ตอน บทที่ 3013 การถ่ายทอดสืบสานเวิ่นเทียน จาก มหายุทธ์ สะท้านภพ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 3013 การถ่ายทอดสืบสานเวิ่นเทียน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ มหายุทธ์ สะท้านภพ ที่เขียนโดย หลงเซียว-มังกรคำราม เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
แม้มุกเต๋าตรีภพจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของมุกอมฤต แต่ก็เป็นอัญตรีภพที่หายากอย่างแน่นอน มาตรแม้นว่าในมือบรรพยักษ์ตรีภพ ก็มีไม่กี่ลูกเท่านั้น
ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับมุกเต๋าตรีภพแล้ว พลังและเลือดกลับไม่ได้สำคัญต่อบรรพยักษ์ตรีภพมากขนาดนั้น เนื่องจากเขามีมุกอมฤตตรีภพ ต่อให้จะสูญเสียพลังและเลือดไปเล็กน้อย ก็สามารถฟื้นฟูกลับคืนมาได้ในระยะเวลาอันสั้น
แน่นอนอยู่แล้วว่าพลังและเลือดกับชีวีโลหิตเป็นสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หากหลัวซิวร้องขอชีวีโลหิตอย่างอุกอาจละก็ ต่อให้บรรพยักษ์ตรีภพจะเกรงกลัวดาบโลหิตหักเซียนที่อยู่ในมือเขา ก็ไม่มีทางยอมประนีประนอมแน่นอน
หลัวซิวก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าบรรพยักษ์ตรีภพจะใจกว้างขนาดนั้น เขาแค่ต้องการพลังและเลือดสามสี่หยด บรรพยักษ์ตรีภพกลับให้เขาสิบหยดเลย
“เจ้าได้รับของที่ต้องการแล้ว ชนชั้นตรีภพโอฬารไม่ต้อนรับเจ้า เจ้ากลับไปเถอะ!”ฟังจากน้ำเสียงของบรรพยักษ์ตรีภพ สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเขากำลังระงับไฟโกรธที่ล้นฟ้าอยู่
สิ่งที่เขาเกรงกลัวไม่ใช่หลัวซิว แต่เป็นดาบโลหิตหักเซียนที่อยู่ในมือเขา มิฉะนั้นละก็ ต่อให้มกุฎเต๋าเหล่านั้นมา เขาก็ไม่มีทางประนีประนอมแน่นอน เนื่องจากแม้นเขา ณ วินาทีนี้จะสู้มกุฎเต๋าเหล่านั้นไม่ไหว แต่เมื่ออาศัยร่างแห่งตรีภพที่แข็งแกร่ง มกุฎเต๋าเหล่านั้นก็ทำอะไรเขาไม่ได้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตามดาบโลหิตหักเซียนกลับแตกต่างกัน จิตสัมผัสที่อ่อนไหวต่อความอันตรายที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ทำให้บรรพยักษ์ตรีภพเข้าใจอยู่ว่าดาบฉกรรจ์สุดหล้าเล่มนั้นเป็นอาวุธโหดที่สามารถสังหารเขาได้อย่างแท้จริง!
“เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนบรรพโอฬารแล้วล่ะ ในฐานะที่เห็นว่าบรรพโอฬารเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ ข้าก็จะแจ้งข่าวคราวหนึ่งให้บรรพโอฬารโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเช่นกัน นั่นก็คือผลการฝึกตนของมกุฎเต๋าสังสารวัฏบรรลุถึงขั้นสูงสุดของมกุฎเต๋าแล้ว”
พอสิ้นเสียง หลัวซิวก็ไม่สนใจเช่นกันว่าปฏิกิริยาของบรรพยักษ์ตรีภพจะเป็นอย่างไร เงาร่างกระพริบทีหนึ่ง แล้วกลับขึ้นมายืนอยู่บนไหล่ลาร์ใหม่อีกครั้ง
เขาเคยได้ยินมกุฎเต๋าหวูจี๋บอกว่า สาเหตุที่บรรพยักษ์ตรีภพดับสลายสูญสิ้นเมื่อหลายล้านล้านปีก่อน ก็เป็นเพราะติดกับดักของมกุฎเต๋าสังสารวัฏที่วางไว้โดยเฉพาะเพื่อจะช่วงชิงบรรพโอฬารดั้งเดิมนี่แหละ
