มกุฎเต๋าที่นั่งอยู่ในตำหนักนี้เป็นชายชราที่มีสายตาโหดเหี้ยม ถูกควบคุมโดยต้องห้ามที่หวูจี๋ลงไว้
ประมุขเต๋าขั้นปฐมภูมิคนหนึ่ง แม้แต่หวูจี๋ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ต่อกรกับหลัวซิว ดังนั้นหลัวซิวจึงเข้าใจทันทีที่เขาเห็นชายชราประมุขเต๋าคนนี้ว่าเป็นเพียงเหยื่อล่อเท่านั้น
“ให้ตายเถอะ เมื่อไหร่ชีวิตที่ชั่วร้ายนี้จะจบลง?”
ชายชราที่ดูน่ากลัวคนนี้ชื่อซ่งอิง เขาสามารถฝึกฝนไปสู่แดนประมุขเต๋าในฐานะผู้บำเพ็ญตนอิสระ และเขาไม่เต็มใจที่จะติดตามมกุฎเต๋าคนใด นี่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนยโส
แต่ภายใต้การคุกคามจากต้องห้ามที่มีต่อชีวิต เขาไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของหวูจี๋
นับตั้งแต่ถูกหวูจี๋สั่งให้มาที่นี่ เขาก็ใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวทุกวัน ห้าร้อยปีนั้นไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึงในแง่ของชีวิตอันยาวนานของเขา แต่เขากลับใช้ชีวิตวันหนึ่งเหมือนเป็นปีและรู้สึกเหมือนผ่านไปหลายร้อยล้านปีแล้ว
ซ่งอิงไม่ใช่คนซื่อบื่อ ผู้แข็งแกร่งที่สามารถฝึกฝนได้จนถึงระดับอย่างเขา มีใครที่สมองไม่ดีบ้าง? เขารู้ดีว่าเขาเป็นเพียงตัวหมาก และนายจ้าวซิวหลัวที่ฆ่าคนมามากมายอาจกระโดดออกมาเมื่อใดก็ได้ และมีโอกาสมากกว่าแปดส่วนที่จะฆ่าเขาทันทีอย่างงกระทันหัน!
ซ่งอิงใช่ชีวิตแบบนี้มามากพอแล้ว และบางครั้งเขาก็คิดว่าต่อต้านหวูจี๋นั้นก็ตายอยู่แล้ว อยู่ที่นี่เพื่อรอนายจ้าวซิวหลัวก็จะนำตนไปสู่ความตายด้วย เขาใจแข็งหน่อย ให้เขาตายอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อคิดเช่นนั้น ซ่งอิงก็ยังไม่มีความกล้าที่จะต่อต้านหวูจี๋จริงๆ อย่างน้อยถ้าเขาอยู่ที่นี่ เขาก็มีโอกาสรอดชีวิตอยู่เล็กน้อย
ใครจะอยากตายถ้าสามารถมีชีวิตอยู่?
นิ้วลูบไล้แหวนหยกบนนิ้วชี้ของมือขวา ดวงตาของซ่งอิงหรี่ลง หน้าที่หวูจี๋มอบให้เขานั้นง่ายมาก แค่หลัวซิวปรากฏตัว เขาจะป้อนแรงเต๋าเข้าไปในแหวนหยกนี้ และแหวนก็จะแตกเป็นชิ้น หวูจี๋จะได้รับข่าวทันที และเขาจะรอดหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาเอง
ปริภูมิด้านหน้าของซ่งอิงถูกฮีกออกอย่างเงียบ ๆ และชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำผมยาวปล่อยลงก็เดินออกมา ดวงตาคู่นั้นเย็นชา และความกดดันอันแข็งแกร่งและลึกลับได้ปกคลุมร่างเนื้อของเขา
ตอนนี้หลัวซิวเป็นมกุฎเต๋า ความกดดันจากมกุฎเต๋าทำให้ซ่งอิงซึ่งเป็นประมุขเต๋าขั้นปฐมภูมิชะงักไปชั่วขณะ
ผู้แข็งแกร่งต่อสู้ ไม่ต้องพูดถึงสีหน้าที่ชะงักแม้เพียงครู่เดียวก็เพียงพอที่จะตัดสินความเป็นตายได้แล้ว
ซ่งอิงคิดว่าเขาจะตาย แต่เมื่อเขารู้สึกตัวขึ้นมาได้ เขาพบว่าหลัวซิวไม่ได้ฆ่าเขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนรอดชีวิตจากภัยพิบัติ
หลัวซิวไม่รู้หน้าที่ที่หวูจี๋มอบหมายให้กับ ซ่งอิง แม้ว่าเขาจะรู้ เขาก็ไม่สนใจ เพราะเขามาที่นี่ในครั้งนี้เพื่อเผชิญหน้ากับเฉว่โยวและหวูจี๋ เพื่อดูผลลัพธ์ของการฝึกฝนห้าร้อยปีของเขาเอง
เขายืนอย่างเงียบ ๆ อยู่กลางอากาศ มองซ่งอิงที่กำลังนั่งอยู่ที่นั่นจนเหงื่อเย็นบนหัวของเขาซึมออกมา เขาเชื่อว่าตราบใดที่เขาปรากฏตัว หวูจี๋และเฉว่โยวก็จะมาในไม่ช้า
“ปัง!”
