หลังจากหลัวซิวล้มล้างสาขาย่อยหนึ่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงไป เขาก็ได้ก่อตั้งวังซิวหลัวไว้ในโลกร้าง อีกทั้งยึดวังซิวหลัวเป็นจุดศูนย์กลาง บุกเบิกแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง กลายเป็นประมุขแห่งหนึ่งโลกา
หลังจากมกุฎเต๋าทั้งแปดเข้าไปในวังทะยานเซียนแล้ว ก็ไม่มีข่าวคราวตลอดมา แม้นเบื้องบนและเบื้องล่างของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงจักพิโรธอย่างยิ่ง ทว่ากลับเกรงกลัวดาบโลหิตหักเซียนที่อยู่ในมือหลัวซิว ดังนั้นจึงไม่มีท่าทีใด ๆ ตลอดมา
แต่เวลาล่วงเลยไปยาวนานเช่นนี้ ในที่สุดมกุฎเต๋าทั้งแปดก็กลับมาแล้ว และหลังจากมกุฎเต๋าหวูซินได้ยินเรื่องราวดังกล่าว เขาจึงต้องมุ่งหน้าไปยังโลกร้างด้วยตนเองอยู่แล้ว
ปัจจุบันนอกจากหลัวซิว ก็ไม่มีคนใดทราบเรื่องที่ยู๋เอ๋อร์เป็นประมุขเต๋าเลย ฉะนั้นหลังจากสัมผัสพลังอำนาจที่มากมายมหาศาลของมกุฎเต๋าจุติลงมา ต้วนคงและเลี่ยเทียนก็จำเป็นต้องออกหน้า
นอกค่ายพิทักษ์เขาของแดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัว กองทัพจอมยุทธ์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนหวงไม่ได้บุกฆ่าโจมตีมาอย่างมโหฬารพันลึก ผู้มาเยือนมีเพียงหกคนเท่านั้น
ไม่เพียงแค่มกุฎเต๋าหวูซินเท่านั้นที่เดินทางมาด้วยตนเอง มกุฎเต๋าสังสารวัฏก็มาเช่นกัน ส่วนด้านหลังของมกุฎเต๋าทั้งสอง คือประมุขเต๋าสี่คน ในบรรดาทั้งสี่คนนั้น ผลการฝึกตนของประมุขเต๋าพันดาวสูงที่สุด
“หลัวซิวอยู่ที่ใด? ให้มันไสหัวออกมา!”มกุฎเต๋าหวูซินมองกราดลงมาจากที่สูงพลางตวาดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
“เจ้าศักดิ์สิทธิ์ของเราไม่อยู่ หากมกุฎเต๋ามีเรื่องอะไรละก็ โปรดรอให้เจ้าศักดิ์สิทธิ์ของเรากลับมาก่อนค่อยว่ากันอีกที”ต้วนคงก้าวเดินไปข้างหน้าแล้วพูด
ตั้งแต่มกุฎเต๋าหวูซินและมกุฎเต๋าสังสารวัฏปรากฏ ต้วนคงก็รู้แล้วว่าปัญหาใหญ่มาเยือนแล้ว ดังนั้นเขาจึงใช้ไข่มุกสื่อสาร ส่งข้อความไปให้หลัวซิวเป็นเวลาแรก
“มกุฎอย่างกูไม่สนหรอกว่ามันจะอยู่หรือไม่อยู่ ในเมื่อมันบังอาจล้มล้างสาขาย่อยของสำนักศักดิ์เสวียนหวงของกู เช่นนั้นวันนี้มกุฎอย่างกูก็จะล้มล้างวังซิวหลัวของมัน!”มกุฎเต๋าหวูซินพูดด้วยใบหน้าที่หม่นหมอง
ส่วนมกุฎเต๋าสังสารวัฏที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลับไม่ได้พูดอะไรเลย แค่มองค่ายพิทักษ์เขาของแดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวที่อยู่ด้านล่างด้วยแววตาที่เย็นชา
มกุฎเต๋าหวูซินย่อมต้องเข้าใจดีมากอยู่แล้วว่าดาบโลหิตหักเซียนไม่ได้รับมือง่ายขนาดนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับสาขาย่อยหนึ่งที่ถูกล้มล้าง ยังไม่ถึงขั้นที่ทำให้มกุฎเต๋าหวูซินและหลัวซิวต้องต่อสู้กันดุเดือดอย่างไม่จบไม่สิ้น
