“ดาบโลหิตหักเซียน ดาบโลหิตหักเซียนอย่างนั้นหรือ! ……”
เสียงของผู้อาวุโสเงาดำยังคงแหบแห้งและแสบแก้วหูอยู่เช่นเคย บางทีอาจเป็นเพราะเกรงกลัวและหวาดกลัวถึงขีดสุด ร่างวิญญาณสีดำที่เหมือนดังเงาลวงนั่นของเขาสั่นเทาอย่างไม่หยุดหย่อน ราวกับสามารถสลายหายไปได้ตลอดเวลา
“ดูท่าเจ้าก็ถือว่ามีความรู้ประสบการณ์อยู่บ้าง ในเมื่อเจ้ารู้จักดาบที่อยู่ในมือข้า คิดว่าไม่ต้องให้ข้าพูดเยอะ เจ้าก็น่าจะรู้สินะว่าควรทำอย่างไร?”หลัวซิวแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น
“ขอรับ ขอรับ ขอรับ ในเมื่อท่านอาวุโสเป็นผู้สืบทอดของดาบโลหิตหักเซียน ข้าน้อยเป็นเพียงเซียนชั้นฟ้าเล็ก ๆ คนหนึ่ง ท่านอาวุโสก็คิดซะว่าข้าน้อยเป็นตด แล้วปล่อยข้าน้อยไปเถิดนะขอรับ……”
ผู้อาวุโสเงาดำผงกหัวรัว ๆ ด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว แทบจะคุกเข่าให้หลัวซิวแล้ว
แม้นดาบโลหิตหักเซียนจะอยู่ในมือหลัวซิว แต่ในความเป็นจริงผู้อาวุโสเงาดำเข้าใจดาบโลหิตหักเซียนดีกว่าหลัวซิวเสียอีก
พอจะพูดได้เลยว่าดาบโลหิตหักเซียนสามารถปราบปรามผู้บำเพ็ญวิญญาณอย่างเขาได้โดยสิ้นเชิงเลย โดยเฉพาะห้วงจิตสังหารที่แฝงซ่อนอยู่บนดาบโลหิตหักเซียน ถ้าเกิดเขาถูกดาบเล่มนี้ฟันครั้งหนึ่ง ร่างวิญญาณของเขาต้องถูกดาบโลหิตหักเซียนดูดกลืนภายในพริบตาแน่นอน
หลัวซิวไม่ทราบเรื่องเหล่านี้ แต่ผู้อาวุโสเงาดำกลับไม่รู้ว่าหลัวซิวไม่เข้าใจจุดนี้ ดังนั้นเขาถึงได้หวาดหวั่นและเกรงกลัวมากเช่นนี้
หลัวซิวไม่ได้สนใจผู้อาวุโสเงาดำคนนี้ เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าลักษณะท่าทีในวินาทีนี้ของตนเป็นเพียงการแสร้งแสดง จึงไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่านี้เช่นกัน ถ้าเกิดตนไม่ทันระวังถูกฝ่ายตรงข้ามจับโป๊ะได้ เขาไม่มีความมั่นใจที่จะสามารถเอาชนะผู้บำเพ็ญวิญญาณคนนี้ได้หรอกนะ แค่มือใหญ่ที่ผนึกรวมมาจากพลังวิญญาณในเมื่อครู่นี้ก็ทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นมากแล้ว
สายตาเขาจับจ้องไปยังพวกช่องจิตและญาณเทวร่างมนุษย์ที่โอบล้อมอยู่รอบหอคอยสีดำขลับ ขมวดคิ้วแล้วถาม: “เจ้านำช่องจิตและญาณเทวของผู้คนที่มากมายเหล่านี้ออกมาเพราะจะทำกระไร?”
“เนื่องจากข้าน้อยบาดเจ็บสาหัสมากเกินไป ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องดูดกลืนพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์ ถึงจะสามารถฟื้นฟูดั้งเดิมของตัวเองได้ แต่ข้าน้อยไม่เคยมีความคิดที่จะดูดกลืนท่านอาวุโสแน่นอนขอรับ ต่อให้มอบความกล้าให้ข้าน้อยอีกรอยเท่าพันเท่า ข้าน้อยก็ไม่กล้าขอรับ”ผู้อาวุโสเงาดำยิ้มอย่างประจบพลางพูดอย่างระมัดระวัง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลัวซิวก็รู้แล้วว่าเงาดำที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่ร่างแท้ของผู้บำเพ็ญวิญญาณนี่แต่อย่างใด หอคอยสีดำขลับที่ลอยอยู่กลางอากาศนั่นต่างหากที่เป็นร่างแท้ของเขา!