เพราะฉะนั้นแล้ว ผู้ที่บรรพยักษ์ตรีภพโกรธแค้นมากที่สุดก็คือมกุฎเต๋าสังสารวัฏ เขาที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่ของโลกสวรรค์อัดอั้นมายาวนานเช่นนี้ ก็เพื่อหวังว่าสักวันตนจะสามารถล้างแค้นได้
หอคอยฮวงถูกหลัวซิวเก็บกลับไปโดยตรง ดูเหมือนพลเทพโอฬารเหล่านั้นก็ได้รับคำสั่งที่มาจากบรรพโอฬารเช่นกัน แม้ใบหน้าจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นและจิตสังหาร ทว่ากลับไม่ได้ลงมือต่อพวกหลัวซิวอีกแล้ว
ทุกอย่างดำเนินการไปตามนี้ พวกหลัวซิวมาอย่างสง่าผ่าเผย จากไปอย่างสง่าผ่าเผย กระทั่งขณะที่ออกมาจากสถานตรีภพ ลาร์ก็ยังรู้สึกว่าประสบการณ์ในครั้งนี้เหมือนอยู่ในความฝันยังไงอย่างนั้น
“ลาร์ กลั่นแปรพลังและเลือดทั้งสิบหยดนี้ของบรรพโอฬารซะ แล้วศักยภาพของเจ้าจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ”หลังจากออกมาจากสถานตรีภพ หลัวซิวก็หยิบขวดหยกที่มีพลังและเลือดของบรรพยักษ์ตรีภพบรรจุอยู่ออกมา
“นี่เป็นสิ่งที่มอบให้ข้าหรือ?”แม้นลาร์จะเป็นคนซื่อ ๆ ตรง ๆ แต่วินาทีนี้เขาจะยังไม่เข้าใจได้อย่างไรว่า สาเหตุที่นายท่านขู่เข็ญเอาพลังและเลือดของบรรพโอฬารมา ล้วนทำเพื่อตัวเอง
นายท่านในปัจจุบันกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สามารถทำให้บรรพโอฬารหวาดหวั่นได้แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจักยังคำนึงถึงคนรับใช้ที่ต่ำต้อยอย่างเขาอีก นี่จึงทำให้ลาร์รู้สึกตื้นตันใจมากจนเบ้าตาแดงก่ำจริง ๆ
“ข้าไม่เคยอยุติธรรมต่อผู้ที่จงรักภักดีต่อข้า เจ้าดูดจิตนั่นฝึกตนจนใกล้จะบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อแล้ว หากเจ้ายังไม่รีบยกระดับศักยภาพตามขึ้นมาละก็ ระวังกลับไปแล้วจะโดนเจ้าหมอนั่นรังแกเอาล่ะ”
หลัวซิวหัวเราะพลางพูด
“ว่าอย่างไรนะ? เขาฝึกตนเร็วขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรือ?”ลาร์เบิกตากว้างอย่างรู้สึกเหลือเชื่อ เขาจำได้อยู่ว่าครั้นตนออกจากหุบเขาสยบปีศาจ ดูดจิตยังบรรลุไม่ถึงแดนเทพมารระดับเจ็ดเลย
และนี่เพิ่งผ่านไปแค่กี่ปีเอง นายท่านแข็งแกร่งมากขนาดนี้ก็แล้วไป แม้แต่ดูดจิตที่เคยถูกเขารังแกบ่อย ๆ ก็ทิ้งห่างจากตัวเองไกลเช่นนี้แล้วหรือ?
ดั่งคำกล่าวที่ว่าเมื่อคนบรรลุธรรมสำเร็จมรรคผล หมูหมากาไก่ก็พลอยได้ขึ้นสวรรค์เบื้องบน ตลอดช่วงหลายพันปีที่ผ่านมานี้ หากไม่มีหลัวซิวที่เจริญเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง ผู้คนที่อยู่ข้างกายเขาก็ไม่มีทางฝึกตนเร็วเช่นนี้แน่นอน
สาเหตุที่ลาร์ฝึกตนช้านั้น เป็นเพราะถูกระดับสายเลือดผูกมัด ทว่าหากสามารถกลั่นแปรพลังและเลือดของผู้บุกเบิกละก็ ศักยภาพของเขาก็จะมีการรุดก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การที่สามารถบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ ตลอดจนแดนผู้สูงส่งภายในระยะเวลาอันสั้น ก็ไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์อะไรเลย
