“ลงมือ!”
เงาร่างหลัวซิวกระพริบทีหนึ่ง ก่อนจะเข้าไปในค่ายยากเย็น จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ก็ต้องตามหลังเข้าไปอยู่แล้ว
ปราณทิพย์เซียนได้ผนึกรวมกันมายาวนานอย่างไม่รู้จบ จนกลายเป็นเส้นปราณเซียน เส้นปราณเซียนมีจิตญาณ แต่กลับไม่ใช่อสูรจิต ดังนั้นจึงไม่รู้จักการฝึกตน ด้วยเหตุนี้จึงมีเพียงร่างกายและพลังอันแข็งแกร่งที่เกิดจากการผนึกรวมกันของปราณทิพย์เซียน ซึ่งไม่ทราบวิธีการใช้สอยมัน
จากท่าทีที่มันใช้หางฟาดาวอาณัติแห่งสวรรค์กระเด็นออกมา ก็สามารถมองเห็นได้แล้วว่า ศักยภาพของเส้นปราณเซียนมังกรเขียวตัวนี้สามารถเทียบทัดมกุฎเต๋าได้อย่างแน่นอน
“จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ เจ้าดึงดูดความสนใจของเส้นปราณเซียนมังกรเขียวตัวนี้จากด้านหน้า”หลัวซิวเอ่ยปากพูด
“ได้เลย!”
ในระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น เส้นปราณเซียนมังกรเขียวก็กระโจนสังหารเข้ามาแล้ว ทว่าจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ในครั้งนี้มีการเตรียมป้องกัน จึงหลบหลีกพลังโจมตีของเส้นปราณเซียนมังกรเขียวได้อย่างง่ายดาย
เส้นปราณเซียนมังกรเขียวมีเพียงธาตุทิพย์ แต่กลับไม่มีสติปัญญา แม้นพลังจะแข็งแกร่งกว่าจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ ทว่ากลับสร้างความเสียหายให้เขาไม่ได้
หลัวซิวโคจรเต๋าปริภูมิ การเคลื่อนไหวของร่างกายลึกลับซับซ้อน ทุกครั้งที่ปรากฏ ก็จะกระเทาะกรองแก้วเซียนก้อนใหญ่ลงมาจากจุดอ่อนของเส้นปราณเซียนมังกรเขียว
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ หลัวซิวก็กระเทาะลงมาได้เกือบครึ่งแล้ว อย่างน้อยสามารถแบ่งออกเป็นกรองแก้วเซียนสามสี่พันก้อนแล้ว
แต่ทว่าในเวลานี้เอง จู่ ๆ ก็มีเสียงที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น มีคนใช้พลังอำนาจโจมตีค่ายยากเย็นจากด้านนอกจนทะลุ ม่านแสงค่ายกลระเบิดแตกจนเสียงดังแคว็ก จากนั้นธงค่ายทั้งหลายก็ระเบิดแตกเป็นฝุ่นผงอยู่กลางอากาศที่ว่างเปล่า
ในขณะเดียวกัน ก็มีตัวสำนึกที่แข็งแกร่งย่างกรายมา แล้วร่วงลงบนตัวหลัวซิวและจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ทั้งสองคน
นี่จึงทำให้สีหน้าของหลัวซิวและจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์เปลี่ยนไปพร้อมกัน ดูจากออร่าตัวสำนึก หลัวซิวก็สามารถยืนยันได้แล้วว่าเจ้าของตัวสำนึกดังกล่าวต้องเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งแน่นอน นี่จึงทำให้สีหน้าอารมณ์ของเขาดูเข้มงวดขึ้นมาทันที
และสภาพอาการของจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์กลับย่ำแย่กว่ามาก ภายใต้การกดอัดของออร่าตัวสำนึกดังกล่าว ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวเขาก็คือหันหลังแล้วเผ่น
ในขณะที่หลัวซิวและจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์กำลังสติหลุดอยู่นั้น เส้นปราณเซียนมังกรเขียวก็มุดลงไปในแผ่นดินใหญ่จนเสียงดังโครม เมื่อไม่มีการพันธนาการของค่ายยากเย็น มันจึงหลบหนีออกไปภายในพริบตา หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