เสียงระเบิดดังขึ้นมา จากนั้นดวงตาของหลัวซิวก็จ้องมองไปที่มือขวาของ ซ่งอิง มองเห็นแหวนหยกระเบิดเป็นผง
แหวนหยกนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับการสื่อสารเท่านั้น เมื่อแหวนระเบิด แสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นในห้องโถง และค่ายกลต่างๆ ก็ปรากฏขึ้นในอากาศ ปิดผนึกปริภูมิทั้งหมดของห้องโถง
นี่ไม่ใช่ค่ายกลที่ดีมากนัก มันเป็นเพียงค่ายกลกับดัก แต่ระดับไม่ต่ำ แม้แต่มกุฎเต๋าก็สามารถคุมขังได้อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง
“นี่คือสิ่งที่หวูจี๋ใช้มาจัดการกับข้าเหรอ?”
หลัวซิวยังคงดูสงบ แม้ว่าจะเป็นเมื่อร้อยปีที่แล้ว หากเขาต้องการจากไป เขาเพียงแต่ใช้หักเซียนฟันครั้งหนึ่ง เขาก็จะหลุดพ้นจากไปได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าหวูจี๋รู้ดี แต่เขายังคงทิ้งวิธีการดังกล่าวไว้เบื้องหลัง ดังนั้นจุดประสงค์จึงชัดเจนโดยไม่ต้องพูด ซึ่งก็คือการใช้ผลการฝึกฝนของเขาให้หมด เพราะยิ่งดาบหักเซียนมีพลังมากเท่าไร ยิ่งต้องใช้ผลการฝึกตนมากขึ้นเท่านั้นในการกระตุ้นใช้
เมื่อระดับผลการฝึกตนของเขาหมดลงจนถึงจุดที่เขาไม่สามารถใช้ดาบหักเซียนได้ ด้วยความแข็งแกร่งของหวูจี๋ก็สามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าสมมติฐานทั้งหมดนี้ต้องมาจากหลัวซิวเมื่อห้าร้อยปีก่อน
เมื่อเทียบกับเมื่อห้าร้อยปีก่อน ตอนนี้เขามีความแข็งแกร่งที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ซ่งอิงไม่เคยคิดที่จะโจมตีหลัวซิว เพราะเขารู้ดีว่าด้วยผลการฝึกฝนในประมุขเต๋าขั้นปฐมภูมิ เขาไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของนายจ้าวซิวหลัวได้ ดังนั้นเมื่อเขาเห็นหลัวซิวถูกคุมขังอยู่ในค่ายกลกักขัง เขาเลือกที่จะหลบหนีไปในทันที
หลัวซิวคือเป้าหมายของค่ายกลกับดัก ดังนั้นซ่งอิงจะไม่ได้รับผลกระทบจากค่ายกลกับดักเลย
“เจ้าคิดว่าจะหนีไปได้เหรอ?”
ในครู่ต่อมาเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะหนีออกจากห้องโถง ก็มีเสียงเย็นชาดังมาจากด้านหลังซ่งอิง
ม่านตาของซ่งอิงเบิกกว้างและใบหน้าของเขาก็ซีดลงทันที ร่างเนื้อของเขารู้สึกเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ในฐานะประมุขเต๋า ตามหลักแล้วเขาไม่น่าจะเสียหน้าเช่นนี้ แม้ว่านายจ้าวซิวหลัวจะมีชื่อเสียงและมีพลังการต่อสู้เทียบได้กับมกุฎเต๋า แต่เขาก็ไม่สามารถทำให้เขาหวาดกลัวเช่นนี้เพียงคำหนึ่งเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ทำให้เขากลัวมากจริงๆ ก็คือห้วงสังหารอันน่าสะพรึงกลัวที่ล็อคตัวเขาไว้
ห้วงสังหารล็อคตัว ดูเหมือนง่าย แม้แต่นักยุทธ์ที่ไม่ได้ฝึกฝนวิถีแห่งการสังหารก็สามารถใช้มันได้ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถใช้วิชานี้ได้อย่างสุดขั้ว
ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา หลัวซิวได้เพิ่มผลการฝึกตนและความแข็งแกร่งของเขา แล้วยังได้ทำความเข้าใจรับดาบหักเซียนกับเหล็กเซียนชั้นกล้าอีกด้วย
