“ครืน!”
ในวินาทีที่หลัวซิวสังหารหยางจื้อหยวน กรงเล็บมังกรข้างหนึ่งปิดฟ้าบังตะวัน ตบเข้ามาหาเขา
หลัวซิวยกมือต่อยออกไปหนึ่งหมัด หมัดของเขาเมื่อเทียบกับกรงเล็บมังกรขนาดใหญ่ พูดได้ว่าเล็กจนสามารถมองข้ามไปได้
ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น ร่างของหลัวซิวไม่ขยับเขยื้อน และไม่ได้ลอยปลิวออกไปเหมือนอย่างในตอนแรกอีกแล้ว
“พรึบ!”
ร่างของหลัวซิวกลายเป็นเศษเงา ร่างของเขาหายไปจากที่เดิม และปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของหลงเซ่าในวินาทีต่อมา
“ปัง!”
เท้าข้างหนึ่งของเขากระทืบลงไปบนศีรษะของมังกรเขียว มังกรเขียวร่างมหึมาที่ยาวนับพันจั้ง ศีรษะของมันใหญ่เหมือนดั่งภูเขา ได้ถูกเขากระทืบร่วงหล่นลงมาจากฟ้า เสียงดังสนั่นหวั่นไหว กระแทกลงไปบนพื้นอย่างแรง
รอยแยกขนาดใหญ่หลายสายแผ่กระจาย แผ่นดินคำราม ฝุ่นละอองลอยตลบอบอวล ร่างขนาดมหึมาของมังกรโอนเอนอย่างบ้าคลั่ง หลงเซ่าอยากจะเงยศีรษะขึ้น แต่กลับถูกเท้าทั้งสองข้างของหลัวซิวเหยียบเอาไว้แน่
“ไร้ลักษณ์ไร้รูปร่าง......”
หลัวซิวหลับตาลงเบา ๆ สัมผัสกับความรู้สึกลึกลับมหัศจรรย์ในเมื่อสักครู่
หลงเซ่าเคยเป็นมังกรเขียวที่มีผลการฝึกตนในแดนเซียนชั้นฟ้ามาก่อน อาศัยแดนการฝึกตนเซียนชั้นฟ้า หากหลัวซิวใช้เทเลพอร์ตออกมา แม้ว่าจะพยายามซ่อนระลอกคลื่นของปริภูมิอย่างเต็มที่ หลงเซ่าก็ต้องสัมผัสได้อย่างง่ายดาย คาดเดาตำแหน่งที่เขาจะปรากฏได้อย่างแม่นยำเป็นแน่
แต่ครั้งนี้ หลงเซ่ากลับคาดเดาไม่ออก จนกระทั่งตอนที่หลัวซิวปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะของเขาและเหยียบลงมา เขาถึงสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของหลัวซิว แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เป็นเพราะหลัวซิวได้หลอมรวมไร้ลักษณ์ไร้รูปร่างเข้าสู่เทเลพอร์ต มันทำให้เขาไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ เอาไว้ในตอนที่เทเลพอร์ต ระลอกคลื่นของปริภูมิก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนอย่างเต็มกำลังอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นไร้รูปร่างอย่างแท้จริงภายใต้พลังเต๋าไร้ลักษณ์ไร้รูปร่าง ไม่เกิดเป็นระลอกคลื่นใด ๆ ขึ้นมาเลย!
ทันใดนั้นเอง หางมังกรสีเขียวก็ได้ตวัดเข้ามา พลานุภาพมังกรอันแข็งแกร่งปกคลุมลงมา ปิดผนึกปริภูมิ ทำให้หลัวซิวมิอาจใช้เทเลพอร์ตเพื่อหลบได้
ทว่าหลัวซิวกลับไม่คิดหลบเลยสักนิด และมิได้ลงมือต่อต้าน เห็นเพียงหางมังกรตวัดเข้ามา แต่กลับจู่โจมไม่โดนเขา ร่างของเขายังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคง
“อะไรกัน?”
ภาพเช่นนี้อย่าว่าแต่เซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีที่อยู่ไกลออกไปเลย แม้แต่หลงเซ่าเองก็ยังงงเหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เห็นหลัวซิวขยับหลบเลยสักนิด แล้วทำไม่หางของตนถึงจู่โจมไม่โดนเขาเล่า?
รอยิ้มปีติยินดีจากใจจริงปรากฏขึ้นมาที่มุมปากของหลัวซิว มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่ทราบ ในวินาทีเมื่อสักครู่นั้น เขาได้ขับเคลื่อนเกณฑ์เวลา แต่เนื่องจากการปลุกเสกเบิกเนตรของพลังเต๋าไร้ลักษณ์ไร้รูปร่าง ทำให้หลงเซ่ามองไม่เห็นระลอกคลื่นเกณฑ์เวลาเท่านั้นเอง
ยื่นมือออกไปคว้า ลำแสงสีทองสายหนึ่งยืดยาวออกมาจากมือของหลัวซิว ปรากฏเป็นเหล็กเซียนชั้นกล้า
“ตึง!”
