ศึกการต่อสู้ในโลกร้างได้สร้างชื่อเสียงที่ลือนามให้แก่หลัวซิว นายจ้าวซิวหลัวถูกเรียกขานว่าเป็นตำนานแห่งยุคสมัยหนึ่ง จำนวนคนที่นับไม่ถ้วนในโลกเคารพศรัทธาเขาดั่งเทพเจ้า
อย่างไรก็ตามเมื่อมีคนมีความสุข ก็ย่อมมีคนกังวลอยู่แล้ว โดยเฉพาะมกุฎเต๋าบรรพล้นแห่งโลกล้นที่ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ
ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่มกุฎเต๋าบรรพฮวงถูกสังหาร แล้วก็อาณากระบี่หวูจี๋ก็ถูกล้มล้างได้ผ่านพ้นมายาวนานมาแล้ว
กระทั่งการอุบัติขึ้นมาของวังทะยานเซียน มกุฎเต๋าบรรพล้นถึงจะเข้าใจขึ้นมากะทันว่าตนถูกมกุฎเต๋าสังสารวัฏหลอก
เมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน บรรพจารย์ล้นต้านทานการโน้มน้าวล่อลวงของมกุฎเต๋าสังสารวัฏไม่ไหว บรรลุข้อตกลงร่วมกับมกุฎเต๋าสังสารวัฏ ซึ่งเนื้อหาของข้อตกลงก็คือ บรรพจารย์ล้นต้องช่วยเขากำจัดบรรพโบราณคนอื่น ๆ อย่างลับ ๆ หลังจากภารกิจนี้สำเร็จ มกุฎเต๋าสังสารวัฏสัญญาว่าจะช่วยให้บรรพจารย์ล้นหลุดพ้นจากการหลอมรวมเข้ากับอัญดั้งเดิม แล้วได้รับอิสรภาพ
ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าไม่มีทางให้คำปฏิญาณง่าย ๆ และทันทีที่ให้คำปฏิญาณแล้วคืนคำ ก็เท่ากับทรยศตัวธรรมเจตนาเดิมของตน
และการตายของมกุฎเต๋าบรรพดินก็มีความเกี่ยวข้องกับบรรพจารย์ล้นเช่นกัน ภายใต้คำสั่งของบรรพจารย์ล้น เมื่อปีนั้นตี้ขุยทั้งสามคนที่หลบหนีไปยังโลกล้น ถูกคนในตระกูลหงลงมือกำราบทันที
เมื่อวังทะยานเซียนอุบัติ มกุฎเต๋าบรรพล้นทราบมาว่าบรรพจารย์เสวียนและบรรพจารย์จักรภพต่างเดินทางไปแล้ว เขาถึงจะทราบว่าที่แท้ตัวเองก็คิดเรื่องทุกอย่างตื้นเขินมากเกินไป บรรพจารย์เสวียนและบรรพจารย์จักรภพที่ดูไม่โดดเด่นอะไรตลอดมา ถึงขั้นได้รับวิธีการที่หลุดพ้นจากอัญดั้งเดิม ได้รับอิสรภาพตั้งนานแล้วอย่างนั้นหรือ
หลังจากมกุฎเต๋าสังสารวัฏ มกุฎเต๋าหวูซินและมกุฎมังกรอิมเอี๊ยงไท่ชูกำจัดบรรพจารย์ฮวงและบรรพจารย์ดินทิ้งแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ลงมือต่อบรรพโบราณที่เหลือเลย นี่จึงทำให้บรรบรรพจารย์ล้นทราบว่าหากต้องการให้มกุฎเต๋าสังสารวัฏปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับตัวเองเมื่อปีนั้น เกรงว่าคงแทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
สิ่งที่ทำให้บรรพจารย์ล้นยิ่งใจเย็นต่อไปไม่ไหวคือ เขานึกไม่ถึงเลยว่าหลัวซิวจะเจริญเติบโตได้รวดเร็วเช่นนี้ อาศัยดาบโลหิตหักเซียนเล่มเดียว แม้แต่มกุฎเต๋าขั้นสุดยอดก็ยังไม่อยากมีปัญหากับเขา
มกุฎเต๋าบรรพล้นเข้าใจตัวเองดีมาก ๆ ว่าศักยภาพตนเป็นอย่างไร แม้นจะเป็นมกุฎเต๋าเหมือนกัน มกุฎเต๋าที่เหลือเทียบเคียงด้านกลั่นยาและหลอมอาวุธกับเขาไม่ได้เลย แต่ถ้าเกิดพูดถึงศักยภาพแล้วละก็ เขาก็แค่ถือว่าพอถูไถเป็นมกุฎเต๋าขั้นชั้นหนึ่งได้
ปัจจุบันระหว่างบรรพโบราณทั้งแปดสูญเสียความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันไปตั้งนานแล้ว หากหลัวซิวจะมาจัดการตัวเองในโลกล้นละก็ แล้วตนควรทำอย่างไรดี?
