โดยมีฉินจ้านเป็นผู้นำหลัก ค่ายกลระดับมกุฎเต๋าถูกสร้างขึ้นมาสำเร็จในทันที
ระยะที่ครอบคลุมโดยค่ายกลนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก พื้นที่หนึ่งหมื่นลี้ถูกปิดกั้นโดยค่ายกลนี้ แสงค่ายกลจำนวนนับไม่ถ้วนเติมเต็มอนัตตาเปล่งรัศมีที่กว้างใหญ่และลึกลับ
ทำลายค่ายกลระดับมกุฎเต๋าระดับสูงไม่ใช่เรื่องง่าย ร่างของหลัวซิวตกลงมาจากท้องฟ้าและเหยียบลงบนพื้นด้วยเท้า
หลัวซิวยังมีความสำเร็จที่ดีในวิถีค่ายกล ดังนั้นเพียงแค่ชำเลืองดูเขาจึงเข้าใจหลักการทำงานของค่ายกลนี้อย่างคร่าว ๆ
นี่คือค่ายกลสังหารขนาดใหญ่ มีเพียงตำแหน่งที่พวกฉินจ้านทั้งหกคนยืนอยู่เท่านั้นที่จะทำลายค่ายกลได้
แม้ว่าทั้งหกคนจะครอบครองคนละด้าน แต่พวกเขาสามารถระดมพลังของค่ายกลได้ตามต้องการ ไม่ว่าหลัวซิวจะพุ่งไปหาใคร เขาก็จะถูกสังหารด้วยพลังของค่ายกลทั้งหมด
บูม!
ทันใดนั้นแผ่นดินก็สั่นสะเทือนและมีรอยเท้าเหลืออยู่บนดินแดนอันกว้างใหญ่ แผ่นดินรอบ ๆ รอยเท้านั้นแตกร้าวอย่างน่าตกตะลึง
ร่างของหลัวซิวเร็วราวกับสายฟ้า พุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่ หยวนคุน เฝ้าอยู่
“มาได้ดี!”
หยวนคุนอยากแข่งขันกับหลัวซิวมานานแล้ว และเมื่อเขาเห็นหลัวซิวพุ่งตรงมาหาเขา มันก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ
ไม่ต้องพูดถึงว่าพลังการต่อสู้ส่วนตัวของเขาเทียบได้กับมกุฎเต๋า หากควบคู่ไปกับความแข็งแกร่งแห่งพลังของค่ายกลทั้งหมดพลังการต่อสู้ของเขาก็สามารถเทียบเคียงได้กับมกุฎเต๋าขั้นสุดยอด ด้วยพลังของร่างเทวอลวน ร่างเนื้อ ใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อีก?
สำหรับดาบหักเซียนที่น่าอัศจรรย์ที่ลือกัน หยวนคุนไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย เขาเชื่อว่าแม้ว่าร่างเทวอลวนของเขาจะไม่สามารถต้านทานได้ แต่เขาจะไม่ถูกฆ่าตายอย่างรวดเร็วแน่นอน
หลัวซิวไม่มีความตั้งใจที่จะใช้ดาบหักเซียน เว้นแต่เขาจะพบกับคู่ต่อสู้ที่ไม่สามารถต่อสู้ด้วยความแข็งแกร่งของตนเอง โดยทั่วไปเขาจะไม่ใช้พลังของวัตถุภายนอก เพราะการเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเองเท่านั้นที่เป็นการฝึกฝนที่แท้จริง เมื่อนั้นจึงจะได้รับรู้แจ้งและก้าวต่อไปบนเส้นทางแห่งวิถียุทธ์ได้ไกล
“ตราเบญจธาตุสูญพันธุ์!”
หลัวซิวใช้มือกระตุ้นใช้เซียนชั้นฟ้าพลังอมตะ และเขาได้ปะทะกันครั้งแรกกับร่างเทวอลวนของ หยวนคุน ในเวลาสั้นๆ
"อะไร!?"
เสียงร้องด้วยความประหลาดใจดังขึ้น และครู่ต่อมาร่างเนื้อของหยวนคุนก็กระเด็นออกไป เลือดพุ่งออกมาจากปากของเขา เนื้อและเลือดบนร่างเนื้อของเขาก็ระเบิดทีละนิ้ว ร่างเนื้อของเขาเต็มไปด้วยเลือดเหมือนคนที่เปื้อนเลือด ออร่าอ่อนแอมาก อัคคีแห่งชีวีเปรียบเสมือนเปลวไฟริบหรี่ที่จะดับลงเมื่อใดก็ได้
ไม่มีใครคาดิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น ทุกคนรวมถึงฉินจ้านมองว่าหลัวซิวเป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังทัดเทียมกับมกุฎเต๋าขั้นสุดยอด
แต่แม้แต่มกุฎเต๋าขั้นสุดยอดก็ยังไม่สามารถทำร้ายหยวนคุนผู้ซึ่งได้รับการเสริมพลังให้กับตนเองจากพลังแห่งมหาค่ายได้อย่างจริงจังจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบเสียชีวิตในการต่อสู้กันเพียงครั้งเดียว
ไม่ต้องสงสัยเกี่ยวกับพลังของร่างเทวอลวน แต่ร่างเนื้อที่ทรงพลังเช่นนี้เป็นเพียงเรื่องตลกต่อหน้าหลัวซิว ไม่น่าพูดถึงเลยว่าอ่อนแอเหมือนไก่กับสุนัข!
