หลังจากออกมาจากแดนบรรพกาล หลัวซิวก็วางแผนที่จะกลับไปปิดขังแล้ว
ฉียู่หรงอ้าปากเตรียมพร้อมจะพูดอะไรบางอย่าง เมื่อปีนั้นขณะที่นางยอมเสี่ยงตายกลับมายังโลกร้าง นางมีความกล้าที่ยิ่งใหญ่มาก แต่วินาทีนี้เมื่อได้เผชิญหน้ากับหลัวซิวจริง ๆ กลับไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากพูดสามพยางค์นั้นออกมาอย่างไร
ในขณะที่นางกำลังรู้สึกลังเลใจอยู่นั้น หลัวซิวก็เข้าไปในวังซิวหลัวแล้ว ถัดจากนั้นก็มีม่านแสงของค่ายกลปรากฏนอกวังซิวหลัว ในช่วงเวลาที่หลัวซิวปิดขัง ทั้งวังซิวหลัวจะอยู่ในสถานะปิดผนึก ซึ่งไม่มีคนใดสามารถเข้าไปได้
“ยู่หรง ไยเจ้าจึงไม่บอกเขาเล่า?”
ข้างกายฉียู่หรง ช่าจื่อเยียนก็มองดูเงาหลังของหลัวซิวที่หายวับไปเช่นกัน
“ข้า……ข้าไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี……”ฉียู่หรงก้มหน้าลง รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
นางรู้อยู่ว่าตัวเองพลาดโอกาสที่จะได้บอกความในใจที่แท้จริงออกมา บางทีถ้าเกิดพลาดโอกาสนี้แล้ว ก็อาจจะพลาดไปทั้งชีวิตเลย
ช่าจื่อเยียนไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะนางรู้สึกว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ไปวิจารณ์ฉียู่หรง อีกทั้งนางก็ทราบเช่นกันว่าเหตุใดฉียู่หรงจึงลังเลใจเช่นนี้ เพราะนางเมื่อปีนั้นก็เป็นเช่นเดียวกับวินาทีนี้มิใช่หรือ?
พวกนางมองเห็นการเจริญเติบโตกลายเป็นผู้แข็งแกร่งของหลัวซิวด้วยสายตาตัวเอง กาลเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ระยะเวลาพันปีผ่านไปภายในชั่วพริบตาเดียว เขากลายเป็นนายจ้าวซิวหลัวผู้สูงส่งแล้ว ช่วงระยะความต่างระหว่างพวกนางและเขาห่างกันไกลออกไปอย่างต่อเนื่อง นี่จึงทำให้พวกนางรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเขา ไม่มีสิทธิ์พูดคำพูดเช่นนั้นกับเขา
เมื่อหลายปีก่อน ช่าจื่อเยียนก็ปลงตกในเรื่องราวเหล่านี้ได้แล้ว นางซ่อนความรู้สึกที่มีต่อหลัวซิวไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ ทั้งชีวิตนี้ของนางมีความฝันที่ยิ่งใหญ่สองอย่าง หนึ่งคือสามารถมองดูน้องชายตัวเองเสี่ยวเจียงหมิงค่อย ๆ เจริญเติบโตขึ้นทีละก้าว ส่วนอีกความฝันหนึ่งก็คือสามารถอยู่เคียงข้างหลัวซิว แม้นจะได้มองเขาอยู่ในที่ไกล ๆ เพียงแวบเดียวก็เพียงพอแล้ว
ในบรรดาสตรีที่อยู่ข้างกายหลัวซิว สามารถพูดได้เลยว่าช่าจื่อเยียนเป็นผู้ที่มีความคิดทัศนคติโตเป็นผู้ใหญ่ที่สุดแล้ว ครั้นอยู่ในโลกแสงดาว นางก็เป็นเทพมารที่ฝึกตนมาเป็นหมื่นปี ฉะนั้นนางจึงเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองดีมาก ๆ นางสามารถทำถึงขั้นที่ว่าแม้จะชอบคนคนหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่าจะต้องได้อยู่เคียงข้างเป็นคู่ครองคนคนนั้นเสมอไป
“พี่จื่อเยียน ตกลงข้าควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”เบ้าตาของฉียู่หรงแดงก่ำเล็กน้อย
“เจ้าชอบเขาจริง ๆ หรือ?”ช่าจื่อเยียนมองหน้าฉียู่หรงพลางถาม
ฉียู่หรงพยักหน้าอย่างไม่ลังเลใจ แต่ถัดจากนั้นช่าจื่อเยียนก็พูดอีกว่า “แต่เจ้าเคยคิดบ้างหรือเปล่า หากเจ้าบอกเขาแล้วถูกเขาปฏิเสธ แล้วเจ้าจักทำตัวอย่างไรต่อ?”
