มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3042

เข้าสู่โลกคุกเซียน หลัวซิวสัมผัสได้ถึงพลังสยบอันมหึมาถาโถมเข้ามา จากนั้นผลการฝึกตนของเขาก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่ลมหายใจ จนกระทั่งผลการฝึกตนลดลงถึงแดนผู้สูงส่งขั้นสูงถึงได้หยุดลง

แม้ว่าผลการฝึกตนจะถูกกดเอาไว้ แต่ความสามารถของหลัวซิวก็ยังคงเทียบเท่าได้กับประมุขเต๋า นอกจากนี้เขายังค้นพบอีกว่า แม้ว่าผลการฝึกตนของตนเองจะถูกกดเอาไว้ ทว่าแดนยุทธ์กลับยังคงเหมือนเดิม

เช่นนี้ก็หมายความว่า เขาเป็นผู้สูงส่งขั้นสูงที่มีแดนยุทธ์ระดับประมุขเต๋าช่วงกลาง

จากแดนสูงก้มลงมองแดนล่าง ก็ไม่ต่างอะไรกับถ้ำที่มีแสง มองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน หลัวซิวรู้สึกว่าหากมีคู่ต่อสู้ในแดนผู้สูงส่งขั้นสูงเหมือนกัน เช่นนั้นการเคลื่อนไหวทุกอย่างของอีกฝ่ายล้วนถูกเขาพบเห็นได้อย่างง่ายดาย ทุกกระบวนท่าของอีกฝ่ายล้วนถูกตนมองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

“ดูท่าตอนที่ราชาเซียนเฉว่โยวประมือกับข้า ก็คงจะมีความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกันสินะ” หลังจากได้สัมผัสด้วยตัวเอง หลัวซิวถึงเข้าใจความแตกต่างระหว่างตนกับราชาเซียนเฉว่โยวได้อย่างชัดเจน ความแตกต่างหลัก ๆ นั้นไม่ใช่ผลการฝึกตน แต่เป็นระดับที่บรรลุถึง!

“ครืน!”

ทันใดนั้นเอง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวได้ลอยมา หลัวซิวเงยหน้ามองไป ก็เห็นฝุ่นควันลอยตลบขึ้นมาในรูปดอกเห็ดก้อนหนึ่ง ในขณะเดียวกันเขายังมองเห็นลำแสงแล็บแปลบปลาบสายแล้วสายเล่า เห็นได้ชัดว่ามีคนกำลังต่อสู้กันอยู่

ในโลกคุกเซียนยังมีผู้แข็งแกร่งมากมายที่ถูกกักขังอยู่ในที่แห่งนี้ไปชั่วนิรันดร์ ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่ถูกนำมาขังไว้ที่นี่ แหวนเก็บของและของขลังที่อยู่บนร่างกายล้วนถูกประเทศเซียนชางหลานริบไปจนหมด ดังนั้นต่อให้กำจัดคนพวกนี้ ก็ไม่มีสมบัติอันใดตกถึงมือ

ดังนั้นหลัวซิวจึงไม่คิดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ในตอนที่เขาเตรียมไปยังสถานที่ผนึกราชาเซียนนั่นเอง ลำแสงสายหนึ่งกำลังมุ่งหน้าเข้ามาหาตนเองจากทิศทางของเสียงดังระเบิดที่อยู่ไกลออกไป

เมื่อระยะห่างใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ตัวสำนึกของหลัวซิวก็ได้หล่นลงไปบนลำแสงที่ลอยเข้ามาสายนั้น ยักคิ้วเล็กน้อย เพราะเขารู้จักคนที่อยู่ในลำแสงผู้นี้ คือเซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีนั่นเอง

ครั้งแรกที่เขามายังโลกคุกเซียนในตอนนั้น ก็เคยได้ถูกเซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีลอบโจมตีมาก่อน ต่อมาเนื่องจากความหวั่นเกรงซึ่งกันและกัน เซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีจึงได้ถอยหนีไปเอง

หลัวซิวจำเซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีได้ อีกฝ่ายเองก็ย่อมจำเขาได้เหมือนกัน

“ทำไมเจ้าถึงได้มาที่นี่อีกล่ะ? อย่ายืนซื่อบื้ออยู่ รับหนีเร็วเข้า!” แสงกลของเซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีลอยเข้ามา วินาทีที่เขาจำได้ว่าเป็นหลัวซิว เขาก็รีบส่งสารทางตัวสำนึกมาให้หลัวซิวทันที