อาศัยวิชากลั่นยาหลอมอาวุธอันดับหนึ่งในจักรวาล มีประมุขเต๋าจำนวนมากที่เป็นหนี้บุญคุณบรรพจารย์ล้น แต่บรรพจารย์ล้นกลับเข้าใจดีมาก ๆ ว่าหากจะพึ่งพิงให้เหล่าประมุขเต๋ามาช่วยเหลือ ประมุขเต๋าเหล่านั้นก็สร้างประโยชน์อะไรไม่ได้เลย มีแต่จะได้ตายเสียเปล่า
ดังนั้นบรรพจารย์ล้นจึงรีบจัดแจงให้ประมุขเต๋าที่พึ่งพาได้มากที่สุดในตระกูลเดินทางไปยังโลกร้างเที่ยวหนึ่ง
มีน้อยคนมากที่เคยได้ยินชื่อหงเต๋อ แต่ทว่าในจักรวาลสามโลกานี้ กลับไม่มีคนใดที่ไม่เคยได้ยินและไม่รู้จักชื่อและสมญานามนายเจ้าโอสถหมีหลัว
ยาอาวุธทั้งหลายในโลกหล้าล้วนมาจากตระกูลหง มกุฎเต๋าบรรพล้นซ่อนเร้นจากโลกาภายนอกมันนานหลายปี ซึ่งลงมือกลั่นยาหลอมอาวุธน้อยมาก ๆ แต่มกุฎเต๋าบรรพล้นมีลูกชายสองคน และพวกเขาทั้งสองที่อยู่ในตระกูลหงก็เป็นรองเพียงบรรพอาจารย์อย่างบรรพจารย์ล้น
หนึ่งในนั้นก็คือหงเต๋อ หรือนายเจ้าโอสถหมีหลัวที่สืบสานวิถีกลั่นยาของบรรพจารย์ล้นนั่นเอง ส่วนลูกชายอีกคนหนึ่งหงอี้ ได้สืบสานวิถีหลอมอาวุธของบรรพจารย์ล้น ซึ่งถูกสรรเสริญว่าเป็นนายเจ้าเครื่องภัณฑ์อันดับสองในใต้หล้า
และผู้ที่มาเยี่ยมเยียนวังซิวหลัวแห่งโลกร้างในครั้งนี้ก็คือหงเต๋อ
หลัวซิวต้องทราบจุดประสงค์ที่บรรพจารย์ล้นส่งหงเต๋อมาอยู่แล้ว อีกทั้งบรรพจารย์ล้นก็ถือว่าบริสุทธิ์ใจมาก ๆ ไม่เพียงนำวัตถุดิบ ยา ทรัพยากรการฝึกตน รวมไปถึงของขลังอาวุธเทพจำนวนมากมา ยังให้คำสัญญาอีกด้วยว่าอนาคตขอแค่แดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวจัดเสนอยาเซียนและวัตถุดิบให้ ทางตระกูลหงสามารถช่วยกลั่นยาหลอมอาวุธให้โดยที่ไม่หวังค่าตอบแทนใด ๆ เลย
แม้นในแดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวจะมีหลัวซิวคอยปกปักรักษา ทั้งยังมีต้วนคง เลี่ยเทียน แล้วก็ยู่เอ๋อร์ แต่ทว่าเบื้องล่างของพวกเขาทั้งสี่คน แดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวกลับขาดแคลนการสนับสนุนจากแกนกลางที่แข็งแกร่ง มีหลายด้านมากที่แดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวไม่สามารถเทียบเคียงกับพวกกองกำลังใหญ่ขั้นสุดยอด
แต่เมื่อมีข้อเสนอดี ๆ ที่บรรพจารย์ล้นยื่นให้ เช่นนั้นปัญหาเหล่านี้ก็จะได้รับการคลี่คลายอย่างง่ายดาย แค่ต้องใช้ระยะเวลาช่วงหนึ่งมาตกตะกอนและสั่งสม แดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวก็สามารถค่อย ๆ บ่มเพาะนักกลั่นยา นักหลอมอาวุธออกมาได้เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ แล้วก็ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งที่เป็นพลังแกนกลาง