“ข้า……”ฉียู่หรงไม่รู้ว่าควรตอบกลับอย่างไร
“ข้าเชื่อว่าเจ้าก็สามารถสัมผัสได้เช่นกัน ภาระหน้าที่ที่แบกอยู่บนบ่าหลัวซิวหนักอึ้งมาก เขาฝึกตนอย่างทุ่มสุดชีวิต ค่อย ๆ พัฒนาจนกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง ก็เพื่อให้ตนสามารถปกป้องพวกเราที่อยู่ข้างกายเขา”
“เยว่เอ๋อร์และซีโรว่ต่างหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เจ้าคิดว่าการมาคุยเรื่องอารมณ์ความรู้สึกกับเขาในช่วงเวลาเช่นนี้ มันสมควรจริงหรือ?”
คำพูดเหล่านี้ของช่าจื่อเยียนทำเอาฉียู่หรงตอบโต้อะไรไม่เป็น
“หากเจ้าเชื่อข้า พี่จักมอบคำพูดหนึ่งให้แก่เจ้า”
“กาลเวลาดั่งน้ำ ไม่มีเสียงและความรู้สึกใด ๆ หากเจ้าอยู่เย็นเป็นสุข ก็เป็นสิ่งที่ดีกว่าสิ่งอื่นใดแล้ว……”
ถอนหายใจเบา ๆ ในใจทีหนึ่ง ก่อนช่าจื่อเยียนจะหันหลังแล้วเดินจากไป ส่วนฉียู่หรงกลับยืนน้ำตาคลอเบ้าอยู่กับที่ มีความสับสนทะลุออกมาจากแววตาที่งดงาม
กาลเวลาดั่งสายน้ำ ต่อให้จะพูดคุยกันน้อยมาก ๆ แต่ทว่าขอแค่เจ้าแข็งแรงเป็นสุข เช่นนั้นไม่ว่าจะวันไหน ๆ ก็เป็นวันดี ๆ ของข้าแล้ว
วินาทีนี้ ฉียู่หรงเข้าใจสภาพจิตใจของช่าจื่อเยียนแล้ว มีเพียงผู้หญิงเท่านั้นที่จะเข้าใจผู้หญิงอย่างแท้จริง นางจักไม่รู้ได้อย่างไรเล่าว่าภายในใจพี่จื่อเยียนก็มีหลัวซิวอยู่เหมือนกัน? ทว่านางแค่ไม่เคยเปิดเผยความในใจตัวเองเท่านั้น นางคอยอยู่เคียงข้างหลัวซิวอย่างเงียบ ๆ เหมือนพี่สาวคนหนึ่งมาโดยตลอด ต่อให้ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ แต่ก็ไม่เคยเพิ่มภาระให้เขา
นางมองดูเขาอย่างเงียบ ๆ แบบนี้มาโดยตลอด แม้นเขาจะไม่เคยชายตาลงมามองตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทว่าขอแค่ตัวเองสามารถมองเห็นเขา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
เมื่อเข้าใจเรื่องเหล่านี้ ฉียู่หรงถึงจะรู้ว่าความคิดที่ตัวเองอยากถูกหลัวซิวยอมรับ อยากกลายเป็นภรรยาของเขานั้น เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวมากเพียงใด นางแค่คำนึงถึงตัวเอง แต่กลับไม่เคยคำนึงถึงหลัวซิวเลย เหมือนอย่างที่พี่จื่อเยียนกล่าวมา เยว่เอ๋อร์และซีโรว่ต่างหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หากตนคุยเรื่องอารมณ์ความรู้สึกกับเขาในช่วงเวลาเช่นนี้ มันเหมาะสมจริงหรือ?