หลัวซิวมือถือเหล็กเซียนชั้นกล้าแล้วออกแรง ศีรษะขนาดใหญ่ดั่งภูเขาของมังกรเขียวระเบิดเป็นหมอกโลหิตแผ่ซ่านไปทั่วท้องฟ้าทันที
เหล็กเซียนชั้นกล้า แฝงไปด้วยพละสยบเซียน น้ำหนักเป็นที่เน่าทึ่ง หากไม่ใช่เพราะหลัวซิวได้กลั่นแปรตัวต้องห้ามขั้นหนึ่งเพื่อควบคุมมัน เช่นนั้นแม้ว่าร่างเนื้อของเขาจะขัดเกลาจนสามารถทัดเทียมได้กับภัณฑ์เต๋าชั้นยอด ก็ไม่มีทางที่จะถือเหล็กเซียนแท่งนี้ได้
เขาได้ตระหนักรู้ไร้ลักษณ์ไร้รูปร่าง นี่ทำให้พลังการต่อสู้ของเขาก้าวกระโดดเข้าสู่ระดับใหม่โดยสิ้นเชิง เช่นนั้นหลงเซ่าผู้นี้ก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว ได้ถูกเขาใช้เหล็กเซียนชั้นกล้าสังหารทันที
อัคคีไร้ลักษณ์ลอยออกมา ลุกท่วมร่างมังกรขนาดมหึมา จากนั้นเตาเซียนระดับภัณฑ์เต๋าใบหนึ่งได้ลอยออกมา เก็บอัคคีไร้ลักษณ์กับร่างมังกรใส่เข้าไปด้านใน
ไม่นานหลังจากนั้น ร่างไร้วิญญาณของมังกรเขียวก็ถูกหลัวซิวกลั่นแปร เหลือไว้เพียงพลังและเลือดมังกรเขียวที่แฝงไปด้วยท่วงเซียนสามหยุด
แม้ว่าผลการฝึกตนของหลงเซ่าจะถูกกดผนึกไว้ แต่พลังแห่งสายเลือดของเขากลับยังคงเหลืออยู่ พลังและเลือดทั้งสามหยดนี้ คือเลือดมังกรเซียนที่บริสุทธิ์ที่สุด ไว้มอบให้อสูรกลืนจิตนำไปกลั่นแปร จักต้องทำให้อสูรกลืนจิตตัวน้อยนั่นลอกคราบใหม่ได้แน่ มีสายเลือดมังกรเซียน ได้รับกำลังแฝงที่สูงยิ่งขึ้น
“ผู้เพื่อนยุทธ์กุ่ยสี ท่านกำลังจะไปไหนหรือ?”
หลัวซิวเก็บพลังและเลือดมังกรเขียวทั้งสามหยดเอาไว้ จากนั้นก็พบว่าเซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีกำลังย่องจะหลบหนี อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำ
“หา? ข้ามีธุระน่ะ......” เซียนชั้นฟ้ากุ่ยสียิ้มอย่างประหม่า ภายในใจนั้นรู้สึกกังวลมาก
เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าตอนนั้นตนคิดลอบทำร้ายเจ้าหนุ่มคนนี้ บัดนี้เจ้าหนุ่มคนนี้ได้แข็งแกร่งขึ้นมามาก หากเขาคิดกำจัดตนเองจะทำเช่นไร?
นักโทษที่ถูกขังไว้ในโลกคุกเซียนนั้นไม่มีคนดีอยู่เลยสักคน ปกติแล้วหากมีความอาฆาตแค้น ก็จะลงมือเอาชีวิตของอีกฝ่ายทันทีที่มีโอกาส อยู่ในสถานที่เช่นนี้เป็นเวลานานไป เซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีจึงได้คิดไปเองโดยธรรมชาติว่าเขาเป็นคนประเภทเดียวกัน
แต่เซียนชั้นฟ้ากุ่ยสีคิดมากไปแล้วจริง ๆ แม้ว่ากุ่ยสีจะเคยลอบทำร้ายเขา แต่ก็ไม่ใช่ความแค้นที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่งอะไร หากเขาต้องการเอาชีวิตกุ่ยสี ก็คงไม่ไปต่อกรกับหยางจื้อหยวนและหลงเซ่าก่อนแล้ว
“ผู้เพื่อนยุทธ์กุ่ยสีไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้คิดจะลงมือกับท่าน”
“ข้า......ข้ามิได้กังวล......” กุ่ยสีฝืนยิ้มออกมา
“ข้า......ข้าไม่แค้น!”