หลัวซิวไม่มีทางปฏิเสธข้อเสนอที่ดีเลิศเช่นนี้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่ตระกูลหงกักขังตี้ขุยทั้งสามคนเมื่อครั้นนั้น หลัวซิวก็ไม่ได้กล่าวถึงเลย การเจรจาดำเนินการไปได้ค่อนข้างราบรื่น
นี่ไม่ได้หมายความว่าเพื่อผลประโยชน์ หลัวซิวจึงไม่สนใจความรู้สึกของผู้คนที่อยู่ข้างกาย ประเด็นหลักก็เป็นเพราะตี้ขุยทั้งสามคนปลอดภัยดี มิเช่นนั้นละก็ ต่อให้บรรพจารย์ล้นชดเชยให้เขามากเพียงใด หลัวซิวก็ไม่มีทางมอบโอกาสที่จะยอมประนีประนอมกับบรรพจารย์ล้นแน่นอน
เมื่อมีวัตถุดิบทรัพยากรจำนวนมาก หลัวซิวจึงทำการจัดวางค่ายรวมจิตไว้รอบแดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวอีกหนึ่งค่าย เมื่อเป็นเช่นนี้ พลังจิตอันเข้มข้นของทั้งโลกร้างก็จะมารวมตัวกันที่แดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัว
สถานที่ที่ก่อตั้งวังซิวหลัวคือจุดศูนย์กลางของโลกร้าง ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีพลังจิตเข้มข้นที่สุดในโลกร้างตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เมื่อมีค่ายรวมจิตค่ายนี้ ทำให้ระดับความเข้มข้นของพลังจิตในแดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวยกระดับขึ้นอีกขั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ ความเร็วในการฝึกตนของศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวก็จะรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และการบ่มเพาะผู้แข็งแกร่งของกองกำลังอื่น ๆ ในโลกร้างก็จะทำได้ยากขึ้น เช่นนี้จึงสามารถทำให้การปกครองของแดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวมั่นคงมากยิ่งขึ้น
ในเมื่อหลัวซิวกลายเป็นประมุขแห่งโลกร้าง เช่นนั้นเขาย่อมต้องควบคุมโลกร้างอยู่ในกำมือตนดี ๆ อยู่แล้ว ให้แดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวกลายเป็นเจ้าแห่งวงการที่แท้จริง มีเพียงทำเช่นนี้ ต่อให้สักวันเขาจะจากไป แดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวก็จะไม่ค่อย ๆ เสื่อมถอยเพียงเพราะไม่มีเขา
หลัวซิวมีวรยุทธ์ระดับประมุขเต๋าต่าง ๆ นานาเยอะมาก วรยุทธ์ระดับผู้สูงส่งยิ่งมีเยอะมากจนนับไม่ถ้วน ยิ่งกว่านั้นคือเพื่อยกระดับความกระตือรือร้นของศิษย์ที่อยู่ใต้สำนัก รวมไปถึงดึงดูดให้อัจฉริยะจำนวนมากเข้าร่วมกองกำลัง หลัวซิวยังนำคัมภีร์เซียนหลอมจิตวางไว้ในหอไตรด้วย
“ยังไม่มีข่าวคราวหรือ?”