แต่สุดท้ายมกุฎเต๋าหวูซินก็มาอยู่ดี ทว่าเขาไม่ได้มาด้วยความสมัครใจ แต่ถูกบีบบังคับ
ซึ่งผู้ที่บีบบังคับมกุฎเต๋าหวูซินก็คือมกุฎเต๋าสังสารวัฏ เนื่องจากครั้นเมื่ออยู่ในสถานตรีภพแห่งนั้น มกุฎเต๋าทั้งแปดลงมือช่วงชิงหนืดอมฤตตรีภพหยดนั้นพร้อมกัน และสุดท้ายผู้ที่แย่งได้ก็คือเขา
หลังจากได้รับหนืดอมฤตตรีภพมา มกุฎเต๋าสังสารวัฏก็รู้สึกว่าตัวเองได้รับโอกาสที่จะได้บรรลุเป็นเซียน ขอแค่ให้ระยะเวลาที่เพียงพอแก่เขา เขาเชื่อว่าเมื่ออาศัยหนืดอมฤตตรีภพที่ล้ำค่าถึงขีดสุดหยดนี้ เขาต้องสามารถบรรลุเป็นเซียนได้อย่างแน่นอน
เนื่องจากระยะเวลายังค่อนข้างกระชั้นชิด ฉะนั้นมกุฎเต๋าสังสารวัฏจึงไม่ได้บรรลุสู่แดนเซียนแต่อย่างใด ทว่าภายใต้การช่วยเหลือจากหนืดอมฤตตรีภพ เขาได้สัมผัสกับความล้ำลึกที่แท้จริงของแดนแห่งเซียนแล้ว
อย่างที่ทุกคนทราบกัน หากมกุฎเต๋าต้องการบรรลุเป็นเซียน ต้องบรรลุเงื่อนไขสองข้อก่อน หนึ่งคือญาณเทวแปรเปลี่ยนเป็นภูตเซียน สองคือแรงเต๋าเทพมารแปรเปลี่ยนเป็นพละจิตเซียน
มกุฎเต๋าสังสารวัฏยังผนึกรวมพละจิตเซียนออกมาไม่ได้ แต่แรงเต๋าเทพมารของเขาแปรเปลี่ยนเป็นพละจิตเซียนแล้ว
แม้นบนเส้นทางการบรรลุเป็นเซียนจะก้าวออกไปแค่ก้าวเดียว แต่ก็ทำให้ศักยภาพของมกุฎเต๋าสังสารวัฏอยู่เหนือมกุฎเต๋าทั้งหลายในรวดเดียวเช่นกัน
การแปรเปลี่ยนของภูตเซียนไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้น เดิมทีมกุฎเต๋าสังสารวัฏวางแผนที่จะรอให้ตนบรรลุเป็นเซียนก่อนค่อยกลับมาจัดการหลัวซิว แต่สิ่งที่บังเอิญคือทันทีที่เพิ่งออกมาจากวังทะยานเซียน เขาก็ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นฝั่งโลกร้างแล้ว
ดังนั้นจึงมีภาพเหตุการณ์อย่างวินาทีนี้เกิดขึ้น ภายใต้การเรียกร้องของเขา มกุฎเต๋าหวูซินจึงพาเหล่าประมุขเต๋าที่อยู่ใต้บังคับบัญชา เดินทางมายังแดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัว
……
ในห้วงดารา บนเข็มทิศสาส์นเต๋า
หลัวซิวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเข็มทิศสาส์นเต๋า ข้างกายมีไข่มุกเต๋ากองอยู่เป็นจำนวนมาก สีสันแวววาวสะดุดตา แรงเต๋าดั้งเดิมเข้มข้น
ขณะที่ดูดรับเซียนอัคคี เขาได้รับไข่มุกเต๋าชั้นสูงสิบล้านเม็ดและไข่มุกเต๋าชั้นยอดอีกหนึ่งหมื่นเม็ดมาจากอานจิ่งเซวียน ทรัพยากรที่มากมายเช่นนี้ บวกกับทรัพยากรที่หลัวซิวสั่งสมในก่อนหน้านี้ เขารู้สึกว่าตัวเองสามารถลองบรรลุสู่แดนประมุขเต๋าช่วงกลางได้แล้ว
อย่างไรก็ตามการที่อยากบรรลุสู่แดนประมุขเต๋าช่วงกลางมันกลับยากกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก ๆ ไข่มุกเต๋าชั้นสูงสิบล้านเม็ดถูกใช้ไปเกือบครึ่งแล้ว แต่ผลการฝึกตนของเขาก็ยังห่างจากประมุขเต๋าช่วงกลางอีกไกลมาก ๆ
