อานจิ่งเซวียนไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้ของหลัวซิว นางทราบเรื่องราวของแดนต้องห้ามหงส์เซียนแห่งนี้ตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่เคยเข้ามาก่อน กระทั่งนางฝึกวรยุทธ์ถึงแดนบรรลุผลแล้ว ถึงจะมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
กระทั่งหลังจากเข้ามา นางถึงจะทราบว่าภายในนี้มันอันตรายมากเพียงใด ถ้าเกิดมีเพียงนางคนเดียวละก็ นางไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นักว่าจะสามารถยืนหยัดอยู่ท่ามกลางเพลิงทองแห่งนี้ได้นานเท่าไหร่
เวิ่งง!
ขวดเซียนอัคคีหลอมจิตลอยอยู่เหนือศีรษะทั้งสองคน อานจิ่งเซวียนก็ปล่อยวิชาตราประทับหนึ่งออกไปเช่นกัน ถ่ายเทผลการฝึกตนเข้าไปในขวดเซียน ภายใต้การกระตุ้นของทั้งสอง ภัณฑ์เซียนชั้นล่างชิ้นนี้สามารถปลดปล่อยพลานุภาพที่แข็งแกร่งกว่าการที่หลัวซิวกระตุ้นคนเดียว
ไม่รอให้เพลิงทองแผ่คลุมพื้นที่ปลอดภัยที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังยืนอยู่ ภายใต้การชี้นำของหลัวซิว ทั้งสองอาศัยเกราะป้องกันของขวดเซียนอัคคีหลอมจิต บุกเข้าไปกลางเพลิงทองโดยตรง
เสี้ยววินาทีที่เข้าไปในเพลิงทอง ก็มีคลื่นความร้อนที่น่ากลัวกระโจนมาจากทั่วทุกสารทิศ คลื่นความร้อนที่น่าสยดสยองนี้น่ากลัวกว่าก้นบึ้งลาวามาก ๆ
เมื่ออยู่ภายใต้การคุ้มกันจากขวดเซียนอัคคีหลอมจิต ก็ยังมีออร่าที่ร้อนแผดเผาแทรกซึมเข้ามาอยู่ดี แค่พละระอุที่แทรกซึมเข้ามา ก็ทำให้หลัวซิวรู้สึกไม่สบายไปทั้งร่างกาย ยิ่งกว่านั้นคือเขารู้สึกว่าหากตนไม่ได้ฝึกเคล็ดเซียนแปรเก้าขึ้นไปถึงแปรที่แปดละก็ แค่พละระอุเพียงเสี้ยวเดียว เขาก็อาจจะต้านทานไม่ไหวแล้ว
เมื่อเปรียบเทียบกัน สถานการณ์ของอานจิ่งเซวียนกลับดีกว่าเขามาก เนื่องจากผลการฝึกตนของนางเทียบเท่าแดนแปรที่เก้าของเคล็ดเซียนแปรเก้าแล้ว
“วรยุทธ์กลั่นร่างของเจ้ายอดเยี่ยมมากเลยนี่”อานจิ่งเซวียนมองหลัวซิวด้วยความแปลกใจรอบหนึ่ง สาเหตุที่นางมีผลการฝึกตนกลั่นร่างที่แข็งแกร่งเช่นนี้เป็นเพราะวรยุทธ์ที่นางได้รับไม่ธรรมดา อ้างอิงจากสิ่งที่นางทราบ วรยุทธ์ที่สามารถชุบร่างเนื้อให้เทียบเท่าภัณฑ์เต๋าได้นั้น เป็นวรยุทธ์ที่มีน้อยมากถึงมากที่สุดเลย
หลัวซิวไม่ได้ตอบกลับคำถามของนาง เมื่ออยู่ภายใต้เกราะป้องกันของขวดเซียนอัคคีหลอมจิต เขาจึงเร่งฝีเท้า เดินเข้าไปในส่วนลึกของเพลิงทองอย่างรวดเร็ว
จากการที่ยิ่งอยู่ยิ่งลึกเข้าไป พละระอุที่แทรกซึมผ่านขวดเซียนอัคคีหลอมจิตก็ยิ่งอยู่ยิ่งทรงพลัง