“ข้าบอกว่าเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ข้า”
หลัวซิวส่ายหัว หลังจากฝึกฝนมานานกว่าร้อยปีในโลกคุกเซียนเขาก็เป็นคนที่สามารถฆ่าเซียนชั้นฟ้าระดับสูงด้วยผลการฝึกฝนในระดับเดียวกัน!
หยวนคุนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเกือบเสียชีวิต เขาถูกปกคลุมไปด้วยเลือดและเกือบจะไม่มีร่างมนุษย์อีกต่อไป ตำแหน่งที่เขาเฝ้านั้นทลายลงไป ค่ายกลทั้งหมดก็พังทลายลงตามธรรมชาติ
ฉินจ้านเงียบ ในขณะที่ตู๋กูรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย อาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้นำของหลัวซิว เขาเห็นการเติบโตของชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งคนนี้ทีละก้าว ทุกย่างก้าวมีพลังและครอบงำทำให้โลกตกตะลึง
“หลัวซิว!”
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในอากาศ จากนั้นหลัวซิวก็เห็นผู้หญิงที่มีรูปร่างบอบบางงดงาม ร่างนั้นปรากฏขึ้นในม่านสีดำอย่างพร่ามัว มกุฎมังกรอิม!
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลัวซิวได้เห็นมกุฎมังกรอิม นางเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในบรรดาสามโลกามกุฎเต๋า ร่างที่แท้จริงของนางคือเทพมังกรไท่ชู ที่กำเนิดขึ้นในธรรมเวชไท่หยินดั้งเดิมเมื่อตรีภพแบ่งแยกหยินและหยาง
หลัวซิวรู้จากจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์แล้วว่า มกุฎมังกรเอี๊ยงถูกหวูจี๋สังหาร เขาจำได้ว่าเมื่อถูกค้นพบในวังทะยานเซียน เมื่อเขาเผชิญหน้ากับมกุฎมังกรเอี๊ยงที่แข็งแกร่ง เขาต้องใช้พลังของดาบหักเซียนถึงจะต่อสู้ดับเขาได้
เวลาเปลี่ยนไป ห้าร้อยกว่าปีผ่านไป เมกุฎมังกรเอี๊ยงตายแล้ว เมกุฎมังกรอิมยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในสายตาของเขา พวกเขาไม่ใช่มกุฎเต๋าที่สูงส่งเอื้อมไม่ถึงอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นผลการฝึกตนหรือในด้านของความแข็งแกร่ง เขาก็ยืนอยู่ในตำแหน่งของมกุฎเต๋าและยังเหนือกว่ามกุฎเต๋าเหล่านั้นที่มีชีวิตอยู่ในโลกมาเป็นเวลานานด้วยซ้ำ
นับตั้งแต่เกิดภัยพิบัติขึ้นในสามโลกา มกุฎเต๋าหลายคนก็ตายลงทีละคน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มกุฎเต๋าเหล่านี้มีชีวิตรอดมานานเกินไป พวกเขาวางแผนต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงโอกาสที่จะกลายเซียน ในมือของแต่ละคน มีเลือดและวิญญาณบริสุทธิ์ที่ตายอยู่ในมือนับไม่ถ้วน
เพื่อความอยู่รอด มกุฎมังกรอิมได้ละทิ้งศักดิ์ศรีอันเย่อหยิ่งของนางและให้หวูจี๋ลงต้องห้ามให้นาง ความเป็นตายไม่อยู่ในมือ หลัวซิวไม่คิดว่านางมีอะไรต้องละอายใจเพราะเรื่องนี้ก็เป็นหนทางแห่งการเอาชีวิตรอดอย่างหนึ่ง
เพื่อความอยู่รอด วิธีการใดๆ ก็ไม่ได้เกินจริง แต่ความตั้งใจเดิมของทุกคนแตกต่างกัน และเมื่อต้องเผชิญกับการตัดสินใจของความเป็นและตาย ทางเลือกที่พวกเขาทำก็แตกต่างกันเช่นกัน
มกุฎมังกรอิมไม่ได้พูดอะไร หอกยาวเหมือนแกะสลักด้วยหยกขาวปรากฏอยู่ในมือเรียวของนาง พพลังไท่หยินสีดำอันไม่มีที่สิ้นสุดรวมตัวกันที่ปลายหอกราวกับดวงอาทิตย์สีดำ
“ปะทะราบ!”
มกุฎมังกรอิมก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและรูปร่างที่สง่างามของนางก็มาตรงหน้าหลัวซิว หอกหยกสีขาวหยกฉีกปริภูมิสีดำออกจากกันและทำลายล้างอุปสรรคที่ขวางอยู่ตรงหน้าทั้งหมด
าณาจักรไร้ลักษณ์ สรรพวิถีล้วนว้าง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...