เมื่อเลี่ยเทียนเห็นหลัวซิว สายตาของเขาก็หลบหลีกเล็กน้อย หากเขามีทางเลือก เขาก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับหลัวซิว แต่วิญญาณดั้งเดิมของเขาถูกลงต้องห้าม หากเขาไม่ทำตามคำขอของหวูจี๋ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะต้องตายและมันจะเป็นความตายแบบที่ถูกทำลายทั้งกายและวิญญาณจะไม่มีโอกาสกลับชาติมาเกิดอีก
“ดูเหมือนว่ามกุฎมังกรอิมจะยอมจำนนแล้ว แเผ่ามังกรก็กลายเป็นสมุนของหวูจี๋”
หลัวซิวเพียงเหลือบมองหลงอวี้และคนอื่น ๆ ยกเว้นหลงอวี้และเลี่ยเทียนซึ่งผลการฝึกตนของทั้งสองคนอยู่ในประมุขเต๋าช่วงปลาย ส่วนคนอื่น ๆ ก็ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงเลย
หลงอวี้และเลี่ยเทียนต่างก็เป็นประมุขเต๋าช่วงปลายในยุคไท่ชู เลี่ยเทียนเพิ่งฟื้นฟูถึงประมุขเต๋าช่วงกลางเท่านั้น หลังจากถูกหวูจี๋ลงต้องห้าม ด้วยความช่วยเหลือของหวูจี๋ ผลการฝึกตนก็ฟื้นฟูถึงขั้นสูง
“ในโลกยุทธ์ ผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” หลงอวี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ใช่ ผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่เป็นกฎ ชีวิตและความตายของผู้อ่อนแอล้วนขึ้นอยู่กับความคิดของผู้แข็งแกร่ง!” หลัวซิวยิ้มเบา ๆ จากนั้นก็มีแววตาเย็นชาปรากฏขึ้น “แล้วในฐานะผู้อ่อนแอ พวกเจ้าเตรียมตัวตายแล้วหรือยัง?”
“นายจ้าวซิวหลัว เจ้ามั่นใจเกินไปแล้ว แม้ว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะเทียบได้กับมกุฎเต๋า แต่เจ้าต้องออกมาจากกับดักที่ผนึกเจ้าไว้ก่อนจึงจะพูดเช่นนี้” แม้ว่าหลงอวี้จะไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธหลัวซิวมีพลังที่จะฆ่าพวกเขาจริงๆ
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นใด แค่ดาบหักเซียนเล่มนั้นหากไม่มีความแข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าก็ไม่มีใครสามารถรับได้
“ตามความปราถนาของเจ้า”
หลัวซิวไม่ได้พูดอะไรไร้สาระอีกต่อไป เขายกมือขึ้นตบออกไป ม่านแสงของค่ายกลที่ผนึกประตูตพหนักก็ระเบิดเสียงดังปัง
แรงการแตกกระจายแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปยังค่ายกลทั้งหมด ค่ายกลซึ่งมีพลังมากพอที่จะผนึกมกุฎเต๋าคนหนึ่งได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ถูกทำลายลงด้วยการตบของฝ่ามือข้างเดียว!
หลงอวี้ตกใจมากเมื่อเห็นฉากนี้ จากข้อมูลที่เขารู้และมี ความแข็งแกร่งของหลัวซิวไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือการตบเมื่อครู่ของหลัวซิวไม่ได้ใช้พลังอมตะใด ๆ แล้วยังไม่ใช้ดาบหักเซียน เขาอาศัยเพียงพลังที่กดขี่ข่มเหงอย่างสุดขีดของร่างเนื้อของเขาก็ทำได้ถึงขั้นนี้!
“นี่...”
หัวใจของหลงอวี้อดไม่ได้ที่จะกระตุกแรง เป็นมกุฎเต๋าต้องใช้เวลานับพันปี แต่นี่เพียงแค่ห้าร้อยปี เขา...เขากลายเป็นมกุฎเต๋าจริงๆ หรือ? !
ไม่เพียงแต่หลงอวี้เท่านั้น เมื่อเห็นหลัวซิวทำลายค่ายกลที่ผนึกอยู่ด้วยฝ่ามือเดียว เลี่ยเทียนก็อยากจะหันหลังกลับแล้วหนีไป
พวกเขาทุกคนรู้ว่าหลัวซิวมีเข็มทิศสาสน์เต๋า หากเขาตั้งใจที่จะฆ่าใครสักคน พวกเขาก็ไม่สามารถหลบหนีได้เลย
นอกจากนี้หากพวกเขากล้ามา พวกเขาก็มีวิธีอื่นแน่นอน เห็นเพียงหลงอวี้หยิบม้วนหยกออกมา มีอักษรจารึกอยู่บนม้วนหยก เปล่งออร่าที่แข็งแกร่งจนทำให้หัวใจสั่นสะท้านด้วยความกลัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...