แต่ว่าจากสายเลือดของอสูรดูดจิต การที่ฝึกตนถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อก็ถือเป็นขีดจำกัดแล้ว เหล่าเผ่าพันธุ์มังกรในมหาโลกาพันสามถือเป็นทายาทของอสูรดูดจิต และในความเป็นจริง อสูรดูดจิตก็เป็นเพียงลูกครึ่งที่เกิดจากเผ่าพันธุ์มังกรที่แข็งแกร่งผสมพันธุ์กับเผ่าพันธุ์อื่นเท่านั้นเอง
ตำนานเล่ากันว่าอสูรดูดจิตตัวแรกในจักรวาลฟ้าดิน เป็นรุ่นหลังของเผ่าพันธุ์มังกรระดับผู้สูงส่งตัวหนึ่งกับอสูรสวรรค์แปดหนวด ดังนั้นเมื่อสายเลือดของอสูรดูดจิตพัฒนาถึงขั้นสูงสุด ก็จะอยู่ที่ระดับผู้สูงส่งเช่นกัน
เนื่องจากพรสวรรค์พิเศษที่สามารถเจริญเติบโตผ่านการดูดกลืนช่องจิต อดีตมีช่วงเวลาหนึ่งที่ยาวนานมาก เผ่าพันธุ์อสูรดูดจิตล้วนถูกล่ามาโดยตลอด กระทั่งต่อมา เผ่าพันธุ์อสูรดูดจิตได้หลบหนีเข้าไปในจักรวาลกันดาร แล้วแพร่พันธุ์ดำรงชีวิตอยู่ในพิภพที่ต่ำกว่าอย่างมหาโลกาพันสาม
มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ เผ่าพันธุ์อสูรดูดจิตก็เกือบจะสูญพันธุ์อยู่ดี เหลือทายาทสายเลือดเพียงตัวสุดท้าย แล้วถูกหวงเทียนหัวหน้าตระกูลเทพสงครามรุ่นก่อนเลี้ยงดูจนเติบใหญ่
ในอดีต หลัวซิวแค่จดจ่ออยู่กับการยกระดับผลการฝึกตนกำลังรบของตนเอง ส่วนความเร็วในการยกระดับผลการฝึกตนศักยภาพของผู้คนที่อยู่ข้างกายเขา กลับไม่สามารถไล่ตามฝีเท้าเขาได้เลย
ปัจจุบันหลัวซิวก็เริ่มคิดหาหนทางทุกระดับเพื่อศักยภาพผลการฝึกตนของผู้คนที่อยู่ข้างกายตนแล้ว เพราะหลังจากเขาได้ยินหญิงชุดเขียวบอกว่าในจักรวาลแห่งนี้ ยังมีโลกของผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงอีกใบหนึ่ง เขาก็รู้แล้วว่าสักวันไม่เร็วก็ช้าตัวเองก็ต้องออกจากห้วงดาราแห่งนี้อยู่ดี
ฉะนั้นก่อนเขาจะจากไป เขาจะทำให้ผู้คนที่อยู่ข้างกายแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเขาไม่มีทางพาทุกคนมุ่งหน้าไปยังโลกของผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงนั่นอีกครั้ง เพราะไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าโลกใบนั้นเป็นโลกแบบใดกันแน่
หลังจากกลับมา หลัวซิวก็รีบปิดขัง ตระหนักพลังเต๋าที่แฝงซ่อนอยู่ในมุกเต๋าตรีภพ
เข็มทิศสาส์นเต๋ากำลังล่องลอยอย่างไร้เป้าหมายอยู่ในห้วงดารา เพียงพริบตาเดียว เวลาเกือบร้อยปีก็ล่วงเลยไปแล้ว
ในช่วงเวลาเกือบร้อยปีที่ผ่านมานี้ วังทะยานเซียนยังคงอยู่บนดาราหยุนหลง และไม่มีข่าวคราวใด ๆ ของผู้สูงส่งทั้งแปดที่เข้าไปในวังทะยานเซียนตลอดมาเช่นกัน ราวกับพวกเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกันยังไงอย่างนั้น
อาศัยสิ่งที่ตระหนักได้จากมุกเต๋าตรีภพ หลัวซิวใช้ตรีภพอนุมานเบญจธาตุ ในที่สุดก็ยึดกุมพลังอมตะอย่างตราเบญจธาตุสูญพันธุ์ได้ถึงแดนบรรลุผล หากปลดปล่อยพลังอมตะวิชานี้โดยทุ่มสุดกำลังสามารถละก็ จักสามารถปลดปล่อยพลานุภาพที่เทียบเท่าประมุขเต๋าช่วงปลายออกมา
มีความตะลึงเล็กน้อยปรากฏบนใบหน้าหลัวซิว เนื่องจากภายในม้วนหยกชิ้นนี้ยังมีพลังอมตะระดับราชาเซียนหนึ่งวิชาด้วย อีกทั้งพลังอมตะดังกล่าวไม่ขาดตกบกพร่อง เป็นพลังอมตะที่สมบูรณ์แบบ!