ภายในวังซิวหลัว หลัวซิวขมวดคิ้วลง ลวี่โหลวกำลังยืนอยู่ด้านล่างด้วยความเคารพนอบน้อม
เมื่อครู่หลัวซิวได้สอบถามข้อมูลที่เกี่ยวกับการตามหาเฟยเสว่ ยู่หรงแล้วก็ช่าจื่อเยียน แต่ทว่าเวลาล่วงเลยไปยาวนานเช่นนี้แล้ว กำลังที่สามารถระดมได้ก็ระดมแล้ว แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสร่องรอยใด ๆ อีกเช่นเคย
จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ไม่มีความจำเป็นต้องนำเรื่องประเภทนี้มาหลอกตัวเอง ดังนั้นหลัวซิวจึงสามารถยืนยันได้ว่าพวกเฟยเสว่น่าจะยังอยู่ในโลกร้างอยู่ แต่ทว่าเนื่องจากโลกร้างกว้างใหญ่มากเกินไป หากพวกนางจงใจอำพรางตัว การที่อยากตามหาพวกนางให้เจอนั้น จึงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายจริง ๆ
“ตามหาต่อ เพิ่มรางวัลตอบแทนให้สูงขึ้น ผู้ใดสามารถเสนอเบาะแส หลังจากตรวจสอบว่าเป็นความจริงแล้วจะมอบยาเซียนระดับผู้สูงส่งหนึ่งขวดเป็นรางวัลตอบแทน หากมีคนสามารถให้การช่วยเหลือตามหาแล้วเจอตัวพวกนาง ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรการฝึกตนหรือวรยุทธ์พลังอมตะ ก็สามารถเลือกได้เต็มที่!”หลัวซิวโบกมือครั้งหนึ่ง ให้ลวี่โหลวลงไปจัดแจง
ลวี่โหลวตอบตกลงคำหนึ่ง ก่อนจะก้มคำนับแล้วถอยออกไปจากวังซิวหลัว หลังจากออกมา นางก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง หน้าอกที่อวบอิ่มขึ้น ๆ ลง ๆ นางค้นพบว่าจากการที่ผลการฝึกตนของเจ้าศักดิ์สิทธิ์ยิ่งอยู่ยิ่งสูง มาตรแม้นว่าเจ้าศักดิ์สิทธิ์จะไม่ประสงค์ร้าย ขอแค่นางเผชิญหน้ากับเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความกดดันที่ส่งตรงมาจากส่วนที่ลึกที่สุดของวิญญาณดั้งเดิม
อย่างไรก็ตามในเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายนี้ กลับมีเงาดำร่างหนึ่งปรากฏข้างกายต้วนคงกะทันหัน
“เหอะ ๆ ดูท่าเจ้าก็คือนายจ้าวซิวหลัวสินะ ขอข้าดูหน่อยแล้วกันว่าดาบโลหิตเล่มนั้นของเจ้ามีพลานุภาพที่แข็งแกร่งมากเพียงใดกันแน่ มันจะยอดเยี่ยมดั่งคำเล่าขานจริง ๆ หรือไม่”
เมื่อจีหงเห็นหลัวซิวปรากฏ ก็มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าอีกครั้ง แต่จู่ ๆ ความเร็วในการลงมือโจมตีกลับเพิ่มขึ้นเยอะมาก อาณาจักรเกณฑ์ก็ทรงพลังขึ้นเยอะมากเช่นกัน
ความรู้สึกบนใบหน้าหลัวซิวไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย เห็นเพียงเขาก็ค่อย ๆ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเช่นกัน อาณาจักรไร้ลักษณ์ขยายออก ก่อนจะประสานงากับอาณาจักรเกณฑ์ของฝ่ายตรงข้ามจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
“ตู้มม!”
