มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3043

สรุปบท บทที่ 3043 ไร้ลักษณ์ไร้รูปร่าง: มหายุทธ์ สะท้านภพ

สรุปตอน บทที่ 3043 ไร้ลักษณ์ไร้รูปร่าง – จากเรื่อง มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม

ตอน บทที่ 3043 ไร้ลักษณ์ไร้รูปร่าง ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง มหายุทธ์ สะท้านภพ โดยนักเขียน หลงเซียว-มังกรคำราม เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“ครืน!”

ในวินาทีที่หลัวซิวสังหารหยางจื้อหยวน กรงเล็บมังกรข้างหนึ่งปิดฟ้าบังตะวัน ตบเข้ามาหาเขา

หลัวซิวยกมือต่อยออกไปหนึ่งหมัด หมัดของเขาเมื่อเทียบกับกรงเล็บมังกรขนาดใหญ่ พูดได้ว่าเล็กจนสามารถมองข้ามไปได้

ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น ร่างของหลัวซิวไม่ขยับเขยื้อน และไม่ได้ลอยปลิวออกไปเหมือนอย่างในตอนแรกอีกแล้ว

“พรึบ!”

ร่างของหลัวซิวกลายเป็นเศษเงา ร่างของเขาหายไปจากที่เดิม และปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของหลงเซ่าในวินาทีต่อมา

“ปัง!”

เท้าข้างหนึ่งของเขากระทืบลงไปบนศีรษะของมังกรเขียว มังกรเขียวร่างมหึมาที่ยาวนับพันจั้ง ศีรษะของมันใหญ่เหมือนดั่งภูเขา ได้ถูกเขากระทืบร่วงหล่นลงมาจากฟ้า เสียงดังสนั่นหวั่นไหว กระแทกลงไปบนพื้นอย่างแรง

รอยแยกขนาดใหญ่หลายสายแผ่กระจาย แผ่นดินคำราม ฝุ่นละอองลอยตลบอบอวล ร่างขนาดมหึมาของมังกรโอนเอนอย่างบ้าคลั่ง หลงเซ่าอยากจะเงยศีรษะขึ้น แต่กลับถูกเท้าทั้งสองข้างของหลัวซิวเหยียบเอาไว้แน่

“ไร้ลักษณ์ไร้รูปร่าง......”

หลัวซิวหลับตาลงเบา ๆ สัมผัสกับความรู้สึกลึกลับมหัศจรรย์ในเมื่อสักครู่

หลงเซ่าเคยเป็นมังกรเขียวที่มีผลการฝึกตนในแดนเซียนชั้นฟ้ามาก่อน อาศัยแดนการฝึกตนเซียนชั้นฟ้า หากหลัวซิวใช้เทเลพอร์ตออกมา แม้ว่าจะพยายามซ่อนระลอกคลื่นของปริภูมิอย่างเต็มที่ หลงเซ่าก็ต้องสัมผัสได้อย่างง่ายดาย คาดเดาตำแหน่งที่เขาจะปรากฏได้อย่างแม่นยำเป็นแน่

แต่ครั้งนี้ หลงเซ่ากลับคาดเดาไม่ออก จนกระทั่งตอนที่หลัวซิวปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะของเขาและเหยียบลงมา เขาถึงสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของหลัวซิว แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เป็นเพราะหลัวซิวได้หลอมรวมไร้ลักษณ์ไร้รูปร่างเข้าสู่เทเลพอร์ต มันทำให้เขาไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ เอาไว้ในตอนที่เทเลพอร์ต ระลอกคลื่นของปริภูมิก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนอย่างเต็มกำลังอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นไร้รูปร่างอย่างแท้จริงภายใต้พลังเต๋าไร้ลักษณ์ไร้รูปร่าง ไม่เกิดเป็นระลอกคลื่นใด ๆ ขึ้นมาเลย!

ทันใดนั้นเอง หางมังกรสีเขียวก็ได้ตวัดเข้ามา พลานุภาพมังกรอันแข็งแกร่งปกคลุมลงมา ปิดผนึกปริภูมิ ทำให้หลัวซิวมิอาจใช้เทเลพอร์ตเพื่อหลบได้

ทว่าหลัวซิวกลับไม่คิดหลบเลยสักนิด และมิได้ลงมือต่อต้าน เห็นเพียงหางมังกรตวัดเข้ามา แต่กลับจู่โจมไม่โดนเขา ร่างของเขายังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคง

“อะไรกัน?”

ภาพเช่นนี้อย่าว่าแต่เซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีที่อยู่ไกลออกไปเลย แม้แต่หลงเซ่าเองก็ยังงงเหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เห็นหลัวซิวขยับหลบเลยสักนิด แล้วทำไม่หางของตนถึงจู่โจมไม่โดนเขาเล่า?