ภายในเบาะนั่งทรงกลมที่ได้รับมาจากวังเวิ่นเทียนยังเหลือพละแห่งจิตเซียนอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าหลัวซิวตัดใจใช้พละแห่งจิตเซียนเหล่านั้นไม่ได้ ต่อให้จะใช้ เขาก็จะไม่ใช้เพื่อบรรลุสู่ประมุขเต๋าช่วงกลาง อย่างน้อยก็ต้องใช้ขณะบรรลุประมุขเต๋าช่วงปลาย
ยิ่งกว่านั้นคือหากไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่จำเป็นต้องรีบยกระดับผลการฝึกตน เขาอยากเก็บพละแห่งจิตเซียนที่อยู่ในเบาะนั่งทรงกลมไว้ใช้ตอนบรรลุสู่มกุฎเต๋ามากกว่า
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นพละสืบทอดที่ผู้แข็งแกร่งเซียนชั้นฟ้าองค์หนึ่งทิ้งไว้ ซึ่งพละสืบทอดประเภทนี้สามารถให้ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋านำมาใช้เพื่อบรรลุสู่แดนเซียน หากนำมาใช้ในวันฝึกตนทั่วไป มันจะเป็นการล้างผลาญทรัพยากรมากเกินไป
หลัวซิวเข้าใจดีมาก ๆ ว่าเมื่อผลการฝึกตนของตัวเองยิ่งสูง ระดับความยากในการบรรลุก็ยิ่งมาก ทรัพยากรที่ต้องการก็ยิ่งสูงเช่นกัน ฉะนั้นต่อให้เขาได้รับทรัพยากรการฝึกตนที่มากมายมหาศาลมา ก็ต้องใช้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ให้ตัวเองได้รับประโยชน์จากทรัพยากรที่สูญเสียไปให้มากที่สุด
ทันใดนั้นเอง หลัวซิวก็ขมวดคิ้วลง พลิกมือหยิบไข่มุกสื่อสารเม็ดหนึ่งออกมา จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนแปลงไป
“ออกมาแล้วหรือ?”
หลัวซิวหรี่ตาลง เขารู้อยู่แล้วว่าไม่เร็วก็ช้าพวกมกุฎเต๋าก็จะออกมาจากวังทะยานเซียน อีกทั้งเขาก็ทราบเช่นกันว่าสาเหตุที่พวกมกุฎเต๋าไม่ออกมาสักทีนั้น ต้องเป็นเพราะกำลังตามหาโอกาสในสถานตรีภพแน่นอน ยิ่งกว่านั้นคืออาจมีคนเจอหรือได้รับหนืดอมฤตตรีภพมาแล้ว
สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าแล้ว ทันทีที่ได้รับหนืดอมฤตตรีภพ ภายในระยะเวลาอันสั้น ศักยภาพต้องได้รับการยกระดับอย่างมากล้นแน่นอน แต่แค่ไม่รู้ว่ามกุฎเต๋าคนใดที่จักโชคดีขนาดนั้น
เวิ่ง!
“ตู้มม!”
พลังที่บ้าระห่ำทำให้ท้องฟ้าที่แตกร้าวแล้วในตอนแรกแตกสลายโดยสิ้นเชิง ทั้งท้องฟ้ากลายเป็นแถบสีดำขนาดใหญ่ ราวกับมหันตภัยสิ้นโลกมาเยือนยังไงอย่างนั้น
ทันใดนั้น ก็มีแสงกลรุ้งยาวดวงหนึ่งบินออกไปนอกห้วงดาราโลกร้าง เสียงของหลัวซิวดังก้องอยู่ในฟ้าดิน “หวูซิน หากเจ้ากล้าหาญพอก็มาประชันกับข้าในห้วงดารา”
สีหน้าของมกุฎเต๋าหวูซินหม่นหมองลง แม้นเขาจะเกรงกลัวหลัวซิวเล็กน้อย แต่สิ่งที่เขาเกรงกลัวจริง ๆ คือดาบโลหิตหักเซียนที่อยู่ในมือหลัวซิว ซึ่งไม่ใช่ตัวหลัวซิว
แต่ทว่าการประมือในเมื่อครู่นี้กลับทำให้เขาเข้าใจขึ้นมากะทันหันว่า สุดท้ายตัวเองก็ดูถูกหลัวซิวไปหน่อยจริง ๆ ต้องท้าวความก่อนว่าการโจมตีในเมื่อครู่นี้ของเขาไม่ใช่การทดสอบหยั่งเชิง แต่หลัวซิวกลับสามารถต้านทานเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย ระดับความเร็วในการเจริญเติบโตของเจ้าหมอนี่รวดเร็วเกินไปแล้วกระมัง?