ต้องห้ามภูตเซียนไท่ซ่างคือเคล็ดเซียนกลั่นวิญญาณสูงสุด หลัวซิวจึงต้องรู้อยู่แล้วว่าผู้บำเพ็ญวิญญาณส่วนใหญ่ที่แข็งแกร่งมักจะนำวิญญาณดั้งเดิมของตัวเองหลอมรวมเข้ากับสมบัติล้ำเลิศต่าง ๆ แล้วหลอมสร้างภัณฑ์วิญญาณชาตะที่เป็นของตัวเองออกมา
สำหรับผู้บำเพ็ญวิญญาณแล้ว ร่างเนื้อที่เปราะบางเป็นเพียงตัวถ่วง พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีร่างเนื้อ ก็สามารถพเนจรอยู่ในฟ้าดินได้เช่นกัน ในทางตรงกันข้ามร่างกายที่ถูกกลั่นโดยภัณฑ์วิญญาณชาตะกลับแข็งแกร่งกว่าร่างเนื้อมาก
เมื่อเห็นว่าสายตาของหลัวซิวจับจ้องไปทางหอคอยเล็กสีดำขลับ ร่างกายของผู้อาวุโสเงาดำก็สั่นสะดุ้งครั้งหนึ่ง ถ้าเกิดพ่อทูนหัวคนนี้ใช้ดาบฟันตัวเองครั้งหนึ่ง เช่นนั้นชีวิตอันแก่ชราของตนต้องสิ้นสุดลงแน่นอน
หากหลัวซิวรู้ว่าดาบโลหิตหักเซียนทรงพลังเช่นนี้ละก็ เขาคงลงมือไปตั้งนานแล้ว เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างหวาดหวั่นซึ่งกันและกัน ฉะนั้นหลัวซิวถึงไม่มีเจตนาที่จะลงมือตลอดมา
ช่องจิตและญาณเทวร่างมนุษย์ที่โอบล้อมอยู่รอบหอคอยเล็กสีดำขลับมีเป็นร้อยคนเลย ตอนแรกเริ่มหลัวซิวยังไม่ทันได้สังเกตอะไร ทว่าเมื่อเขาลองสังเกตดูอย่างละเอียด ก็สัมผัสออร่าที่คุ้นเคยได้จากหนึ่งในช่องจิตภายในพริบตา
“ยู่หรง!”
หลัวซิวยื่นมือออกไปคว้า ช่องจิตดวงหนึ่งจึงร่วงลงบนมือเขา มีใบหน้าที่งดงามส่องสะท้อนออกมาจากช่องจิตที่บริสุทธิ์แพรวพรายดั่งคริสตัล
ถัดจากนั้นหลัวซิวก็ขยายตัวสำนึกออกไป ก่อนจะเจอร่างกายของฉียู่หรงที่กำลังนอนอยู่ในกลุ่มคนตรงห้องโถงใหญ่
“มึงช่างกล้าหาญยิ่งนัก แม้แต่คนของกูมึงก็กล้าแตะต้องอย่างนั้นรึ?”หลัวซิวตะคอกอย่างเยือกเย็น ขณะที่จ้องมองไปทางผู้อาวุโสเงาดำ มีจิตสังหารที่รวดเร็วและเฉียบคมทะลุออกมาจากแววตา
จบแล้ว!
ผู้อาวุโสเงาดำตกใจกลัวจนไม่ใช่แค่ร่างกายสั่นเทา แต่แทบจะอกแตกตายแล้ว ครั้งนี้หอคอยเล็กสีดำขลับนั่นก็สั่นเทาขึ้นมาเช่นกัน อย่างไรเสียหอคอยนั่นต่างหากที่เป็นร่างแท้ของเขา คือภัณฑ์วิญญาณชาตะของเขา
“นายท่านได้โปรดไว้ชีวิตด้วย นายท่านได้โปรดไว้ชีวิตด้วยขอรับ ข้าน้อยไม่ทราบจริง ๆ ว่าแม่นางคนนี้เป็นคนของท่าน……”
มีใบหน้าของผู้อาวุโสคนหนึ่งปรากฏบนหอคอยสีดำขลับ เขาลุกลนจนแทบจะร้องไห้แล้ว
“อย่ามาพูดจาไร้สาระกับกู บอกกูมาว่าต้องทำอย่างไรช่องจิตของนางถึงจะกลับคืนสู่ร่าง”หลัวซิวพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
“ช่องจิตของนางถูกข้าเกี่ยวออกมาด้วยวายุพรากวิญญาณ ขอแค่นำช่องจิตของนางสัมผัสกับร่างกาย ช่องจิตก็จะกลับเข้าที่เองขอรับ และนางก็จะฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเก่า”ใบหน้าที่ปรากฏบนหอคอยสีดำขลับพูดติด ๆ ขัด ๆ
เงาร่างหลัวซิวกระพริบทีหนึ่ง ปรากฏข้างกายฉียู่หรงโดยตรง ก่อนจะนำช่องจิตวางไว้ตรงหว่างคิ้วของนาง
เวิ่ง!
มีรัศมีดวงหนึ่งกระพริบผ่านไป ถัดจากนั้นช่องจิตของฉียู่หรงก็หายเข้าไปตรงกลางหว่างคิ้วนาง ต่อมาหลัวซิวก็เห็นว่าขนตาของนางสั่นเบา ๆ
“ท่านชาย!”
เสี้ยววินาทีที่ฉียู่หรงลืมตาขึ้นมา นางก็โอบกอดหลัวซิวเอาไว้ ขณะที่ช่องจิตของนางถูกวายุพรากวิญญาณเกี่ยวออกไป นางคิดว่าชาตินี้ตนไม่มีวันได้พบเขาอีกแล้ว
แม้นขณะที่ยอมเสี่ยงตายกลับมายังโลกร้าง นางก็เตรียมใจเผชิญหน้ากับความตายแล้ว ทว่าก่อนจะลาลับไป นางก็อยากเจอหลัวซิวอยู่ ต่อให้ได้พูดกับเขาแค่ประโยคเดียวแล้วต้องตาย นางก็สามารถตายไปได้โดยไร้ความเสียดาย
นางไม่มีวันลืมคำพูดที่เฟยเสว่พูดไว้ก่อนตายเลย นางกลัวว่าวันหนึ่งตนก็จะเป็นอย่างเฟยเสว่ มาตรแม้นว่าตายไปแล้ว ก็ไม่มีโอกาสได้พูดคำว่าข้ารักเจ้ากับคนรักในใจตน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...