และพลังอมตะดังกล่าวมีนามว่าเจว๋เทียน อ้างอิงจากการบรรยายในม้วนหยก มันคือพลังอมตะวิชาหนึ่งที่ทำให้ราชาเซียนเจว๋เทียนองค์หนึ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง
แต่น่าเสียดายที่พลังอมตะดังกล่าวไม่สอดคล้องกับธรรมเวชเบญจธาตุที่นักเซียนเทียนเวิ่นฝึก ฉะนั้นนักเซียนเทียนเวิ่นก็ทำได้เพียงเก็บซ่อนพลังอมตะวิชานี้ไว้ และไม่เคยฝึกตลอดมา
พลังอมตะเจว๋เทียน เป็นพลังอมตะวิชาหนึ่งที่สอดคล้องกับธรรมเวชมรณา การตระหนักรู้และยึดกุมธรรมเวชมรณาของแดนราชาเซียนบรรลุถึงแดนที่สูงส่งอย่างยิ่งตั้งนานแล้ว ซึ่งได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของวัฏสงสาร
ดั่งคำกล่าวที่ว่าฟ้าไม่สิ้นหนทาง และพลังอมตะเจว๋เทียนก็คือสิ่งที่ตัดขาดหนทางรอดทุกทาง
“ช่างเป็นพลังอมตะที่แข็งแกร่งยิ่งนัก”
มีรังสีแห่งความตะลึงปรากฏบนใบหน้าหลัวซิว การตระหนักรู้ในวิถีแห่งเป็นตายของเขาสูงที่สุด แต่เมื่อเปรียบเทียบกับแดนที่บรรยายในพลังอมตะเจว๋เทียนแล้ว พวกการตระหนักรู้ในธรรมเวชมรณาของเขาก็เล็กน้อยมากจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงด้วยซ้ำ
สามารถพูดได้อย่างไม่ลังเลใจเลยว่า ถ้าเกิดมกุฎเต๋าสังสารวัฏได้ฝึกพลังอมตะวิชานี้ เช่นนั้นครั้นเมื่ออยู่ในวังทะยานเซียน ต่อให้เขามีดาบโลหิตหักเซียน ก็ต้องตายอยู่ในเงื้อมมือมกุฎเต๋าสังสารวัฏอย่างแน่นอน
เมื่อมีพลังอมตะเจว๋เทียนวิชานี้ หลัวซิวก็ไม่ค่อยต้องตาพวกพลังอมตะระดับเซียนชั้นฟ้าที่นักเซียนเทียนเวิ่นทิ้งไว้แล้ว
ถัดจากนั้นหลัวซิวก็สังเกตลูกแก้วที่อยู่บนมืออย่างพินิจพิเคราะห์ บนลูกแก้วลูกนี้มีแสงสีทองจาง ๆ เป็นประกาย ในเมื่อนักเซียนเทียนเวิ่นนำการถ่ายทอดสืบสานของตัวเองใส่ไว้ด้านใน มันต้องเป็นวัตถุที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าหลัวซิวจะมองยังไง ก็มองความผิดปกติของลูกแก้วลูกนี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้หลัวซิวรู้สึกว่าลูกแก้วลูกนี้ไม่ธรรมดา บางทีอาจเป็นเพราะแดนผลการฝึกตนของเขายังไม่เพียงพอ ฉะนั้นถึงยังไม่สามารถสืบค้นได้ว่าลูกแก้วลูกนี้มีประโยชน์อะไรกันแน่
เก็บม้วนหยกและลูกแก้วเข้าที่ หลัวซิวขมวดคิ้วลง เนื่องจากของที่นักเซียนเทียนเวิ่นทิ้งไว้บนแท่นหินมีเพียงสองชิ้นเท่านั้น แต่ทว่าของทั้งสองสิ่งนี้กลับไม่สามารถช่วยให้เขาบรรลุสู่ประมุขเต๋าได้เลยแม้แต่น้อย
“หรือมีเพียงต้องใช้หนืดอมฤตตรีภพมาบรรลุ?”หลัวซิวถอนหายใจแล้วพูดพึมพำคนเดียว
ทันใดนั้นเอง สายตาเขาก็ร่วงลงบนเบาะทรงกลมที่ยังอยู่บนแท่นหิน ตอนแรกความสนใจทั้งหมดของเขาล้วนถูกม้วนหยกและลูกแก้วดึงดูดไป ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตเบาะทรงกลมนั่น จึงตีความและคิดไปเองว่าเบาะทรงกลมนั่นเป็นเบาะที่นักเซียนเทียนเวิ่นเคยใช้นั่งขณะฝึกตน
แต่เมื่อลองคิดอย่างละเอียดละก็ ตัวนักเซียนเทียนเวิ่แล้ว เขาจะมีทางวางเบาะที่ใช้นั่งขณะฝึกตนไว้ที่นี่โดยเฉพาะได้อย่างไร? นดับสลายสูญสิ้นไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
Good...
ทำไมอ่านต่อไม่ได้...
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...