อย่างไรก็ตามพื้นที่ที่เพลิงทองครอบคลุมราวกับไร้ที่สิ้นสุดยังไงอย่างนั้น ทั้งสองเคลื่อนไหวอยู่ภายในเพลิงทองมาหนึ่งวันโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการค้นพบใด ๆ เช่นเคย
นี่จึงทำให้สภาพจิตใจหลัวซิวร้อนรนขึ้นมา เมื่อที่นี่ยิ่งอันตราย ก็แสดงว่าโอกาสในการรอดชีวิตของเยว่เอ๋อร์ก็ยิ่งริบหรี่
หลัวซิวแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาผ่านสีหน้าน้อยมาก ๆ แต่เนื่องจากเป็นห่วงเยว่เอ๋อร์มากเกินไป ดังนั้นสีหน้าเขาจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง อานจิ่งเซวียนที่อยู่ข้าง ๆ ก็สังเกตเห็นเช่นกัน
“เจ้ามาที่นี่เพราะจะตามหาคนหรือ?”อานจิ่งเซวียนเอ่ยปากสอบถาม
หลัวซิวไม่ได้พูดอะไร แค่พยักหน้า ตอนนี้เขาแค่อยากเจอเบาะแสที่มีความเกี่ยวข้องกับเยว่เอ๋อร์ จึงไม่มีกะจิตกะใจไปพูดคุยกับอานจิ่งเซวียนอยู่แล้ว
อานจิ่งเซวียนก็ไม่ได้นำลักษณะท่าทีของหลัวซิวมาใส่ใจเช่นกัน จู่ ๆ ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่มีความประหลาดใจปนอยู่เล็กน้อย “เหมือนข้าจะสามารถดูดซับเพลิงอัคคีของที่นี่ได้”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลัวซิวจึงหันไปมองอานจิ่งเซวียนรอบหนึ่ง ก่อนหน้านี้ทั้งสองต่างโคจรผลการฝึกตนวรยุทธ์เพื่อต้านทานพละระอุที่แทรกซึมผ่านขวดเซียนอัคคีหลอมจิตเข้ามา
บางทีอาจเป็นเพราะตลอดการเดินทางอยู่ในเพลิงทองน่าเบื่อเกินไป บวกกับอานจิ่งเซวียนกล้าหาญมาก ๆ กล้าที่จะทดลองดู นางจึงลองดูดซับพละระอุเสี้ยวหนึ่ง ก่อนจะมีการค้นพบกะทันหัน
พละระอุของที่นี่ แค่แทรกซึมเข้ามาเล็กน้อยก็ทำให้หลัวซิวรับมือยากแล้ว หากสามารถดูดซับกลั่นแปรละก็ มันย่อมต้องเป็นโอกาสที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
ดังนั้นหลัวซิวก็พยายามลองดูดซับเช่นกัน ทว่าสีหน้ากลับเปลี่ยนไปกะทันหัน กระอักเลือดออกมาจนเสียงดังอั่ก
“เจ้าเป็นอะไรน่ะ?”อานจิ่งเซวียนเห็นหลัวซิวกระอักเลือด สีหน้าจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ข้าไม่สามารถดูดซับพลังธาตุไฟที่อยู่ในนี้”หลัวซิวพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “สาเหตุที่เจ้าสามารถดูดซับได้นั้น น่าจะเป็นเพราะสายเลือดหงส์เซียน”
“เจ้าไม่มีสายเลือดหงส์เซียนหรอกหรือ?”อานจิ่งเซวียนรู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้นอย่างอดไม่ได้ นางก็คิดว่าสาเหตุที่หลัวซิวสามารถเข้ามาในนี้ได้นั้น เป็นเพราะเขาเป็นเหมือนตน เป็นเพราะโชคโอกาสบางอย่างได้รับสายเลือดหงส์เซียน แต่ทว่าดูจากสถานการณ์ในเมื่อครู่นี้ เจ้าหมอนี่ไม่มีสายเลือดหงส์เซียนด้วยซ้ำ แต่กลับเข้ามาในแดนต้องห้ามแห่งนี้ได้