เมื่อปีนั้น ครั้นอยู่ในเมืองฉวินเซียน มกุฎมังกรเอี๊ยงก็เคยลงมือทดสอบหยั่งเชิงหลัวซิวแล้ว หากหลัวซิว ณ ขณะนั้นมีศักยภาพอย่างวินาทีนี้ เขาไม่มีทางใช้ดาบโลหิตหักเซียนแน่นอน
นี่หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าขณะที่พวกเขาช่วงชิงหนืดอมฤตตรีภพในสถานตรีภพแห่งวังทะยานเซียน ศักยภาพของหลัวซิวก็มีการเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออีกครั้งแล้ว!
โดยเฉพาะความเร็วในการเจริญเติบโตของเขา เป็นสิ่งที่น่าสยดสยองมากจริง ๆ บรรลุถึงแดนประมุขเต๋าแล้วยังเติบโตได้รวดเร็วเช่นนี้อีก เช่นนั้นหากใช้เวลาอีกพันปี เจ้าหมอนี้ก็จะกลายเป็นเซียนเลยมิใช่หรือ?
และเป็นเพราะคำนึงถึงเรื่องราวเหล่านี้นี่แหละ มกุฎเต๋าหวูซินถึงรู้สึกตะลึงงันมากยิ่งขึ้น มกุฎเต๋าสังสารวัฏที่อยู่ข้าง ๆ ก็ใจเย็นต่อไปไม่ได้แล้ว แม้นเขาจะได้รับหนืดอมฤตตรีภพ แต่ก็ยังเหลืออีกครึ่งก้าวถึงจะบรรลุเป็นเซียน ซึ่งครึ่งก้าวนี้มันไม่ได้ข้ามผ่านไปง่ายขนาดนั้น
ความเร็วในการเจริญเติบโตของหลัวซิวน่าสยดสยองเกินไป ทันทีที่ตนยังไม่บรรลุเป็นเซียน แต่หลัวซิวกลับมีกำลังรบที่เทียบเท่าเซียน เช่นนั้นในดาราจักรวาลนี้ จักยังมีที่ยืนของตัวเองอีกหรือ?
“ต้องกำจัดเจ้าหมอนั่นทิ้งให้ได้!”
มกุฎเต๋าสังสารวัฏมองมกุฎเต๋าหวูซินรอบหนึ่ง มกุฎเต๋าทั้งสองต่างรับรู้และเข้าใจถึงเนื้อหาสาระสำคัญ ก่อนจะผันเป็นแสงกลดวงหนึ่งพร้อมกัน แล้วบินไปยังห้วงดารานอกโลกร้าง
“แย่แล้ว! ไม่นึกเลยว่ามกุฎเต๋าสองคนนั้นจะหน้าด้านเช่นนี้ ถึงขั้นจะร่วมมือกันจัดการเจ้าศักดิ์สิทธิ์!”เมื่อต้วนคงเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
เลี่ยเทียนก็รู้สึกช็อกต่อพลังอมตะที่หลัวซิวปลดปล่อยออกมาในเมื่อครู่นี้เช่นกัน เมื่อเห็นว่าต้วนคงจะพุ่งออกไปช่วยเหลือ เขาจึงกดไหล่ต้วนคงเอาไว้ ส่ายหน้าพลางพูด “จากศักยภาพของเรา หากเข้าร่วมก็มีแต่จะสร้างความวุ่นวายเสียเปล่า จะดีกว่าหากเราฉวยโอกาสขณะที่เจ้าศักดิ์สิทธิ์ถ่วงเวลามกุฎเต๋าทั้งสองเอาไว้ รีบเคลื่อนย้ายผู้คนในแดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวไปยังสถานที่อื่น”
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ต้วนคงก็รู้อยู่ว่าที่เลี่ยเทียนพูดมามีเหตุผลมาก ๆ ต่อให้พวกเขาจะมั่นใจในตัวนายจ้าวซิวหลัวมากเพียงใด แต่นั่นก็เป็นมกุฎเต๋าสองคนเลยนะ!
“โครมคราม……”
ค่ายพิทักษ์เขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มกุฎเต๋าทั้งสองต่างออกไปห้วงดารานอกโลกร้างแล้ว แต่ประมุขเต๋าทั้งสี่ที่มกุฎเต๋าหวูซินพามากลับไม่ได้จากไป ยังคงโจมตีค่ายพิทักษ์เขาของแดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...