สำหรับประมุขเต๋าและมกุฎเต๋าส่วนมากแล้ว พอจะพูดได้เลยว่าจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์มีชื่อเสียงที่โด่งดังมาก เทียนหวางโหลวที่เขาริเริ่มยิ่งเป็นกองกำลังที่ผู้คนทั้งจักรวาลสามโลกาต่างรู้จักกันดี
อย่างไรก็ตามสำหรับเหล่ามกุฎเต๋าผู้สูงส่งแล้ว จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์กลับไม่ถูกพวกเขานำไปไว้ในสายตา ความสามารถในการสอดแนมชะตาชีวิตมหัศจรรย์มากก็จริง แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นเพียงประมุขเต๋าช่วงปลายคนหนึ่งเท่านั้น
ผู้คนที่ทำให้เหล่ามกุฎเต๋าใส่ใจจริง ๆ ก็ยังเป็นตัวหลัวซิวอยู่ดี!
มกุฎเต๋าหวูซินและมกุฎมังกรอิมเอี๊ยงไท่ชูย่อมต้องจ้องมองมาด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหารอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะเกรงกลัวมกุฎเต๋าสี่คนที่เหลือ พวกเขาคงร่วมมือกันลงมือสังหารเข้ามาตั้งนานแล้ว
หลัวซิวมองข้ามแววตาที่จับจ้องมาจากรอบ ๆ ส่วนจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์กลับสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่มากล้น
ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ที่นี่ ระดับขั้นก็แตกต่างกันมากจนเห็นได้ชัด บนจุดที่สูงที่สุดมีเพียงเหล่ามกุฎเต๋าไม่กี่คน ประมุขเต๋าจำนวนมากที่เหลือล้วนทำได้เพียงยืนอยู่ในจุดที่ต่ำกว่ามกุฎเต๋าหนึ่งระดับ ส่วนจุดที่ต่ำกว่าประมุขเต๋าคือผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งที่มากกว่า
เมื่อหลัวซิวมาถึงที่นี่ เขาก็ไปยืนอยู่ในตำแหน่งที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่ามกุฎเต๋าโดยตรง ถึงจะมีคนจำนวนมากไม่พอใจต่อการกระทำนี้ แต่ก็ไม่มีคนใดกล้าพูดอะไรเช่นกัน
“ก็แค่พึ่งพิงดาบฉกรรจ์สุดหล้าเล่มหนึ่งถึงสามารถต่อกรกับมกุฎเต๋าได้ มันคิดว่าตัวเองเป็นมกุฎเต๋าจริง ๆ หรือ?”
“ถึงจะพึ่งพิงของนอกกาย แต่ศักยภาพของนายจ้าวซิวหลัวก็อยู่ระดับมกุฎเต๋าอย่างแท้จริงแล้ว”
“วังเซียนบรรพกาลอยู่ภายในหมอกเซียนที่อยู่ด้านหน้า ภายในหมอกเซียนนั่นเต็มเปี่ยมไปด้วยตัวต้องห้าม มีเพียงข้ามผ่านจุดที่หมอกเซียนค่อนข้างเบาบางทถึงจะสามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดาย”
ก่อนหน้านี้มีคนมาตำรวจเส้นทางล่วงหน้าตั้งนานแล้ว ดังนั้นข้อมูลที่เหล่ามกุฎเต๋ายึดกุมจึงค่อนข้างละเอียด
ผู้พูดคือมกุฎเต๋าหวูซิน เห็นเพียงหลังจากสิ้นเสียงเขา เรือเซียนสีดำก็ออกเดินทางแล้ว ค่อย ๆ เคลื่อนเข้าไปในหมอกเซียนที่อยู่ด้านหน้า
อสูรยักษ์ของโลกาเทพมังกรไท่ชูก็ตามหลังเข้าไปเช่นกัน จึงแสดงให้เห็นเลยว่าการผจญภัยในวังเซียนบรรพกาลในครั้งนี้ มกุฎมังกรไท่ชูทั้งสองเลือกที่จะร่วมมือกับมกุฎเต๋าหวูซินแล้ว
ในขณะเดียวกัน คนอื่นที่เหลือก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน ต่างพากันปลดปล่อยอุบาย เดินทางเข้าไปในหมอกเซียน
หลัวซิวย่อมต้องเข้าไปในหมอกเซียนอยู่แล้ว หมอกเซียนเหล่านี้ประกอบมาจากแสงเซียน สิ่งที่แฝงซ่อนอยู่ภายในไม่ใช่ปราณทิพย์เซียน แต่กลับมีออร่าของเซียนซ่อนอยู่ ลึกซึ้งและล้ำลึกมาก
หลังจากเข้าไปในหมอกเซียน เขาก็มองเห็นวังเซียนบรรพกาลนั่น ท่ามกลางหมอกเซียนที่กำลังตลบอบอวลไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน มีพระราชวังที่สูงตระหง่านหลังหนึ่งลอยอยู่กลางนภา บริเวณรอบ ๆ พระราชวังมีชี่อลวนไหลเวียนซัดสาด
หลัวซิวเห็นว่าภายในชี่อลวนที่กำลังไหลเวียนมีอักขระฮู้ตรีภพกระพริบวิบวับ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าธรรมเวชตรีภพที่แฝงซ่อนอยู่ในชี่อลวนต้องบรรลุถึงระดับของเซียนแน่นอน