รอยิ้มปีติยินดีจากใจจริงปรากฏขึ้นมาที่มุมปากของหลัวซิว มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่ทราบ ในวินาทีเมื่อสักครู่นั้น เขาได้ขับเคลื่อนเกณฑ์เวลา แต่เนื่องจากการปลุกเสกเบิกเนตรของพลังเต๋าไร้ลักษณ์ไร้รูปร่าง ทำให้หลงเซ่ามองไม่เห็นระลอกคลื่นเกณฑ์เวลาเท่านั้นเอง

ยื่นมือออกไปคว้า ลำแสงสีทองสายหนึ่งยืดยาวออกมาจากมือของหลัวซิว ปรากฏเป็นเหล็กเซียนชั้นกล้า

“ตึง!”

หลัวซิวมือถือเหล็กเซียนชั้นกล้าแล้วออกแรง ศีรษะขนาดใหญ่ดั่งภูเขาของมังกรเขียวระเบิดเป็นหมอกโลหิตแผ่ซ่านไปทั่วท้องฟ้าทันที

เหล็กเซียนชั้นกล้า แฝงไปด้วยพละสยบเซียน น้ำหนักเป็นที่เน่าทึ่ง หากไม่ใช่เพราะหลัวซิวได้กลั่นแปรตัวต้องห้ามขั้นหนึ่งเพื่อควบคุมมัน เช่นนั้นแม้ว่าร่างเนื้อของเขาจะขัดเกลาจนสามารถทัดเทียมได้กับภัณฑ์เต๋าชั้นยอด ก็ไม่มีทางที่จะถือเหล็กเซียนแท่งนี้ได้

เขาได้ตระหนักรู้ไร้ลักษณ์ไร้รูปร่าง นี่ทำให้พลังการต่อสู้ของเขาก้าวกระโดดเข้าสู่ระดับใหม่โดยสิ้นเชิง เช่นนั้นหลงเซ่าผู้นี้ก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว ได้ถูกเขาใช้เหล็กเซียนชั้นกล้าสังหารทันที

อัคคีไร้ลักษณ์ลอยออกมา ลุกท่วมร่างมังกรขนาดมหึมา จากนั้นเตาเซียนระดับภัณฑ์เต๋าใบหนึ่งได้ลอยออกมา เก็บอัคคีไร้ลักษณ์กับร่างมังกรใส่เข้าไปด้านใน

ไม่นานหลังจากนั้น ร่างไร้วิญญาณของมังกรเขียวก็ถูกหลัวซิวกลั่นแปร เหลือไว้เพียงพลังและเลือดมังกรเขียวที่แฝงไปด้วยท่วงเซียนสามหยุด

แม้ว่าผลการฝึกตนของหลงเซ่าจะถูกกดผนึกไว้ แต่พลังแห่งสายเลือดของเขากลับยังคงเหลืออยู่ พลังและเลือดทั้งสามหยดนี้ คือเลือดมังกรเซียนที่บริสุทธิ์ที่สุด ไว้มอบให้อสูรกลืนจิตนำไปกลั่นแปร จักต้องทำให้อสูรกลืนจิตตัวน้อยนั่นลอกคราบใหม่ได้แน่ มีสายเลือดมังกรเซียน ได้รับกำลังแฝงที่สูงยิ่งขึ้น

“ผู้เพื่อนยุทธ์กุ่ยสี ท่านกำลังจะไปไหนหรือ?”

หลัวซิวเก็บพลังและเลือดมังกรเขียวทั้งสามหยดเอาไว้ จากนั้นก็พบว่าเซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีกำลังย่องจะหลบหนี อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำ

“หา? ข้ามีธุระน่ะ......” เซียนชั้นฟ้ากุ่ยสียิ้มอย่างประหม่า ภายในใจนั้นรู้สึกกังวลมาก

เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าตอนนั้นตนคิดลอบทำร้ายเจ้าหนุ่มคนนี้ บัดนี้เจ้าหนุ่มคนนี้ได้แข็งแกร่งขึ้นมามาก หากเขาคิดกำจัดตนเองจะทำเช่นไร?

นักโทษที่ถูกขังไว้ในโลกคุกเซียนนั้นไม่มีคนดีอยู่เลยสักคน ปกติแล้วหากมีความอาฆาตแค้น ก็จะลงมือเอาชีวิตของอีกฝ่ายทันทีที่มีโอกาส อยู่ในสถานที่เช่นนี้เป็นเวลานานไป เซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีจึงได้คิดไปเองโดยธรรมชาติว่าเขาเป็นคนประเภทเดียวกัน

แต่เซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีคิดมากไปแล้วจริง ๆ แม้ว่ากุ่ยสีจะเคยลอบทำร้ายเขา แต่ก็ไม่ใช่ความแค้นที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่งอะไร หากเขาต้องการเอาชีวิตกุ่ยสี ก็คงไม่ไปต่อกรกับหยางจื้อหยวนและหลงเซ่าก่อนแล้ว

“ผู้เพื่อนยุทธ์กุ่ยสีไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้คิดจะลงมือกับท่าน”

“ข้า......ข้ามิได้กังวล......” กุ่ยสีฝืนยิ้มออกมา

“ข้า......ข้าไม่แค้น!”