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าคำตอบคือไม่……
ภายในวังซิวหลัว เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีข่าวคราวของมกุฎเต๋าสังสารวัฏเลย ก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาไปปิดขังที่สถานที่แห่งใดแล้ว แต่ทว่าหลัวซิวและเหล่ามกุฎเต๋าต่างเข้าใจดีมาก ๆ ว่าทันทีที่มกุฎเต๋าสังสารวัฏปรากฏตัวอีกครั้ง นั่นก็หมายความว่าเขาก้าวข้ามผ่านก้าวครึ่งที่เหลือสำเร็จแล้ว
ในเวลาเดียวกัน หินแก้วสองก้อนที่มีปราณทิพย์เซียนแฝงอยู่ ที่หลัวซิวได้รับมาจากมือผู้บำเพ็ญวิญญาณของหอคอยสีดำขลับนั่นกำลังถูกเขาวางอยู่ด้านหน้า เขายังไม่ได้ใช้ไข่มุกเต๋าชั้นสูงและไข่มุกเต๋าชั้นยอดที่ได้รับมาจากอานจิ่งเซวียน บัดนี้ก็ได้รับหินแก้วที่มีปราณทิพย์เซียนแฝงซ่อนมาอีกสองก้อน เขาจึงเตรียมพร้อมที่จะบรรลุสู่แดนประมุขเต๋าช่วงกลาง
เมื่อผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนประมุขเต๋า แม้นจะเป็นการบรรลุหนึ่งแดนเล็ก มันก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
หลังจากผ่านไปไม่กี่ปี ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธก็ย่างกรายมา ทว่าทันทีที่เมฆทัณฑ์ปรากฏ ก็มีเงาดำร่างหนึ่งบินออกมาจากวังซิวหลัว บินตรงไปยังห้วงดารานอกโลกร้าง
ทัณฑ์สวรรค์ประมุขเต๋าไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง หากข้ามผ่านทัณฑ์เหนือนภาแดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวโดยตรง เกรงว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ซิวหลัวที่กว้างหลายหมื่นลี้คงต้องพังพินาศไปเกือบครึ่งแน่นอน
หลังจากผ่านไปเจ็ดวัน หลัวซิวก็กลับมายังโลกร้าง ผลการฝึกตนก็บรรลุถึงแดนประมุขเต๋าช่วงกลางเช่นกัน
“เจ้าศักดิ์สิทธิ์ขอรับ”
ตัวต้องห้ามของวังซิวหลัวถูกถอนออก ต้วนคงมาถึงวังซิวหลัว เขาจำเป็นต้องรายงานเรื่องราวสำคัญทุกอย่างที่เกิดขึ้นในจักรวาลสามโลกาในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ให้นายจ้าวซิวหลัวฟังเป็นเวลาแรก
ขอแค่ผู้แข็งแกร่งแดนประมุขเต๋าไม่ดับสลายสูญสิ้น ก็แทบจะกลายเป็นผู้เป็นอมตะแล้ว ในช่วงชีวิตที่ยาวนาน เวลาไม่กี่ปีก็ผ่านไปเร็วปานพริบตาเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามโชคชะตามันก็มหัศจรรย์เช่นนี้นี่แหละ แม้นจะเป็นช่วงเวลาที่สั้นเพียงพริบตาเดียว ก็ล้วนสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง แล้วจะนับประสาอะไรกับระยะเวลาที่นานเป็นปีเล่า?
ในช่วงเวลาที่หลัวซิวปิดขัง ในแดนบรรพกาลก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว เพราะมีวังเซียนหลังหนึ่งลอยไปลอยมาในส่วนลึกของแดนบรรพกาล
เมื่อข่าวคราวดังกล่าวแพร่งพรายออกไป ก็ทำให้ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายต่างตื่นตระหนก มีผู้แข็งแกร่งหลายสิบคนและประมุขเต๋าอีกหนึ่งคนร่วมมือการเดินทางเข้าไปในแดนบรรพกาล ทว่ากลับมีเพียงประมุขเต๋าคนนั้นเท่านั้นที่มีชีวิตรอดออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...