ที่ด้านหลังของเซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีลอย แสงกลสองสายไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว แสงกลสีทองสายหนึ่ง เป็นเหมือนดั่งกระบี่เทพที่คมจนไม่อาจต้านทาน แทงทะลุอนัตตา แสงกลอีกสายมีสีเขียวเจิดจ้า มังกรเขียวร้อยจั้งตัวหนึ่งห้อตะบึงดุจขี่เมฆหมอกอยู่ในแสงกล

ในโลกคุกเซียน ผลการฝึกตนของทุกคนต่างถูกกดจนเหลือเพียงผู้สูงส่งขั้นสูง ภายใต้เงื่อนไขที่ทุกคนมีผลการฝึกตนเหมือนกัน ผู้ใดมีระดับที่บรรลุถึงสูง ความสามารถของคนผู้นั้นก็จะยิ่งแข็งแกร่ง

ดูจากท่าทางที่เอาแต่จะหลบหนีของเซียนชั้นฟ้ากุ่ยสี ผู้แข็งแกร่งทั้งสองที่ไล่ล่าเขานั้นล้วนไม่ธรรมดา

หลัวซิวย่อมจะไม่หนีอยู่แล้ว ตรงกันข้ามในดวงตาทั้งสองข้างกลับมีแววความต้องการสู้เล็ดลอดออกมา ในสมัยประเทศเซียนอันไกลแสนไกล ผู้แข็งแกร่งที่มีคุณสมบัติถูกนำมากักขังไว้ในคุกประเทศเซียน อย่างน้อยล้วนอยู่ในแดนมนุษย์อมตะ หลายคนในนั้นต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเซียนชั้นฟ้าอย่างเซียนชั้นฟ้ากุ่ยสี

ต่างก็มีผลการฝึกตนในแดนผู้สูงส่งขั้นสูงเหมือนกัน หลัวซิวก็อยากจะลองเหมือนกันว่าแดนยุทธ์ของตนกับผู้แข็งแกร่งระดับเซียนชั้นฟ้าเมื่อเทียบกันแล้วจะเป็นเช่นไร

เขาเคยประมือกับเซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีมาก่อน แต่ได้อาศัยอานุภาพของของขลังเป็นซะส่วนใหญ่ ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถสัมผัสได้ว่าแดนยุทธ์ของเซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีนั้นสูงเพียงใด

ผลการฝึกตนสูงไม่ได้หมายความว่าระดับที่บรรลุถึงจะสูงตาม เซียนชั้นฟ้าบางคนสามารถสังหารเซียนชั้นฟ้าคนอื่นได้อย่างง่ายดาย และนี่ก็คือความแตกต่างของระดับที่บรรลุถึง

หลัวซิวมิได้ไปสนใจเซียนชั้นฟ้ากุ่ยสี เห็นเพียงร่างของเขาได้กลายเป็นเศษเงาสายหนึ่ง พุ่งเข้าไปหาผู้แข็งแกร่งสองคนที่ไล่ตามเซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีโดยตรง

“แมลงบินมาจากไหน? รนหาที่ตายนัก!”

เสียงตวาดดังลอยออกมาจากแสงกลสีทอง จากนั้นปราณกระบี่สีทองมากมายก็ได้ปรากฏขึ้นมาในอากาศ ปราณกระบี่แต่ละสายลอยสลับกันขวักไขว่ และกลายเป็นอาณากระบี่สีทองขึ้นมาภายในพริบตา

ดูจากพลังแห่งเกณฑ์แล้ว ที่คนผู้นี้ฝึกฝนคือธรรมเวชธาตุทองหนึ่งในเบญจธาตุทั้งห้ากับธรรมเวชกระบี่ แถมยังได้หลอมรวมธรรมเวชกฎทั้งสองอย่างนี้เข้าด้วยกัน กลายเป็นอาณากระบี่ทองคำที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า

“กรร!”