เสียงระเบิดที่ดังกึกก้องปรากฏบนนภาสูง จากนั้นก็มีระลอกคลื่นวงกลมที่สามารถมองเห็นได้ด้วยเนื้อตาเปล่าสั่นกระเพื่อมออกไป เวินเซิ่งทั้งสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังจีหงได้รับผลกระทบภายในพริบตา ร่างกายกระเด็นออกไปพร้อมกัน ทั้งกระอักเลือดอย่างบ้าคลั่ง
แต่ต้วนคงที่ยืนอยู่ด้านหลังหลัวซิวกลับไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย ภาพรวมของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ซึ่งนี่คือผลลัพธ์ที่เกิดจากอาณาจักรประสานงากัน แต่ฝ่ามือของหลัวซิวและจีหงที่ปล่อยออกไปยังไม่ประสานงากัน
ปั้งง!
ณ เสี้ยววินาทีที่ฝ่ามือของทั้งสองประสานงากัน อาณาจักรเกณฑ์ของจีหงก็พังทลายลงไปภายในพริบตา พลังอาณาจักรที่เขาภูมิใจนักภูมิใจหนาแข็งแกร่งก็จริง แต่อาณาจักรไร้ลักษณ์ของหลัวซิวกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่า
พลังที่น่าสยดสยองระเบิด ทำให้ปริภูมิที่อยู่รอบ ๆ ถูกทำลายล้างจนกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าสีดำ สีหน้าของจีหงเปลี่ยนไป ร่างกายถอยหลังกลับไปติดต่อกันสิบกว่าก้าว ทุกครั้งที่ถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว ก็จะทิ้งรอยเท้าอยู่กลางท้องฟ้า ท้องฟ้าถูกเหยียบย่ำจนสั่นสะเทือน
“แข็งแกร่งมาก!”
จีหงมองไปทางหลัวซิวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความช็อก เขาคุยโวโอ้อวดว่าตนเป็นอัจฉริยะวิถียุทธ์ที่เป็นหนึ่งไม่เป็นรอง ผลการฝึกตนเป็นประมุขเต๋าขั้นปฐมภูมิเหมือนกัน แต่กลับไม่มีประมุขเต๋าขั้นปฐมภูมิคนใดที่ต้านทานพลังโจมตีหนึ่งกระบวนท่าของเขาได้ มาตรแม้นว่าเป็นประมุขเต๋าช่วงกลางส่วนมาก ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเช่นกัน
เขาได้ยินมาว่ามีอัจฉริยะบรรพกาลคนหนึ่งโผล่พรวดพราดขึ้นมาในโลกร้าง ใช้เวลาเพียงหลักพันปีก็ฝึกตนจนบรรลุเป็นประมุขเต๋า ซึ่งเป็นประมุขเต๋าขั้นปฐมภูมิเช่นกัน แต่กลับถูกสรรเสริญว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีศักยภาพมกุฎเต๋า
นี่จึงทำให้จีหงรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง ดังนั้นถึงได้มาท้าประลองถึงที่
ทว่าดูจากสถานการณ์ในเมื่อครู่นี้ จีหงก็รู้แล้วว่าตัวเองแพ้แล้ว ยิ่งกว่านั้นคือเขาสามารถสัมผัสได้อยู่ว่านายจ้าวซิวหลัวคนนี้ไม่ได้ทุ่มสุดกำลังสามารถด้วยซ้ำ นอกเสียจากเขาสามารถเลื่อนระดับถึงประมุขเต๋าช่วงกลาง มิเช่นนั้นเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายจ้าวซิวหลัวคนนี้แน่นอน
“สมกับเป็นอัจฉริยะวิถียุทธ์ที่ถูกสรรเสริญว่าเป็นหนึ่งเดียวชั่วนิรันดร์จริง ๆ ดูท่าจีหงข้าคือกบในกะลาตัวนั้นสินะ แต่ข้าเชื่อว่าสักวันไม่เร็วก็ช้า ข้าสามารถแข็งแกร่งกว่าเจ้าได้แน่นอน”จีหงพูดกระแทกเสียงต่ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...