มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3014

หลัวซิวใช้ตัวสำนึกแผ่สำรวจเบาะนั่งทรงกลมที่ดูไม่โดดเด่นอะไรนั่น ทว่า ณ เสี้ยววินาทีที่ตัวสำนึกของเขาได้สัมผัสกับเบาะนั่งทรงกลมใบนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงที่แก่ชราสะท้อนเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของเขา

“ข้ามีนามว่าเทียนเวิ่น ศึกแห่งการล้มล้างสำนักครั้งหนึ่ง ทำให้ข้าบาดเจ็บสาหัสจนเกือบตาย ข้ารู้ตัวเองดีว่าไม่สามารถข้ามผ่านภัยพิบัติในครั้งนี้ไปได้ ฉะนั้นขณะใกล้สิ้นชีพทิ้งการถ่ายทอดสืบสานเอาไว้ ผลการฝึกตนที่หลงเหลืออยู่ก็ล้วนถูกเก็บไว้ในธูปฤาษีเต๋าเช่นกัน เพื่อเฝ้าคอยผู้มีวาสนา”

เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว หลัวซิวก็ผงะไปก่อน เมื่อเขาตอบสนองกลับมาได้ ก็มีรังสีแห่งความดีใจและแปลกใจปรากฏบนใบหน้าอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะรีบหยิบธูปฤาษีเต๋าตัวนี้ขึ้นมา

เสี้ยววินาทีที่ได้จับธูปฤาษีเต๋าตัวนี้ ก็มีปราณทิพย์เซียนที่บริสุทธิ์ถึงขีดสุดแพร่กระจายออกมาจากธูปฤาษีเต๋า

“ไม่นึกเลยว่าจะเป็นปราณทิพย์เซียนในตำนาน!”

หลัวซิวตื่นเต้นดีใจจนริมฝีปากสั่นเทาเล็กน้อย ปราณทิพย์เซียนคือพลังจิตประเภทหนึ่งที่อยู่เหนือแรงเต๋าดั้งเดิม ท่วงเซียนเสี้ยวหนึ่งที่แฝงซ่อนอยู่ในไข่มุกเต๋าชั้นยอด ก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับปราณทิพย์เซียนได้ด้วยซ้ำ

สำหรับหลัวซิวแล้ว การค้นพบนี้เป็นการเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ชัด ๆ เมื่อมีปราณทิพย์เซียนที่เก็บอยู่ในธูปฤาษีเต๋าตัวนี้ เขาก็สามารถบรรลุสู่แดนประมุขเต๋าได้แล้ว

เมื่อคิดเช่นนี้ได้ หลัวซิวก็จับธูปฤาษีเต๋าแล้วดูดซับกลั่นแปรปราณทิพย์เซียนที่อยู่ภายในอย่างอดใจรอไม่ไหว ภายใต้การโคจรไร้ลักษณ์ ต่อให้ระดับของปราณทิพย์เซียนจะสูงมาก ๆ หลัวซิวก็สามารถกลั่นแปรได้อย่างง่ายดายเช่นกัน แล้วยกระดับผลการฝึกตนของตัวเองอย่างรวดเร็ว

ต่างเป็นการฝึกตนเหมือนกัน ถ้าเกิดใช้ไข่มุกเต๋ามาฝึกตนละก็ มันก็เหมือนการดื่มน้ำทีละอึก เช่นนั้นการอาศัยปราณทิพย์เซียนมาฝึกตนอย่าง ณ วินาทีนี้ หลัวซิวก็รู้สึกว่าเหมือนตัวเองกำลังเดินอยู่ท่ามกลางทะเลทราย แล้วค้นพบแหล่งน้ำ จนได้ดื่มน้ำอย่างเต็มที่!

มาตรแม้นว่าเป็นการใช้รากเซียนน้ำไฟมาฝึกตนอย่างคราวก่อน ก็ไม่สะใจเท่าวินาทีนี้อย่างแน่นอน ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงชั่วพริบตาเดียว ปราณทิพย์เซียนที่เข้มข้นก็ได้ห่อหุ้มร่างกายหลัวซิวเอาไว้แล้ว ทำให้เงาร่างเขาดูขมุกขมัว ราวกับไม่ใช่ของจริงยังไงอย่างนั้น

เพียงชั่วพริบตาเดียว ระยะเวลาสองสามเดือนก็ล่วงเลยไป และในระหว่างนี้ผลการฝึกตนของหลัวซิวก็พุ่งพรวดอย่างบ้าคลั่ง เขารู้สึกว่าผลการฝึกตนของตัวเองบรรลุถึงขั้นสูงสุดของผู้สูงส่งแล้ว

