มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3021

“ชื่อของตำหนักนี้แปลกประหลาดมาก”

อานจิ่งเซวียนก็มองเห็นประโยคนั้นเช่นกัน ทว่านางกลับไม่เข้าใจความหมายแฝงของประโยคนั้น

ซึ่งหลัวซิวก็ไม่ได้อธิบายเช่นกัน ก่อนจะย่างเท้าเดินเข้าไปในตำหนักหลังนั้นโดยตรง

ประตูของตำหนักที่เปิดอ้าออกไม่มีค่ายกลต้องห้ามใด ๆ ราวกับขอแค่สามารถทะลุผ่านเขตพื้นที่ที่มีเพลิงทองผนึก ก็เท่ากับผ่านบททดสอบของผู้บุกเบิกสามรุ่นแล้ว

พื้นที่ภายในตำหนักไม่กว้างใหญ่แต่อย่างใด ลำดับแรกสิ่งที่ปรากฏในวิสัยทัศน์คือแท่นหินสามแท่นที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางตำหนัก ด้านหน้าของแท่นหินทั้งสามได้หันหน้าเข้าหาประตูสามบาน

บนแท่นหินที่เรียงกันในแนวนอนในวินาทีนี้ บนแท่นหินที่ตั้งอยู่ตรงกลางว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย และบานประตูที่อยู่ตรงหน้าแท่นหินตรงกลางสุดก็เปิดออกแล้วด้วย

เมื่อหลัวซิวเห็นภาพเหตุการณ์นี้ เขาก็นึกถึงเยว่เอ๋อร์ขึ้นมาภายในพริบตา จากนั้นเขาและอานจิ่งเซวียนก็เห็นว่าบนแท่นหินอีกสองแท่นที่เหลือ มีรัศมีเปลวไฟสีทองสองดวงกำลังเป็นประกายระยิบระยับ

เปลวไฟสีทองฝั่งซ้ายกำลังห่อหุ้มก้อนหินสีดำขลับหนึ่งก้อน มันมีขนาดเท่าหนึ่งกำปั้น ดูไม่ออกว่าเป็นวัตถุอะไร ส่วนสิ่งที่อยู่ในเปลวไฟทองฝั่งขวาคือเลือดสีแดงสดหนึ่งหยด ซึ่งมันเหมือนดั่งพลอยแดงที่ประณีตสวยวิจิตร และมีออร่าอัคคีที่เข้มข้นถึงขีดสุดแพร่กระจายออกมาจากด้านบน

“ช่างเป็นออร่าสายเลือดที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!”อานจิ่งเซวียนถูกเลือดสีแดงสดที่อยู่บนแท่นหินฝั่งขวาดึงดูดไปในทันที

เห็นได้ชัดเจนมากเลยว่านั่นคือพลังและเลือดหนึ่งหยดของผู้แข็งแกร่งเผ่าหงส์เซียน ยิ่งกว่านั้นคือมันมีโอกาสเป็นเลือดของผู้บุกเบิกสามรุ่นสูงมาก ถ้าเกิดดูดซับกลั่นแปรมันละก็ ต้องสามารถยกระดับสายเลือดหงส์เซียนของอานจิ่งเซวียนได้เยอะมากแน่นอน ในขณะเดียวกันก็จะทำให้ศักยภาพของนางแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นด้วย

ตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา คนในเผ่าหงส์เซียน ไม่มีคนใดที่สามารถทะลุผ่านเขตพื้นที่ที่มีเพลิงทองผนึกแล้วมาถึงที่นี่เลย จึงแสดงให้เห็นเลยว่าในยุคโบราณ พลานุภาพของเพลิงทองที่อยู่ในนี้ต้องแข็งแกร่งกว่าปัจจุบันไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แน่นอน

บางทีผู้บุกเบิกสามรุ่นก็ทราบเช่นกันว่าจากการที่กาลเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว สายเลือดของเผ่าหงส์เซียนต้องค่อย ๆ เบาบางลงแน่ ๆ ดังนั้นหลังจากกาลเวลาผ่านพ้นมายาวนานอย่างไม่รู้จบ เพลิงทองที่อยู่ในนี้ก็อ่อนแอลงไปไม่น้อย หลัวซิวและอานจิ่งเซวียนทั้งสองคนจึงสามารถเดินทางมาถึงที่นี่ได้