ในขณะเดียวกัน เสียงคำรามสะเทือนฟ้าของมังกรดังขึ้น ในแสงกลสีเขียว มังกรเขียวตัวหนึ่งได้ลอยออกมาพร้อมกับร้องคำราม อ้าปากตวัดกรงเล็บ พลานุภาพมังกรแผ่ซ่านออกมา

พลานุภาพมังกร มีต้นกำเนิดมาจากสายเลือดเผ่ามังกร ในพลานุภาพมังกรที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของมังกรตัวนี้ หลัวซิวสัมผัสได้ถึงท่วงเซียนอย่างเลือนราง จากจุดนี้เห็นได้ว่ามังกรเขียวที่ถูกขังไว้ในโลกคุกเซียนตนนี้ มีสายเลือดแท้จริงของสายเลือดมังกรเซียน

เสียงคำรามของมังกรดังต่อเนื่องกันไปเป็นระลอก ได้ขยายยาวออกเป็นนับพันจั้งภายในชั่วพริบตา หางใหญ่หนาของมังกรกวาดไปในอนัตตา ปริภูมิวงกว้างสลายลงอยู่ขาดสาย

ครืน!

หางมังกรตวัดกวาดเข้ามา อาณาจักรไร้ลักษณ์ของหลัวซิวขวางไว้ได้เพียงชั่วขณะ พลังอาณาก็แตกสลายไปในทันที

ในแดนเดียวกัน หลัวซิวไม่เคยเห็นใครทำลายอาณาจักรไร้ลักษณ์ของเขาได้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรก

แม้ว่าพลังของมังกรเขียวจะน่าตกตะลึง ทว่าหลัวซิวกลับไม่มีความคิดที่จะหลบเลยสักนิด เห็นเพียงเขายื่นมือสองข้างออกไปคว้า ผนึกรวมพลังแห่งโซนกลายเป็นหอกยาวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาในมือของเขา หอกเวิ่นเทียนฟ้าแหลกโจมตีออกไป

เสียงดังอันน่าสะพรึงกลัวลอยออกไป ระลอกคลื่นที่มองเห็นได้ด้วยสายตาแผ่กระจายไปทุกทิศทาง สิ่งใดก็ตามที่ถูกกระทบเข้า ล้วนได้กลายเป็นเถ้าธุลีไปทันที

พลังอันแข็งแกร่งโหมกระหน่ำเข้ามา หอกยาวตรีภพที่อยู่ในมือของหลัวซิวแตกเป็นเสี่ยง ๆ ร่างก็ได้ลอยถอยออกไปอย่างควบคุมไม่ได้

ค่ายสยบที่อยู่ในโลกคุกเซียน ได้สยบไปทั่วทุกหนแห่ง ดังนั้นไม่ใช่แค่ผลการฝึกตนที่ถูกกดลดลงมาถึงแดนผู้สูงส่งขั้นสูง แม้แต่ร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาก็ถูกกดเหมือนกัน

และในเมื่อเขาถูกกด อีกฝ่ายก็ต้องถูกกดเหมือนกัน แล้วเหตุใดคนที่ถูกกระแทกลอยออกไปถึงเป็นตัวเอง?

แม้ว่าสายเลือดมังกรเซียนจะแข็งแกร่งมาก แต่หลัวซิวคิดว่าในแดนที่เหมือนกัน แต่ให้เป็นพลังของมังกรแท้ ก็ใช่ว่าจะแข็งแกร่งกว่าตนเอง

เช่นนั้นในเมื่อพลังต่างกันไม่มาก แล้วเหตุใดถึงเกิดความแตกต่างเช่นนี้ได้?

หากใช้ของขลังภัณฑ์เต๋า ก็เป็นธรรมดาที่หลัวซิวจะสามารถรับมือกับคู่ต่อสู้ทั้งสองคนนี้ได้อย่างสบาย หรือแม้กระทั่งกำราบพวกเขา แต่ที่หลัวซิวต้องการก็คือทำความเข้าใจว่าความแตกต่างอยู่ตรงไหนกันแน่ เช่นนี้แล้วเขาถึงจะหาวิธีที่ถูกต้องมาเพิ่มระดับให้ตนเองได้

แต่อยู่ในสนามรบ ศัตรูไม่มีทางที่จะให้เวลาหลัวซิวมาคิดปัญหา ปราณกระบี่สีทองสายแล้วสายเล่ารวมเข้าด้วยกันอยู่กลางอากาศ ไม่นานก็กลายเป็นพลังกระบี่ขนาดยักษ์ยาวนับพันจั้ง สองแสงสีทองอร่ามเล่มหนึ่ง

“ตราเบญจธาตุสูญพันธุ์!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