สำหรับการหลบหนีของเส้นปราณเซียนมังกรเขียว หลัวซิวไม่ได้ลงมือหยุดยั้งแต่อย่างใด สิ่งที่เขาใส่ใจมากกว่าคือตัวสำนึกที่ย่างกรายมากะทันหันนี่ มาจากคนใดกันแน่
เขามีตัวหยั่งรู้ที่ไร้รูป ต่อให้ตัวสำนึกของฝ่ายตรงข้ามจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ก็ไม่สามารถสร้างผลกระทบให้เขาได้เลยแม้แต่น้อย แต่ว่าตัวสำนึกดังกล่าวกลับแข็งแกร่งมากไปหน่อย มาตรแม้นว่ามองในมุมเหล่ามกุฎเต๋าทั้งหลาย ก็ไม่มีตัวสำนึกของคนใดที่แข็งแกร่งกว่าตัวสำนึกในวินาทีนี้
เงยหน้ามองขึ้นไป บนท้องฟ้าที่สดใสปลอดโปร่ง มีคลื่นปริภูมิปรากฏ ถัดจากนั้นก็มีชายชุดคลุมยาวม่วงคนหนึ่งที่สวมใส่หน้ากากปรากฏ
มีเงาดำหลายร่างเคลื่อนที่เร็วปานเทเลพอร์ต ปรากฏด้านหลังชายชุดคลุมยาวม่วง ทุกร่างล้วนเป็นสัตว์ประหลาดร่างมนุษย์ที่ทั้งร่างกายปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำ ซึ่งดูดุร้ายน่ากลัวมาก
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว สีหน้าหลัวซิวก็เปลี่ยนไปทันที นี่ไม่ได้หมายความว่าเขารู้จักความเป็นมาของชายชุดคลุมยาวม่วงและตัวประหลาดเหล่านั้น แต่เขาสัมผัสพลังออร่าของตัวประหลาดเหล่านั้นได้ พลังออร่าบนตัวตัวประหลาดเหล่านั้นเทียบเท่าประมุขเต๋าช่วงปลายทุกตัวเลยอย่างนั้นหรือ!
“เจ้าคือผู้ใด?”สายตาของหลัวซิวจับจ้องไปทางชายชุดคลุมยาวม่วงที่สวมใส่หน้ากาก มีความหวาดหวั่นเสี้ยวหนึ่งทะลุออกมาจากแววตา
ตั้งแต่บรรลุถึงประมุขเต๋าช่วงกลางเป็นต้นมา ภายในจักรวาลสามโลกานี้ เดิมทีหลัวซิวคิดว่าตัวเองไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดอีกแล้ว มาตรแม้นว่าเป็นมกุฎเต๋าสังสารวัฏนั่นที่อาศัยหนืดอมฤตตรีภพก้าวเข้าสู่แดนกึ่งเซียน หลัวซิวที่พึ่งพิงดาบโลหิตหักเซียนก็ไม่เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่ชายชุดคลุมยาวม่วงที่อยู่ตรงหน้านี้กลับทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่น เนื่องจากเขาค้นพบว่าตนถึงขั้นมองผลการฝึกตนของฝ่ายตรงข้ามไม่ออก
หากฝ่ายตรงข้ามปิดบังผลการฝึกตนก็แล้วไป ประเด็นคือชายชุดคลุมยาวม่วงคนนี้ไม่ได้ปิดบังออร่าด้วยซ้ำ แต่เป็นการปลดปล่อยพลังออร่าของตัวเองออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งพลังออร่าดังกล่าวมากมายมหาศาลและลึกซึ้งมาก ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับห้วงดาราที่ไร้ขอบเขต
แม้แต่มกุฎเต๋าสังสารวัฏเขายังสามารถดูออกเลยว่าอยู่ในแดนกึ่งเซียน ทว่ากลับมองคนดังกล่าวไม่ทะลุ หรือเขาเป็นเซียนที่ประสบความสำเร็จบนวิถีเซียน?
ในขณะที่หลัวซิวกำลังอนุมานคาดคะเนในใจอยู่นั้น ชายชุดคลุมยาวม่วงกลับเอ่ยปากพูดอย่างเยือกเย็น: “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ว่าข้าคือผู้ใด”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ชายชุดคลุมยาวม่วงก็ลงมือโจมตีกะทันหัน มีกระบี่เล่มหนึ่งปรากฏในมือเขา กระบี่เล่มนั้นราวกับผนึกรวมมาจากแสงดาว มีแสงดาวไหลเวียนอยู่บนกระบี่ ฟาดฟันกระบี่ออกมาครั้งหนึ่ง ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับแรงกดอัดของหนึ่งดาราจักรวาล
และแสงกระบี่ที่ชายชุดคลุมยาวม่วงฟาดฟันออกมาก็คือทางช้างเผือกหนึ่งสาย!