ในเมื่อเป็นสมบัติที่ถูกผู้บุกเบิกสามรุ่นนำมาวางไว้ตรงนี้ แสดงว่ามันต้องเป็นสิ่งของที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน สิ่งของที่อยู่บนแท่นหินตรงกลางถูกเยว่เอ๋อร์เอาไปแล้ว เยว่เอ๋อร์สามารถมองข้ามพลังและเลือดของผู้บุกเบิกที่แพรวพรายงดงามดั่งพลอยแดง จึงแสดงให้เห็นเลยว่าสิ่งของที่อยู่บนแท่นหินตรงกลาง ต้องล้ำค่ายิ่งกว่าพลังและเลือดของบรรพบุรุษแน่นอน

สายตาของอานจิ่งเซวียนจ้องมองไปทางหลัวซิว “ข้าต้องการพลังและเลือดหยดนั้น……”

สาเหตุที่นางมองไปทางหลัวซิว เป็นเพราะนางทราบแล้วว่าภรรยาของหลัวซิวมีสายเลือดของเผ่าหงส์เซียน ดังนั้นนางถึงได้กังวลว่าหลัวซิวก็อยากได้พลังและเลือดของผู้บุกเบิกเช่นกัน เพื่อนำไปให้ภรรยาเขาใช้

หลัวซิวต้องทราบความในใจอานจิ่งเซวียนดีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง “เทพธิดาอานไม่ต้องเป็นห่วง ในเมื่อเราร่วมมือกันถึงสามารถเดินมาถึงที่นี่ได้ หากเจ้าต้องการพลังในเลือดหยดนั้นละก็ เช่นนั้นของที่อยู่บนแท่นหินฝั่งซ้ายก็เป็นของข้าแล้วนะ”

“ได้เลย!”

อานจิ่งเซวียนตอบตกลงไปอย่างไม่ลังเลใจ นางก็ดูไม่ออกเช่นกันว่าหินที่อยู่บนแท่นหินฝั่งซ้ายคือสมบัติอะไร ถึงจะรู้อยู่ว่าสิ่งของที่สามารถนำมาวางไว้ตรงนี้ได้ ต้องเป็นของที่ไม่ธรรมดาแน่นอน แต่นางก็ยังรู้สึกว่าพลังและเลือดของผู้บุกเบิกมีประโยชน์ต่อนางมากกว่า

หลังจากปรึกษาและตกลงกันเสร็จสรรพ หลัวซิวและอานจิ่งเซวียนก็ต่างแยกย้ายกันเดินไปทางแท่นหินของตัวเอง เดิมทีคิดว่าจำเป็นต้องทลายตัวต้องห้ามก่อน ถึงจะสามารถนำของที่อยู่บนแท่นหินลงมาได้ ทว่ากลับไม่นึกเลยว่าทันทีที่เข้าใกล้แท่นหิน เปลวไฟสีทองที่ห่อหุ้มสมบัติทั้งสองชิ้นก็ค่อย ๆ สลายหายไป

หลัวซิวยื่นมือออกไปขวา ก็หยิบก้อนหินสีดำขลับมาได้แล้ว แต่ถัดจากนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปกะทันหัน เนื่องจากเขานึกไม่ถึงเลยว่าก้อนหินก้อนนี้จะหนักขนาดนี้ เขาทุ่มสุดกำลังสามารถแล้วถึงจะกำหินสีดำขลับก้อนนี้เอาไว้ได้อย่างยากลำบาก ฝ่ามือถึงขั้นสั่นเทาเบา ๆ

“ต้องเป็นวัสดุอะไรกัน ถึงมีน้ำหนักที่มากล้นเช่นนี้ได้?”หลัวซิวรู้สึกตะลึงงันอย่างยิ่ง น้ำหนักนี้มากกว่าน้ำหนักของดาราหนึ่งดวงอย่างแน่นอน

แต่ทว่าหลัวซิวกลับไม่เคยได้ยินวัสดุประเภทนี้มาก่อน

ในขณะเดียวกัน อานจิ่งเซวียนก็ได้ครอบครองพลังและเลือดหยดนั้นเช่นกัน เสี้ยววินาทีที่นางคว้าพลังและเลือดมา พลังและเลือดหยดนั้นก็หลอมรวมเข้าไปในร่างกายนางทันที ถัดจากนั้นก็มีออร่าอัคคีที่แข็งแกร่งแพร่กระจายออกมาจากตัวอานจิ่งเซวียน พลังและเลือดของผู้บุกเบิกที่แข็งแกร่งกำลังยกระดับผลการฝึกตนของนางอย่างไม่หยุดหย่อน ในขณะที่ระดับสายเลือดได้รับการแปรเปลี่ยนยกระดับ ศักยภาพของนางก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน อนาคตสามารถฝึกถึงแดนที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิม

การหลอมรวมของสายเลือดไม่ได้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาอันสั้น หลัวซิวก็ไม่ได้รบกวนนางเช่นกัน รู้สึกหมดคำจะพูดต่อพฤติกรรมของอานจิ่งเซวียนมาก นางไม่กลัวเลยหรือว่าจะถูกตนจู่โจมขณะหลอมรวมสายเลือด?

ต้องท้าวความก่อนว่าในโลกยุทธ์ที่เหี้ยมโหดนี้ คนเลวมีมากกว่าคนดีอย่างแน่นอน เนื่องจากคนส่วนมากล้วนนำผลประโยชน์วางไว้จุดที่สูงที่สุดเสมอ

อันที่จริงอานจิ่งเซวียนก็จนปัญญามากเช่นกัน นางก็นึกไม่ถึงเลยว่าพลังและเลือดหยดนี้ของผู้บุกเบิกจักแข็งกร้าวเช่นนี้ ครั้นเมื่อนางได้รับพลังและเลือดหงส์เซียนหนึ่งหยด หลังจากสัมผัสแล้วก็ไม่ได้หลอมรวมเข้าไปในร่างกายทันทีอย่างวินาทีนี้

ปัจจุบันนางจึงทำได้เพียงฝากฝังความหวังไว้ที่ตัวหลัวซิว หวังว่าเขาจะไม่ฉวยโอกาสจู่โจมตัวเอง

มีคนบางกลุ่มจักระมัดระวังราวกับยืนอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็หลุดจากโชคชะตาเลวร้ายที่ร่างตายธรรมสูญไม่พ้นอยู่ดี ทว่ามีคนบางกลุ่มที่ไม่ยี่หระ ทำอะไรผลีผลาม แต่กลับสามารถเปลี่ยนอันตรายเป็นสวัสดิภาพได้เสมอ โชคดีจนเกินคำบรรยาย

บางทีอานจิ่งเซวียนอาจเป็นกลุ่มคนประเภทหลัง แม้แต่ตัวหลัวซิวเองก็รู้สึกว่านางโชคดีจนเกินคำบรรยาย หากผู้ที่มาที่นี่พร้อมกับนางไม่ใช่เขา แต่เปลี่ยนเป็นประมุขเต๋าอีกคน แค่ดูจากทรัพย์สินอันมั่งคั่งที่อานจิ่งเซวียนเปิดเผย โอกาสที่นางจะถูกผู้อื่นกำจัดทิ้งก็สูงถึงแปดในสิบแล้ว

หลัวซิวไม่ได้สังเกตลาดเลาฝั่งอานจิ่งเซวียน หลังจากทั้งสองหยิบสมบัติที่อยู่บนแท่นหินไป ประตูสองบานที่อยู่ตรงหน้าแท่นหินทั้งสองก็เปิดออก

ใช้จิตนึกคิด ก้อนหินสีดำที่มีขนาดเท่ากำปั้นในมือก็หายไป ถูกเขาเก็บเข้าไปในแหวนเก็บของที่สวมอยู่บนนิ้ว

ทันทีที่หลัวซิวก้าวขาออกไปหนึ่งก้าว ก็มีเสียงปั้งดังขึ้นมากะทันหัน แหวนเก็บของที่อยู่บนนิ้วเขาระเบิดแตก วัสดุและไข่มุกเต๋าที่นับไม่ถ้วนจึงกระจายร่วงลงมา รัศมีจากสมบัติทั้งหลายสาดส่องไปทั่วทุกสารทิศ

นี่จึงทำให้สีหน้าหลัวซิวเปลี่ยนไปกะทันหัน ยื่นมือออกไปคว้าก้อนหินสีดำก้อนนั้นอย่างมือไวตาไว ในขณะที่ใบหน้าดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ภายในใจก็ยิ่งช็อกมากกว่าเดิม

“นี่คือสมบัติอะไรกันแน่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