เขาไม่รู้ว่าตัวเองกลั่นแปรปราณทิพย์เซียนไปมากน้อยเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงมีปราณทิพย์เซียนพรั่งพรูออกมาจากธูปฤาษีเต๋าอย่างไม่หยุดหย่อน เขารู้สึกว่าถึงเวลาที่ตัวเองควรทลายจุดตีบตันพันธนาการของแดนประมุขเต๋าแล้ว

……

ตั้งแต่บรรพจารย์ฮวงดับสลายสูญสิ้นเป็นต้นไป โลกร้างก็ถูกสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงควบคุมมาโดยตลอด ต่อมาหลัวซิวได้ทำการสังหารประมุขเต๋าสองคน ทำให้เกิดความวุ่นวายไม่น้อย แต่ทว่าจากการที่กาลเวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว ความวุ่นวายก็ค่อย ๆ สงบลงแล้ว ระหว่างจอมยุทธ์ก็มีหัวข้อในการสนทนามากขึ้น

มีสตรีชุดขาวคนหนึ่งปรากฏบนถนนใหญ่ของเมืองแห่งหนึ่งที่มีนามว่าหวยอันเฉิง นางสวมใส่ผ้าคลุมบดบังใบหน้า มีคลื่นออร่าของผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อแพร่กระจายออกมาจากตัว

ทันใดนั้นเอง ก็มีสายลมเบา ๆ พัดผ่านไป ทำให้มุมหนึ่งของผ้าคลุมใบหน้าถูกพัดขึ้น ก่อนจะเผยให้เห็นมุมหนึ่งของใบหน้าที่งดงามอย่างยิ่ง ทำให้คนจำนวนไม่น้อยที่กำลังเดินทางผ่านไปมาอยู่บนถนนมองจนเหม่อลอย สติล่องลอยอย่างควบคุมไม่ได้

ฉียู่หรงขมวดคิ้วลงเล็กน้อย สาเหตุที่นางใส่ผ้าคลุมบังหน้าก็เพื่อไม่อยากให้ถูกผู้อื่นสนใจนี่แหละ ทว่านางก็ประเมินความงามและออร่าล้ำเลิศพิเศษบนตัวนางต่ำเกินไปอยู่ดี ไม่ว่าจะเดินไปถึงสถานที่ใด ก็ล้วนแต่จะตกเป็นเป้าสายตาผู้คน

ครั้นอาณากระบี่หวูจี๋ประสบภัยพิบัติ นางหนีเอาชีวิตรอดออกมาพร้อมกับผู้บัญชาการเฟยเสว่ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ก็เร่ร่อนพเนจรอยู่โลกาภายนอกตลอดมา

เพื่อเป็นการปกป้องนางและพี่จื่อเยียน เจียงหมิง ทำให้ผู้บัญชาการเฟยเสว่บาดเจ็บสาหัส สุดท้ายก็ข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดมาได้ หลุดพ้นจากการไล่ล่าของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงและเผ่ามังกรไท่ชูได้สักที

อย่างไรก็ตามสภาพอาการบาดเจ็บของผู้บัญชาการเฟยเสว่กลับสาหัสมากเกินไป ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ถึงสามปี นางก็หมดสติ ออร่าชีวีบนตัวยิ่งอยู่ยิ่งอ่อนแอลง

ขณะที่ใกล้จะสิ้นใจ เฟยเสว่ก็ฟื้นตื่นขึ้นมา นางไม่อยากให้ตัวเองตายไปอย่างไร้ความหมาย ดังนั้นจึงถ่ายเทผลการฝึกตนที่เหลืออยู่ของตัวเองไปบนตัวฉียู่หรง

ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ฉียู่หรงค่อน ๆ กลั่นแปรผลการฝึกตนที่ผู้บัญชาการเฟยเสว่ถ่ายเทให้ เปลี่ยนให้เป็นผลการฝึกตนของตัวเอง นางที่มีพรสวรรค์ไม่ค่อยดีในตอนแรกก็ฝึกถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อแล้ว

หลังจากผลการฝึกตนบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ นางก็อยากตามหาเบาะแสร่องรอยของหลัวซิวอย่างอดใจรอไม่ไหว เมื่อปีนั้นสาเหตุที่นางยอมทิ้งทุกอย่างออกจากตระกูลฉี ก็เพื่อจะสามารถมีโอกาสได้อยู่เคียงข้างหลัวซิวนี่แหละ สำหรับฉียู่หรงแล้ว นางรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่มีความหมายและมีคุณค่าที่สุดในชีวิตตน

ถึงนางจะมีโฉมหน้าอันล้ำเลิศที่เป็นหนึ่งไม่เป็นรอง แต่เหล่าสตรีที่อยู่ข้างกายหลัวซิว มีคนใดที่ไม่ใช่สตรีล้ำเลิศบ้าง?