ร่างบอบบางของมกุฎมังกรอิมสะท้านเล็กน้อย นางกัดริมฝีปากแดงก้มหน้ากล่าว ทำให้คนมิอาจมองเห็นความรู้สึกของนางได้
“ไม่แค้น?” หวูจี๋ส่ายศีรษะ “เจ้าแค้นข้า เพียงแต่เจ้าไม่กล้าพูดเท่านั้น เพราะเจ้ากลัวตาย เจ้ากลัวข้าจะฆ่าเจ้า”
“ศิษย์น้องอิมเจ้ารู้ไหม? ข้าผิดหวังในตัวเจ้ามาก ความฮึกเหิมของเจ้าไม่เหลืออยู่แล้ว ไม่ใช่ศิษย์น้องอิมที่ไม่กลัวอะไรคนนั้นอีกต่อไป แต่เป็นเพียงมกุฎมังกรอิมที่ที่รักตัวกลัวตาย ด้วยสภาพจิตใจของเจ้าในตอนนี้ ความสำเร็จของเจ้าจะหยุดอยู่แค่แดนมกุฎเต๋าแล้ว ไม่มีทางที่จะกลายเซียนได้ไปตลอด”
ร่างบอบบางของมกุฎมังกรอิมยังคงสั่นสะท้าน นางกลัวจริง ๆ และนางเองก็รู้ว่าความกลัวนี้ จะกลายเป็นมารผจญที่คอยขัดขวางการกลายเซียนของนางในอนาคต แต่นางไม่กล้า แม้ว่าการลุกขึ้นต่อต้านจะไม่ทำให้ตัวธรรมของนางเกิดความบกพร่อง แต่ก็ต้องถูกหวูจี๋ฆ่าตายอย่างแน่นอน
ตายไป ก็จะไม่เหลืออะไรเลย แต่การมีชีวิตอยู่กลับยังมีความเป็นไปได้และโอกาสที่ถึงแม้จะน้อยมากก็ตาม ดังนั้นนางจึงได้แต่กัดฟันทนรับความอัปยศนี้และเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
“หวูจี๋ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
มกุฎเต๋านอกนภายืนออกมา ดวงตาลึกซึ้งคู่นั้นจ้องมองไปยังหวูจี๋ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์กระดูกขาว
เขารู้ว่าหวูจี๋เป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย เขาสังหารมังกรเอี๊ยงกับหวูซินเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่มีทางที่เขาจะไม่มีจุดประสงค์
หวูจี๋เหลือบไปมองนอกนภา “สิ่งที่ข้าต้องการทำนั้นง่ายมาก มีเป้าหมายเหมือนกันกับเจ้า ข้าต้องการกลายเซียน”
“แล้วเหตุใดเจ้าต้องขังพวกเราไว้ที่นี่ด้วยเล่า?” มกุฎเต๋านอกนภาขมวดคิ้ว ตำหนักที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ได้ถูกตัวต้องหามอย่างหนึ่งปกคลุม ปิดผนึกเอาไว้
“เพราะข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้ากลายเป็นตัวขัดขวางเส้นทางกลายเซียนของข้า ดังนั้นข้าจะฝังตัวต้องห้ามอย่างหนึ่งเอาไว้ในร่างของพวกเจ้า ความเป็นตายของพวกเจ้ามีข้าเป็นผู้ควบคุม ในอนาคตหากข้ากลายเซียนสำเร็จ ก่อนที่ข้าจะไปจากที่นี่ ข้าจะถอนตัวต้องห้ามให้กับพวกเจ้า”
เมื่อคำพูดนี้ของหวูจี๋ได้กล่าวออกมา ประมุขเต๋าทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างหน้าถอดสี ท่าทางของมกุฎเต๋านอกนภาก็เคร่งเครียดเป็นพิเศษ
เป็นถึงประมุขเต๋าที่ยืนอยู่บนตำแหน่งสูงในจักรวาลสามโลกา ไม่ว่าใครก็ไม่ยินดีให้คนอื่นมาควบคุมชีวิตของตนเอง
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่พอใจ แต่พวกเจ้ามีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น เป็น! หรือไม่ก็ตาย!”
ระหว่างที่พูด แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวกลุ่มหนึ่งได้ปกคลุมไปทั่วตำหนัก หากใครก็ตามที่กล้าคัดค้าน เขาก็จะสังหารโดยไม่ลังเลทันที มกุฎเต๋าทั้งสองอย่างมังกรเอี๊ยงกับหวูซินที่ได้กลายเป็นซากศพไปแล้วนั้น และนั่นก็คือจุดจบของผู้คัดค้าน!
ในตำหนักตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้ง ทุกคนต่างทราบเป็นอย่างดี จุดจบของการคัดค้าน มีเพียงตายเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...