หลัวซิวก็ยังไม่ได้อธิบายอะไรอยู่เช่นเคย เขาใช้ไร้ลักษณ์วิวัฒนาการสายเลือดหงส์เซียนอีกครั้ง แล้วพยายามลองดูดซับพละระอุอีกเสี้ยวหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ต้องกระอักเลือดอีกครั้ง
การทดลองติดต่อกันสองครั้งทำให้หลัวซิวเข้าใจว่า มีเพียงมีสายเลือดหงส์เซียนที่แท้จริง ถึงจะสามารถดูดซับพลังธาตุไฟที่อยู่ในนี้ได้ ต่อให้ไร้ลักษณ์ของเขาจะวิวัฒนาการได้เสมือนจริงมากเพียงใด แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่ของจริงอยู่ดี บางทีอนาคตคอยไร้ลักษณ์ของเขาบรรลุถึงแดนที่สูงมาก ๆ แล้ว ถึงจะสามารถวิวัฒนาการทุกสรรพสิ่งให้เหมือนจริงได้ แต่ไม่ใช่การเลียนแบบอย่างปัจจุบัน
แต่ว่าสายเลือดหงส์เซียนที่อยู่บนตัวอานจิ่งเซวียนไม่สูงเท่าไหร่นัก นางแค่สามารถดูดซับพลังธาตุไฟส่วนน้อย หากไม่มีการคุ้มกันจากขวดเซียนอัคคีหลอมจิต นางอาจจะไม่ทันได้ดูดซับพลังธาตุไฟที่อยู่รอบ ๆ ด้วยซ้ำ คงจะถูกเพลิงอัคคีที่ไร้ขอบเขตดูดกลืนไปก่อน
มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ อานจิ่งเซวียนก็ได้รับดอกผลที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน หลังจากดูดซับพลังธาตุไฟไปส่วนหนึ่ง นางสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าสายเลือดหงส์เซียนที่อยู่ในร่างกายตัวเองผนึกรวมกันได้บริสุทธิ์มากกว่าเดิม
เมื่อสายเลือดยิ่งบริสุทธิ์ ระดับสายเลือดก็จะเพิ่มขึ้น หลังจากสายเลือดบริสุทธิ์ถึงขีดจำกัดก็จะเกิดการแปรเปลี่ยน แล้วระดับของสายเลือดก็จะเข้าสู่ระดับที่ใหม่เอี่ยม
หลัวซิวก็เคยฝึกพลังของสายเลือดเช่นกัน แต่สิ่งที่เขาฝึกคือสายเลือดของตัวเอง จากการที่แดนผลการฝึกตนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศักยภาพที่เพิ่มขึ้นกลับน้อยนิดมาก แต่สายเลือดสืบสานอย่างเผ่าหงส์เซียน รวมไปถึงพวกเผ่ามังกรเทวะจะแตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิงเลย เพราะพลังสายเลือดที่แข็งแกร่ง อาจสามารถทำให้เจ้าของสายเลือดได้รับศักยภาพที่อยู่เหนือแดนของตัวเองได้อย่างง่ายดายเลย
บางทีเผ่าไท่ซ่างก็มีสายเลือดสืบสานที่แข็งแกร่งมากเช่นกัน แต่ทว่าเขาแค่ยังไม่ได้รับมัน ผลการฝึกตนของเขาก็เพิ่งจะบรรลุถึงประมุขเต๋า ต่อมาภายใต้สถานการณ์จนตรอกที่เผชิญหน้ากับความเป็นความตายขณะสยบดาบโลหิตหักเซียน เขาถึงจะบังเอิญโชคดีได้รับการถ่ายทอดสืบสานส่วนเล็ก ๆ ของเผ่าไท่ซ่างมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...