ฉียู่หรงเข้าใจดีมาก ๆ ว่าตัวเองไม่มีข้อได้เปรียบเรื่องโฉมหน้า มิหนำซ้ำหลัวซิวก็ไม่ใช่คนไร้ปัญญาที่มองคนแค่ภายนอก

ส่วนพรสวรรค์ด้านวิถียุทธ์นั้น ฉียู่หรงก็ยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อย บางทีพรสวรรค์วิถียุทธ์ของนางก็แค่ดีกว่าช่าจื่อเยียนเล็กน้อยเท่านั้นแหละ

จากการที่หลัวซิวยิ่งอยู่ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น นางรู้สึกว่าช่วงระยะความต่างระหว่างตัวเองและหลัวซิวก็ยิ่งอยู่ยิ่งไกล อีกทั้งไม่เพียงแค่เขาท่านั้น เสิ่นปิงหยูที่ค่อนข้างสนิทกับนางก็รู้สึกแบบเดียวกันเช่นกัน

ช่วงระยะความต่างที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ทุกครั้งที่นางเจอหลัวซิวอีกครั้ง ก็จะรู้สึกเหมือนทั้งคู่ยิ่งอยู่ยิ่งห่างเหิน ซึ่งนี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่นางคาดหวัง

ในที่สุดนางก็ฝึกถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อสักที นางรู้สึกว่าตัวเองมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาเสี้ยวหนึ่งแล้ว อีกทั้งนางไม่มีวันลืมเลยว่า ก่อนผู้อาวุโสเฟยเสว่จะสิ้นใจ ท่านยิ้มแล้วพูดกับตัวเองว่าถ้าเกิดเจ้าชอบเขา ก็บอกเขาตรง ๆ เลย ข้าก็ชอบพี่ใหญ่ต้วนคงมาโดยตลอดเช่นกัน ทว่ากระทั่งข้าตายจากไปแล้ว ก็ไม่มีโอกาสได้บอกท่านเลย

เพราะฉะนั้นนางจึงย้อนกลับมายังโลกร้างที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอันตรายอย่างห้าวหาญ นางอยากสืบเสาะเบาะแสที่เกี่ยวกับหลัวซิว นางอยากยืนต่อหน้าเขาแล้วบอกกับเขาว่า ข้ารักท่าน ข้าอยากเป็นคู่ครองของท่าน

……

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ……

สำหรับจอมยุทธ์ที่เคลื่อนไหวอยู่ในเขตพื้นที่ของซากโบราณสถานเวิ่นเทียนตลอดทั้งปีแล้ว วันนี้เป็นวันที่พวกเขาจะจดจำไปตลอดชีวิตแน่นอน

เนื่องจากในวันนี้ พวกเขาเห็นว่ามีทัณฑ์สายฟ้าอันน่าสยดสยองที่ไร้ขอบเขตได้แผ่คลุมทั้งสร้างโบราณสถานเอาไว้ ออร่าอันน่ากลัวที่ตลบฟุ้งอยู่บนท้องฟ้า ทำให้แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งยังหวาดกลัวจนร่างกายสั่นเทา!

จากนั้นทุกคนก็เห็นว่ามีเงาดำร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากเกาะเทียนวู่ที่เป็นตำแหน่งที่ตั้งของวังเวิ่นเทียน ภายใต้การโจมตีของทัณฑ์สายฟ้าที่นับไม่ถ้วน ร่างดังกล่าวปะทะกับทัณฑ์สายฟ้า จนสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วพื้นปฐพี

หานชู่ที่อยู่กับภรรยาและบุตรสาวของตนก็เห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นกัน แม้นจะอยู่ห่างกันไกลมาก ๆ แต่เขากลับรู้สึกคุ้นเคยต่อเงาร่างที่กำลังข้ามผ่านทัณฑ์สายฟ้าที่น่าสยดสยองนั่น เหมือนสหายเก่าคนหนึ่งที่เขาเคยพบเจอที่นี่มาก ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