มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3053

"แครก!"

ม้วนหยกถูกบดขยี้เป็นชิ้น ๆอยู่ในมือของ หลงอวี้ จากนั้ออร่าที่เย็นยะเยือกก็แผ่กระจายไปทั่วในทันที

"โฮก!"

กระแสน้ำวนสีดำปรากฏขึ้น จากนั้นสัตว์ร้ายกระดูกสีขาวขนาดยักษ์ที่ทั้งตัวส่องแสงราวกับผลึกน้ำแข็งคำรามออกมาจากกระแสวน

“เจ้ามรณะ!”

นี่คืออสูรโหดตัวหนึ่งที่มีชื่อเสียงในสมัยต้าเหยียน ว่ากันว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาในตรีภพ เมื่อเกิดมาจะมีความแข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าธรรมดา

ในยุคที่ห่างไกลนั้น อสูรโบราณเจ้ามรณะโหมกระหน่ำในจักรวาลและมีชื่อเสียงอย่างมาก จนกระทั่งในเวลาต่อมามีการกล่าวกันว่าอสูรโหดทรงพลังนี้ถูกปราบปรามโดยมกุฎมังกรอิม

ประมุขเต๋าเลี่ยเทียนค์ถือเป็นผู้ที่ค่อนข้างโบราณ ดังนั้นเขาจึงจำอสูรโบราณเจ้ามรณะนี้ได้ในทันที

ด้วยอสูรโบราณเจ้ามรณะนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเอาชนะ หลัวซิว ได้ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่มีปัญหาในการพันธนาการเขา

เลี่ยเทียนไม่อยากต่อสู้กับหลัวซิว แต่เขาต้องทำอย่างนั้น มิฉะนั้นหวูจี๋จะจุดชนวนต้องห้ามในวิญญาณของเขาและทำให้เขาตายไปอย่างแน่นอน

ในการเลือกระหว่างความเป็นและความตาย เลี่ยเทียนหักหลังคนที่ช่วยชีวิตเขาโดยไม่ลังเลใจ

เหตุผลที่อสูรโหดถูกเรียกว่าอสูรโหดก็เพราะพวกเขามีนิสัยดุร้ายอย่างยิ่ง ทันทีที่พวกมันถูกเรียกออกมา อสูรโบราณเจ้ามรณะตัวนี้ก็รีบวิ่งไปหาหลัวซิว กรงเล็บที่เหมือนกระดูกของมันแข็งมากและเทียบกับภัณฑ์เต๋าได้!

“นี่คือที่พึ่งของพวกเจ้ารึ?”

หลัวซิวมองไปที่อสูรโบราณเจ้ามรณะที่เข้ามาใกล้ด้วยแววตาที่ดูถูกเหยียดหยาม อสูรโบราณเจ้ามรณะนั้นทรงพลังจริงๆ ทุกส่วนของร่างเนื้อกระดูกสีขาวของมันสามารถเทียบกับภัณฑ์เต๋าได้ แม้ผู้แข็งแกร่งทรงพลังในระดับมกุฎเต๋า อย่างมากแค่สามารถปราบปรามมันได้มากที่สุด และไม่ง่ายที่จะฆ่ามัน

แต่ร่างเนื้อของหลัวซิวนั้นทรงพลังมากกว่าร่างเนื้อกระดูกขาวของเจ้ามรณะ แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าห้าร้อยปีต่อมาความแข็งแกร่งของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน แต่จะไม่มีใครคิดว่าเขาจะไปถึงจุดที่ทรงพลังเช่นนี้ได้

"บูม!

เขาก้าวขึ้นไปในอากาศ อนัตตาถูกบดขยี้อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา มีรอยแตกขนาดใหญ่แผ่กระจายไปทุกทิศทาง

ด้วยหมัดง่ายๆ แสงราวกับภัณฑ์เต๋าถูกใช้ควบแน่นอยู่บนหมัดของเขา แล้วชนกับกรงเล็บของอสูรโบราณเจ้ามรณะ

“แครก!”

กระดูกหักจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวออกไป กรงเล็บกระดูก ซึ่งแม้แต่ภัณฑ์เต๋าชั้นกลางก็ไม่สามารถทำลายได้ จู่ๆ ก็ถูกหมัดของหลัวซิวต่อยเป็นชิ้นๆ

อสูรโบราณเจ้ามรณะไม่มีเลือด มีเพียงกระดูกขาว แต่กรงเล็บของมันถูกทุบเป็นชิ้น ๆ ทำให้มันคำรามด้วยความเจ็บปวด พ่นลมเย็นออกมาสองครั้งจากรูจมูกของมัน และพลังเย็นเยือกก็ท่วมท้นไปทั่ว

ความสามารถที่ทรงพลังที่สุดสองอย่างของอสูรโบราณเจ้ามรณะ หนึ่งคือกระดูกสีขาวซึ่งเทียบได้กับภัณฑ์เต๋าและอีกอย่างคือพพลังเย็นเยือกซึ่งสามารถแช่แข็งทุกสิ่งได้

ตามตำนาน ไม่ว่าอสูรโบราณเจ้ามรณะจะผ่านไปที่ใดก็ตาม มันจะกลายเป็นดินแดนน้ำแข็ง

สวรรค์และโลกที่ไกลหลายหมื่นลี้ได้กลายมาเป็นโลกน้ำแข็ง พลังใด ๆ ของเกณฑ์ธรรมเวชจะถูกแช่แข็งที่นี่ เช่นเดียวกับอาณาจักรของอสูรโบราณเจ้ามรณะ

ชั้นน้ำแข็งปรากฏขึ้นบนร่างของหลัวซิว อสูรโบราณเจ้ามรณะโบกมือกรงเล็บอีกข้างของมันแล้วตบเขาอย่างดุเดือด

"ปัง!"

ผลึกน้ำแข็งระเบิดอยู่บนร่างของหลัวซิว แล้วกระเซ็นไปทุกที่ แม้ว่าพลังเยือกแข็งนี้จะทรงพลังแต่ก็ไม่เพียงพอที่จะแช่แข็งร่างเนื้อที่ทรงพลังเท่ากับภัณฑ์เต๋าชั้นยอดได้

หมัดที่สองของหลัวซิวกระแทกเข้ากับกรงเล็บหน้าอีกข้างของอสูรโบราณเจ้ามรณะ กระดูกขนาดใหญ่กระเด็นออกไปข้างหลัง เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของสัตว์ร้ายที่ดุร้ายนี้ดังไปทั่ว

"เป็นไปไม่ได้!"

ดวงตาของหลงอวี้และเลี่ยเทียนเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าหลัวซิวแข็งแกร่งมาก แต่เหตุผลที่เขาสามารถเข้าถึงระดับระดับมกุฎเต๋าได้นั้นส่วนใหญ่มาจากดาบหักเซียนชั่วร้ายเล่มนั้น

แต่ในขณะนี้ เขาไม่ได้ใช้ดาบหักเซียนด้วยซ้ำ เขาใช้เพียงพลังของร่างเนื้อเพื่อปราบปรามสัตว์ร้ายโบราณเจ้ามรณะซึ่งเทียบได้กับมกุฎเต๋าโดยไม่มีการต่อต้านใด ๆ เลยหรือ?

หลงอวี้และเลี่ยเทียนมองหน้ากัน ทั้งคู่ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น พวกเขาแน่ใจว่าทุกคนประเมินหลัวซิวต่ำเกินไป ดูถูกนายจ้าวซิวหลัวคนนี้ที่ฆ่าฟันจนมีชื่อเสียง

แม้ว่าจะไม่ใช่ดาบหักเซียน แต่ความแข็งแกร่งของนายจ้าวซิวหลัวก็ยังอยู่ในระดับมกุฎเต๋าอย่างแน่นอน อาจจะใกล้เคียงกับมกุฎเต๋าขั้นสุดยอด!

ต้องใช้เวลาหลายพันปีในการบรรลุเป็นมกุฎเต๋า ห้าร้อยปีก็เข้าใกล้ พื่อเข้าใกล้มกุฎเต๋าขั้นสุดยอด จะมีปีศาจที่เก่งกาจเช่นนี้ในโลกนี้ได้อย่างไร?

