดใหญ่ไหลกลิ้งออกมา พุ่งทะยานขึ้นฟ้า แล้วกลายเป็นใบหน้าขนาดใหญ่ปรากฏเหนือนภาหุบเขาตรีภพดวงตาขนาดใหญ่คู่หนึ่งที่ไม่มีความรู้สึกใด ๆ กำลังเพ่งมองหลัวซิวที่ยืนอยู่บนไหล่ลาร์
“เจ้าคือผู้ใดกันแน่? แล้วจุดประสงค์ในการมาเยือนของเจ้าคืออะไร?”
“เวิ่ง! ......”
วินาทีนี้ ฟ้าดินดังกึกก้อง ระหว่างฟ้าดินถูกฉีกกระชากจนเกิดเป็นร่องรอยสีเลือดหนึ่งจุดภายในพริบตา ปราณดาบสีเลือดขนาดใหญ่เล่มหนึ่งจุติลงมาจากฟ้า ราวกับเฉือนสับฟ้าดินให้แยกออก
พละตรีภพที่อยู่ในหุบเขาตรีภพซัดสาด เหมือนดั่งมหาสมุทรที่เปี่ยมล้นไปด้วยคลื่นยักษ์ เห็นเพียงตรีภพทั้งหลายถูกปราณดาบสีเลือดเฉือนสับจนแยกออกจากกัน จากนั้นก็เห็นเงาร่างร่างหนึ่งที่ดูไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ทั่วไป กำลังนั่งอยู่ในส่วนลึกของหุบเขาตรีภพ
เงาร่างที่ดูไม่มีอะไรโดดเด่นนั่น ก็คือบรรพยักษ์ตรีภพในตำนานนั่นเอง!
“นะ……นี่คือ……”
ณ บัดนี้วินาทีนี้ บรรพยักษ์ตรีภพได้เบิกตากว้างแล้ว เขาคุ้นเคยกับจิตสังหารอันไร้ขอบเขตที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินนี้อยู่ เพราะในยุคโบราณอันไกลโพ้น เขาก็เคยไปสถานที่แห่งนั้นเช่นกัน ทว่ากลับทำได้เพียงกลับมาพร้อมกับความล้มเหลว
“ตู้มม!”
จากการที่มีเสียงดังลั่นดังขึ้น จากหุบเขาตรีภพเป็นจุดศูนย์กลาง ก็มีคลื่นเสียงที่น่ากลัวแผ่ขยายออกไปทั่วทุกสารทิศ
ถัดจากนั้นก็มีตรีภพที่ไร้ขอบเขตพรั่งพรูออกมาจากหุบเขา เหมือนดั่งกระแสน้ำไหลทะลักออกมา ทำลายล้างทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบ ๆ จนพังยับเยิน
หลัวซิวลอยอยู่กลางนภาสูง จู่ ๆ ก็มีไข่มุกที่มีลำแสงสาดส่องเป็นประกายลูกหนึ่งบินออกมาจากหุบเขาตรีภพที่อยู่ด้านล่าง แล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
ไข่มุกดังกล่าวมีขนาดเท่าหนึ่งกำปั้น สีสันแวววาว มีตรีภพผนึกรวมอยู่ภายใน ซึ่งมันก็คือมุกอมฤตตรีภพนั่นเอง หากพูดให้แม่นยำหน่อยก็คือมันคือมุกเต๋าตรีภพ
สำหรับจอมยุทธ์ที่ฝึกธรรมเวชตรีภพ มุกเต๋าตรีภพประเภทนี้มีประสิทธิผลด้านการกลั่นแปรฝึกตน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ไข่มุกเต๋าชั้นยอดสามารถเทียบเคียงได้
“หากเป็นมุกเต๋าตรีภพแค่หนึ่งลูกละก็ ยังไม่เพียงพอ!”หลัวซิวพูดอย่างเย็นชา
“เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอกนะ!”
เสียงของบรรพยักษ์ตรีภพสะท้อนมาจากด้านล่าง แต่ทว่าเห็นได้ชัดเจนเลยว่าน้ำเสียงฟังดูไม่มั่นใจเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว อย่างไรเสียไม่มีคนใดในดาราจักรวาลไม่เกรงกลัวดาบฉกรรจ์สุดหล้าเล่มนั้นที่คงอยู่ในหุบเขาเสว่หย่ามาอย่างยาวนานโดยที่ไม่มีผู้ใดสามารถกลั่นแปรมันได้
การโจมตีในเมื่อครู่นี้ แม้นหลัวซิวจะไม่ได้ทุ่มสุดกำลังสามารถ แต่ก็สูญเสียผลการฝึกตนไปเจ็ดส่วนเช่นกัน ซึ่งแข็งแกร่งกว่าพลังโจมตีครั้นเมื่อเขากระตุ้นเพื่อจัดการมกุฎเต๋าสังสารวัฏในวังทะยานเซียน
อย่างไรก็ตามถึงแม้แดนผลการฝึกตนของบรรพยักษ์ตรีภพจะเทียบเคียงกับเหล่ามกุฎเต๋าที่ฟังราชาเซียนหยุนหลงธรรมกถาไม่ได้ ทว่าร่างเนื้อของบรรพโอฬารกลับแข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน แม้นจะเป็นพลังโจมตีที่ฟาดฟันออกไปด้วยผลการฝึกตนเจ็ดส่วน ก็แค่สามารถทำให้บรรพยักษ์ตรีภพบาดเจ็บเท่านั้น ซึ่งไม่มีทางสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ด้วยซ้ำ
ยิ่งกว่านั้นคือต่อให้หลัวซิวใช้ผลการฝึกตนทั้งหมดฟาดฟันพลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกไป คาดว่ามากสุดก็แค่สามารถทำให้บรรพยักษ์ตรีภพบาดเจ็บสาหัส และสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ยากมาก
ถ้าเกิดบรรพยักษ์ตรีภพตายง่ายขนาดนั้นละก็ เขาก็ไม่มีทางมีชีวิตรอดมาจนถึงปัจจุบันได้หรอก
“ข้าก็ไม่ได้มีความคิดที่จะขอมุกเต๋าตรีภพลูกที่สองกับเจ้าหรอก แต่ข้าต้องการพลังและเลือดของเจ้าสามสี่หยด”หลัวซิวเอ่ยปากพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
Good...
ทำไมอ่านต่อไม่ได้...
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...