ร่างบอบบางของมกุฎมังกรอิมสะท้านเล็กน้อย นางกัดริมฝีปากแดงก้มหน้ากล่าว ทำให้คนมิอาจมองเห็นความรู้สึกของนางได้

“ไม่แค้น?” หวูจี๋ส่ายศีรษะ “เจ้าแค้นข้า เพียงแต่เจ้าไม่กล้าพูดเท่านั้น เพราะเจ้ากลัวตาย เจ้ากลัวข้าจะฆ่าเจ้า”

“ศิษย์น้องอิมเจ้ารู้ไหม? ข้าผิดหวังในตัวเจ้ามาก ความฮึกเหิมของเจ้าไม่เหลืออยู่แล้ว ไม่ใช่ศิษย์น้องอิมที่ไม่กลัวอะไรคนนั้นอีกต่อไป แต่เป็นเพียงมกุฎมังกรอิมที่ที่รักตัวกลัวตาย ด้วยสภาพจิตใจของเจ้าในตอนนี้ ความสำเร็จของเจ้าจะหยุดอยู่แค่แดนมกุฎเต๋าแล้ว ไม่มีทางที่จะกลายเซียนได้ไปตลอด”

ร่างบอบบางของมกุฎมังกรอิมยังคงสั่นสะท้าน นางกลัวจริง ๆ และนางเองก็รู้ว่าความกลัวนี้ จะกลายเป็นมารผจญที่คอยขัดขวางการกลายเซียนของนางในอนาคต แต่นางไม่กล้า แม้ว่าการลุกขึ้นต่อต้านจะไม่ทำให้ตัวธรรมของนางเกิดความบกพร่อง แต่ก็ต้องถูกหวูจี๋ฆ่าตายอย่างแน่นอน

ตายไป ก็จะไม่เหลืออะไรเลย แต่การมีชีวิตอยู่กลับยังมีความเป็นไปได้และโอกาสที่ถึงแม้จะน้อยมากก็ตาม ดังนั้นนางจึงได้แต่กัดฟันทนรับความอัปยศนี้และเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

“หวูจี๋ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”

มกุฎเต๋านอกนภายืนออกมา ดวงตาลึกซึ้งคู่นั้นจ้องมองไปยังหวูจี๋ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์กระดูกขาว

เขารู้ว่าหวูจี๋เป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย เขาสังหารมังกรเอี๊ยงกับหวูซินเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่มีทางที่เขาจะไม่มีจุดประสงค์

หวูจี๋เหลือบไปมองนอกนภา “สิ่งที่ข้าต้องการทำนั้นง่ายมาก มีเป้าหมายเหมือนกันกับเจ้า ข้าต้องการกลายเซียน”

“แล้วเหตุใดเจ้าต้องขังพวกเราไว้ที่นี่ด้วยเล่า?” มกุฎเต๋านอกนภาขมวดคิ้ว ตำหนักที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ได้ถูกตัวต้องหามอย่างหนึ่งปกคลุม ปิดผนึกเอาไว้

“เพราะข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้ากลายเป็นตัวขัดขวางเส้นทางกลายเซียนของข้า ดังนั้นข้าจะฝังตัวต้องห้ามอย่างหนึ่งเอาไว้ในร่างของพวกเจ้า ความเป็นตายของพวกเจ้ามีข้าเป็นผู้ควบคุม ในอนาคตหากข้ากลายเซียนสำเร็จ ก่อนที่ข้าจะไปจากที่นี่ ข้าจะถอนตัวต้องห้ามให้กับพวกเจ้า”

เมื่อคำพูดนี้ของหวูจี๋ได้กล่าวออกมา ประมุขเต๋าทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างหน้าถอดสี ท่าทางของมกุฎเต๋านอกนภาก็เคร่งเครียดเป็นพิเศษ

เป็นถึงประมุขเต๋าที่ยืนอยู่บนตำแหน่งสูงในจักรวาลสามโลกา ไม่ว่าใครก็ไม่ยินดีให้คนอื่นมาควบคุมชีวิตของตนเอง

“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่พอใจ แต่พวกเจ้ามีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น เป็น! หรือไม่ก็ตาย!”

ระหว่างที่พูด แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวกลุ่มหนึ่งได้ปกคลุมไปทั่วตำหนัก หากใครก็ตามที่กล้าคัดค้าน เขาก็จะสังหารโดยไม่ลังเลทันที มกุฎเต๋าทั้งสองอย่างมังกรเอี๊ยงกับหวูซินที่ได้กลายเป็นซากศพไปแล้วนั้น และนั่นก็คือจุดจบของผู้คัดค้าน!

ในตำหนักตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้ง ทุกคนต่างทราบเป็นอย่างดี จุดจบของการคัดค้าน มีเพียงตายเท่านั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