เลี่ยเทียนไม่กล้าลังเลอีกต่อไป เขาหันหลังเพื่อหนี หลงอวี้ตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อเขาก็อยากจะหนี ร่างหนึ่งก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

เทเลพอร์ต! ไร้ลักษณ์ไร้รูป หลงอวี้ไม่ได้สังเกตเห็นอะไรเลย หวาดกลัวมากจนขนบนร่างกายของเขาลุกซู่

“วิถีไม่เหมือนกันก็ไม่เป็นเพื่อนกัน”

หลัวซิวไม่มีเจตนาที่จะแสดงความเมตตาชื่อเสียงของนายจ้าวซิวหลัวนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อเรียกเฉยๆ แค่เป็นศัตรูกับตนเอง ทางเลือกส่วนใหญ่ที่เขาทำคือการฆ่า!

หลงอวี้อยากจะต่อต้าน แม้ว่าเขาจะตาย เขาก็อยากจะต่อสู้ แต่ระยะห่างระหว่างเขากับหลัวซิวนั้นใกล้เกินไป ก่อนที่เขาจะใช้ผลการฝึกตนของเขา พลังอาณาจักรที่น่าสะพรึงกลัวก็เข้าปราบปรามเขาโดยตรง ไม่แม้แต่จะสามารถขยับนิ้วได้

ไม่เพียงแต่ร่างกายของเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แม้แต่ผลการฝึกตนของเขาก็ไม่สามารถใช้ได้ เขาได้สูญเสียทุกอย่างในการต้านทานไป

หลัวซิวเดินไป ยกนิ้วขึ้นอย่างใจเย็น และเจาะตรงกลางคิ้วของ หลงอวี้โดยตรง

“ไม่!”

เสียงคำรามอย่างไม่ยอมของหลงอวี้ก่อนตายดังก้องไปทั่ว ชาติที่แล้วเขาตายไปพร้อมเลี่ยเทียน ชาตินี้เป็นเพียงกลับชาติมาเกิดยังไม่ถึงสองพันปี เขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน!

หยวนคุนคนนี้อาจไม่ฉลาดนัก แต่พรสวรรค์ของเขาเก่งกาจมาก ร่างเทวอลวนเป็นร่างเนื้อที่ทรงพลังมากและมีเพียงไม่เกินสามคนเท่านั้น ตั้งแต่โบราณกาลจนถึงตอนนี้

“หวูจี๋ให้พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อต่อสู้กับข้า?”

หลัวซิวมองคนทั้งหกคนแล้วพูดในใจว่าทั้งฉินจ้านและตู๋กูได้ช่วยชีวิตเขาและช่วยเหลือเขา หากเป็นไปได้ เขาไม่อยากต่อสู้กับพวกเขาจริงๆ

“พี่ฉิน แม้ว่าเจ้าได้เข้าสู่แดนมกุฎเต๋าแล้ว แต่เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” หลัวซิวสังเกตเห็นผลการฝึกฝนของฉินจ้านได้

ในอดีต หวูจี๋ควบคุมผลการฝึกฝนในการบรรลุของฉินจ้านมาโดยตลอดเพื่อป้องกันไม่ให้เขากลายเป็นมกุฎเต๋าและออกจากการควบคุมของเขา

ตอนนี้หวูจี๋บรรลุแดนกึ่งเซียนแล้ว แม้ว่าฉินจ้านจะเข้าสู่แดนมกุฎเต๋า แต่เขาก็ยังสามารถควบคุมเขาได้อย่างสมบูรณ์

แม้กระทั่งจะได้รับความช่วยเหลือจากราชาเซียนเฉว่โยว เขาก็ได้ลงต้องห้ามไว้ในวิญญาณดั้งเดิมของฉินจ้าน สำหรับลูกศิษย์อย่างหยวนคุนที่อุทิศตนให้กับหวูจี๋ โดยธรรมชาติแล้วเขาไม่จำเป็นต้องใช้ต้องห้ามเพื่อควบคุมเขา

แน่นอนว่าฉินจ้านเข้าใจคำพูดของหลัวซิวเป็นความจริง เพราะเขาสัมผัสได้ว่าหลัวซิวได้เข้าสู่แดนมกุฎเต๋าแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานซึ่งเป็นภูตเซียนตั้งแต่เกิด แต่เขาก็ยังคิดว่าในแดนเดียวกันเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวซิวอย่างแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงว่าคู่ต่อสู้ยังมีดาบโลหิตหักเซียนเล่มหนึ่งอยู่ในมือด้วย!