หลังจากประชิดใกล้เข้าไปอีกเล็กน้อย หลัวซิวไม่เห็นป้ายชื่อใด ๆ จึงเห็นได้ชัดเจนเลยว่าชื่อของวังเซียนบรรพกาลหลังนี้ถูกตั้งโดยผู้อื่น ใช่ว่าจะเป็นชื่อที่แท้จริงของวังเซียนหลังนี้เสมอไป
นอกเหนือจากนี้แล้ว วังเซียนดังกล่าวไม่ได้มีทางเข้าเพียงทางเดียว ทั้งสี่ด้านของวังเซียนมีทางเข้าทั้งหมดแปดจุด ทุกด้านของพระราชวังมีทางเข้าสองจุด
หลังจากผู้คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเหล่ามกุฎเต๋าลองเดินเข้าไป สถานที่ที่เชื่อมต่อกับทั้งแปดทางเข้านี้ล้วนเป็นสถานที่ที่แตกต่างกัน
มกุฎเต๋าทั้งเจ็ดต่างแยกย้ายกันเลือกคนละทาง หลัวซิวและจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์จึงทำได้เพียงเลือกทางเข้าที่แปด
สถานที่ดังกล่าวคือแผ่นดินใหญ่สีแดงฉานแห่งหนึ่ง มีระลอกคลื่นสั่นกระเพื่อมอยู่กลางอากาศ ในฟ้าดินตลบอบอวลไปด้วยออร่าที่ร้อนแผดเผา บนแผ่นดินใหญ่มีรอยร้าวเล็กน้อย มีเปลวไฟและลาวาสาดกระเด็นออกมาจากพื้นดินอยู่เป็นระยะ
สำหรับเรื่องที่มีโลกอีกใบซ่อนอยู่ในวังเซียนบรรพกาลนั้น หลัวซิวก็คุ้นเคยต่อเรื่องประเภทนี้ตั้งนานแล้ว
“โฮกก!”
จู่ ๆ ก็มีเสียงคำรามดังขึ้น แผ่นดินใหญ่ที่อยู่ใต้เท้าหลัวซิวและจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง ราวกับมีพลังออร่าที่โหดร้ายแข็งแกร่งได้ฟื้นตื่นขึ้นมาจากใต้ดิน
จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์จึงบินลอยขึ้นฟ้าเป็นเวลาแรก ส่วนหลัวซิวกลับยืนนิ่งอยู่กับที่
“โครม!”
ทันใดนั้นเอง หลัวซิวก็ยกเท้าขวาขึ้นแล้วย่ำลงพื้นแรง ๆ เสียงที่ดังกึกก้องดังขึ้น แผ่นดินใหญ่แตกสลาย เพลิงอัคคีลุกโชน ลาวาสาดกระเด็นออกไปทั่วทุกสารทิศ
จากการที่มีเสียงคำรามดังลั่นขึ้น สัตว์ประหลาดร่างคล้ายช้างที่รอบกายปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีแดงฉานก็ปรากฏ และการย่ำเท้าในเมื่อครู่นี้ของหลัวซิวก็ย่ำลงกลางศีรษะสัตว์ประหลาดตัวนั้นพอดี
สัตว์ประหลาดตัวนี้คำรามเสียงดังอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ไม่ว่ามันจะดิ้นรนอย่างไร ก็ถูกหลัวซิวย่ำอยู่ใต้เท้ามาโดยตลอด
เมื่อจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์เห็นภาพเหตุการณ์นี้ มุมปากก็กระตุกไปสองที พลังออร่าของช้างยักษ์เพลิงอัคคีตัวนี้แข็งแกร่งมาก ซึ่งบรรลุถึงระดับประมุขเต๋าอย่างแน่นอน แต่อสูรโหดที่แข็งแกร่งเช่นนี้ กลับถูกหลัวซิวใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบไว้จนทำอะไรไม่ได้ แล้วร่างเนื้อของเจ้าหมอนี่จะแข็งแกร่งมากเพียงใดกัน?
“เสียงดังชิบหาย!”
เสียงคำรามของช้างยักษ์ทำให้หลัวซิวขมวดคิ้วลง เห็นเพียงเขายกเท้าขวาขึ้นแล้วย่ำลงมาอีกครั้ง ช้างยักษ์ที่พึ่งประคองร่างกายกลับขึ้นมาได้ ก็ถูกเขาเหยียบจนล้มคลานลงไปภายในพริบตา ทั้งยังรุนแรงกว่าการย่ำในครั้งแรกด้วย
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ช้างยักษ์ก็ถูกหลัวซิวเหยียบย่ำจนอารมณ์โกรธหายไปหมด แล้วร้องอย่างเชื่อง
“พื้นที่ภายในวังเซียนบรรพกาลนี้ไม่ธรรมดาเลยนี่ แค่อสูรโหดตัวหนึ่งก็อยู่ระดับประมุขเต๋าแล้ว”
บนแผ่นหลังช้างยักษ์เพลิงอัคคี จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ที่ยืนอยู่ข้างกายหลัวซิวพูดด้วยสีหน้าอารมณ์ที่เข้มงวด
“ไม่ธรรมดาสิยิ่งดี หากธรรมดาไป แล้วจักมีโอกาสในการบรรลุเป็นเซียนแฝงซ่อนอยู่ได้อย่างไรเล่า?”หลัวซิวพูดอย่างเรียบนิ่ง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ก็อดยิ้มอย่างขมขื่นไม่ได้ “เจ้าก็พูดถูกเช่นกัน โอกาสที่สามารถบรรลุเป็นเซียนจะมีทางซ่อนอยู่ในสถานที่ที่เรียบง่ายและไม่ธรรมดาได้อย่างไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...