ทางช้างเผือกทอดยาวอยู่ในจักรวาล คงอยู่มาตั้งแต่บรรพกาล ไม่เคยมอดไหม้ดับสูญ!
เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่ที่ฟาดฟันมา จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ก็รู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว จิตวิญญาณสั่นเทา เขามีพรสวรรค์พิเศษเหนือธรรมชาติก็จริง แต่ศักยภาพด้านการต่อสู้ของเขากลับไม่ต่างอะไรจากประมุขเต๋าช่วงปลายทั่ว ๆ ไป
ประมุขเต๋าช่วงปลายที่อยู่ในห้วงดาราในยุคปัจจุบันคือเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดแล้ว ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนท่าที่ชายชุดคลุมยาวม่วงคนนี้ฟาดฟันออกมา แค่พลานุภาพกดอัดก็ทำให้เขารู้สึกสยองเช่นนี้แล้ว หากได้ต้านรับกระบี่นั้นจริง ๆ จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์คิดว่าตัวเองต้องถูกสังหารภายในเสี้ยววินาทีแน่นอน!
หลัวซิวก็ไม่คาดหวังเช่นกันว่าจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์จะสามารถต้านรับกระบวนท่านี้ได้ ณ เสี้ยววินาทีที่ชายชุดคลุมยาวม่วงลงมือ เขาก็ก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว ทะยานขึ้นฟ้าพุ่งเข้าไปต้านรับแล้ว
เวิ่ง!
มีแสงเซียนผนึกรวมกันอยู่ในมือเขา แล้วกลายเป็นหอกยาวเล่มหนึ่ง เห็นเพียงเขาแทงหอกออกไปจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น ปริภูมิที่อยู่รอบ ๆ จึงเริ่มบิดเบี้ยวอย่างบ้าคลั่ง เสมือนกระดาษขาวใบหนึ่งถูกคนขยำจนเป็นก้อน ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในมิติปริภูมิแห่งนี้ล้วนจะถูกบดขยี้จนแหลกสลาย
ภายในเสี้ยววินาทีเดียว หอกเวิ่นเทียนฟ้าแหลกก็ได้พุ่งชนเข้ากับแสงเซียนทางช้างเผือกของขายชุดคลุมยาวม่วง เสี้ยววินาทีที่พลังอมตะทั้งสองพุ่งชนเข้าด้วยกัน กลับไม่มีพลังใด ๆ สะท้อนออกไปเลย ทุกอย่างดูเงียบสงบมากจนผิดปกติ
แต่กลับมีออร่าสยดสยองที่สามารถทำลายล้างทุกสรรพสิ่งพรั่งพรูออกมาจากจุดที่พลังอมตะทั้งสองปะทะกัน มิติปริภูมิกลายเป็นความว่างเปล่า สรรพวิชาล้วนไม่คงอยู่
แผะ!
ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว หลัวซิวก็ก้าวขาออกไปอีกครั้ง เงาร่างเขาหายวับไปภายในพริบตา ไร้ลักษณ์วิวัฒนาการปริภูมิ ทำการเทเลพอร์ตโดยตรง แล้วมาถึงด้านหลังชายชุดคลุมยาวม่วง
แต่ดูเหมือนชายชุดคลุมยาวม่วงจะรู้ว่าหลัวซิวจะปรากฏด้านหลังเขา จึงง้างมือฟาดฟันกระบี่ไปด้านหลัง
รูม่านตาหลัวซิวหดลงกะทันหัน จากศักยภาพในปัจจุบันของเขา การใช้เทเลพอร์ตจะไม่ก่อให้เกิดคลื่นปริภูมิเลยแม้แต่น้อย แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับสามารถคาดการณ์ตำแหน่งของตัวเองได้ล่วงหน้า เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเป็นยอดฝีมือที่มีสัญชาตญาณแข็งแกร่ง ทั้งเคยเข่นฆ่าต่อสู้มาเยอะมากจนนับไม่ถ้วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...