ในบรรดาศิษย์หกคนของหวูจี๋ เขาเป็นคนเดียวที่บรรลุถึงแดนมกุฎเต๋า อีกห้าคนที่เหลือล้วนเป็นประมุขเต๋า รวมถึงตู๋กูซึ่งได้กลายเป็นประมุขเต๋าแล้วด้วย

“ใครๆ ก็โอ้อวดได้ ข้าอยากเห็นว่าเจ้ามีความสามารถอะไร!” ต่างจากฉินจ้าน หยวนคุนกระตือรือร้นอยากจะลองเล็กน้อย

แม้ว่าเขาจะมีเพียงระดับผลการฝึกตนของประมุขเต๋าขั้นปฐมภูมิ แต่เขาก็ได้เดินตามเส้นทางแห่งโลกยุทธ์ที่เชี่ยวชาญกลั่นร่าง ร่างเทวอลวนได้รับการฝึกฝนโดยเขาจนถึงระดับของภัณฑ์เต๋าชั้นสูงและความแข็งแกร่งของเขาสามารถท้าทายมกุฎเต๋าได้

เมื่อหยวนคุนกำลังจะโจมตี ฉินจ้านโบกมือห้ามเขา ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ศิษย์น้องสาม เขาพูดถูก เจ้าและข้าไม่ใช่คู้ต่อสู้ของเขา”

แม้ว่าหยวนคุนจะจองหอง แต่เขาก็ยังคงนับถือศิษย์พี่คนนี้ หลัวซิวทำได้เพียงทำให้เขาโกรธเมื่อเขาพูดสิ่งเดียวกัน แต่เมื่อฉินจ้านพูด เขาก็เลือกที่จะเชื่อ

จองหองไม่ได้หมายความว่าโง่เขลาจริง ๆ แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ ชายคนนี้มีเก่งกาจขนาดนั้นจริงเหรอ?

“ถ้าเป็นไปได้ ทั้งตู๋กูและข้าไม่อยากเป็นศัตรูของเจ้า แต่โชคชะตาเป็นเช่นนี้ โชคชะตามีทางของมัน เจ้าไม่จำเป็นต้องออมมือในการต่อสู้ครั้งนี้”

ฉินจ้านถอนหายใจ ทันใดนั้นสายตาของเขาก็หนักแน่นขึ้น เขามองตรงไปที่หลัวซิว

ตู๋กูกำกระบี่ในมือของเขาแน่น เขามองไปที่หลัวซิว พร้อมพยักหน้า ไม่มีคำพูดใด ๆ แต่มีค่ามากกว่าหนึ่งพันคำ

“ตั้งค่าย!”

ฉินจ้านตะโกนเบา ๆ และอีกห้าคนก็กลายเป็นลำแสงและบินไปในห้าทิศทางที่แตกต่างกัน

แน่นอนหวูจี๋รู้ด้วยว่าศิษย์ทั้งหกของเขาไม่สามารถเอาชนะหลัวซิวได้ ดังนั้นเขาจึงมอบค่ายกลไว้ ด้วยความแข็งแกร่งของฉินจ้านทั้งหก ค่ายกลจึงเพียงพอที่จะต่อกรกับมกุฎเต๋าชั้นนำ

ยิ่งไปกว่านั้น การวางแผนของหวูจี๋จะเรียบง่ายขนาดนี้ได้อย่างไร? มกุฎเต๋าที่เขาควบคุมความเป็นตายด้วยเต้องห้ามก็มุ่งหน้ามาที่นี่เช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