มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3055

ห้วงดารากว้างใหญ่และจักรวาลนั้นไร้ที่สิ้นสุด หลัวซิวขับเข็มทิศสาสน์เต๋าหลบหนีไป ตราบใดที่เขาอยากจากไปไม่มีใครสามารถห้ามเขาได้

เมื่อถูกหลัวซิวพาตัวไป ฉินจ้านและตู๋กูก็ไม่ได้ต่อต้านเลย เพราะทั้งคู่รู้ว่าหลัวซิวไม่มีเจตนาจะฆ่าพวกเขา

“หลัวซิว เจ้าฆ่าข้าดีกว่า”

บนเข็มทิศสาสน์เต๋า ล้อมรอบไปด้วยห้วงดาราอันมืดมิด ในบางครั้ง อุกกาบาตจะตกลงมาผ่านความมืดในระยะไกลและนำแสงจาง ๆ มาสู่จักรวาลที่แห้งแล้งนี้

คนแรกที่ทำลายความเงียบคือตู๋กู เขาถอนหายใจ นั่งขัดสมาธิบนเข็มทิศสาสน์เต๋าพลิกมือแล้วหยิบขวดเหล้าออกมาจิบสองอึกใหญ่ พร้อมกับแววตาเหนื่อยล้า

“เหตุใดเจ้าถึงให้ข้าฆ่าเจ้า?”หลัวซิวเหลือบมองตู๋กู แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาที่จะทำแบบนั้น

ไม่ว่าจุดประสงค์ของหวูจี๋คืออะไร หลัวซิวยังคงเคารพเขาในฐานะอาจารย์ก่อนที่พวกเขาจะเป็นศตรูกันจริงๆ

หลัวซิวก็มีความรู้สึกต่อตู๋กูเช่นกัน ในช่วงเวลาที่อยู่ที่อาณากระบี่หวูจี๋นั้น อดีตศิษย์พี่คนนี้เคยช่วยเหลือเขามามาก

“จะมีชีวิตอยู่แบบนี้เพื่ออะไร?”

คราวนี้เป็นฉินจ้านที่พูด เขาก็ถอนหายใจเหมือนกัน คว้าขวดเหล้าจากมือตู๋กูและดื่มลงไปอึกใหญ่ เหล้าหกออกมาจากมุมปากของเขา

“ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีนั้นอาจารย์เป็นผู้มอบให้ แม้ว่าอาจารย์จะถือว่าเราเป็นเพียงหมาก แต่นี่คือชะตากรรมของเรา บุญคุณของอาจารย์ก็เหมือนกับภูเขา เราจะตอบแทนมันได้ด้วยชีวิตของเราเท่านั้น” ตู๋กูหยิบเหล้าอีกขวดหนึ่งออกมาแล้วถอนหายใจ

จากการถอนหายใจของเขา หลัวซิวรู้สึกได้ถึงความไม่ยอม เพราะไม่มีใครอยากเป็นหมาก แล้วยังเป็นหมากที่อาจถูกทอดทิ้งได้ตลอดเวลา

แต่ตู๋กูและ ฉินจ้านรู้เรื่องนี้ แต่พวกเขายังคงเลือกที่จะยอมรับชะตากรรมของพวกเขา เพราะหวูจี๋มอบทุกสิ่งให้พวกเขา ไม่ว่าหวูจี๋จะเป็นอย่างไร ในใจของพวกเขาก็ถือว่าหวูจี๋เป็นอาจารย์ของพวก

เมื่อเปรียบเทียบกับหลัวซิวแล้ว ตู๋กูและฉินจ้านติดตามหวูจี๋มาเป็นระยะเวลานานกว่า ฉินจ้านเป็นลูกศิษย์คนแรกที่หวูจี๋รับ และหวูจี๋มักจะปฏิบัติต่อลูกศิษย์ของเขาเป็นอย่างดี

ดังนั้นทั้งสองคนจึงมีความภักดีที่โง่เขลานี้ แต่หลัวซิวกลับไม่ทำเช่นนั้น เพราะเขาไม่เคยฝืนใจตนเองเพื่อทำสิ่งต่าง ๆ และสิ่งที่ใจเขาเกลียดที่สุดคือคนอื่นที่พยายามควบคุมชะตากรรมของเขา

ชะตากรรมของข้า ควบคุมได้ด้วยตนเองเท่านั้น นี่คือสิ่งสำคัญของหลัวซิว เมื่อทำทุกอย่างหรือเผชิญหน้ากับผู้อื่น!

เขายังให้ความสำคัญกับความรักและความยุติธรรมเป็นอย่างมาก แต่เขาจะไม่ผูกพันกับความรู้สึกและจะไม่ละเมิดหัวใจของตนเองเพราะความรู้สึก

มีคำพูดในโลกมนุษย์ว่าอย่าลืมความตั้งใจเดิมของตน หลัวซิวรู้สึกว่าความตั้งใจเดิมนี้หมายถึงหัวใจที่แท้จริง

ในชีวิตวิถียุทธ์อันยาวนาน ผู้แข็งแกร่งบางคนมีชีวิตรอดได้นานเกินไป แล้วลืมความตั้งใจเดิมของตนที่เข้าสู่วิถียุทธ์ไปนาแล้ว โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาก็ลืมความตั้งใจที่แท้จริงของพวกเขาไปด้วย

แต่หลัวซิวไม่เคยลืม และเขาจะไม่มีวันลืมว่าเหตุผลที่เขาเริ่มต้นเส้นทางการฝึกยุทธ์อย่างแน่วแน่คือการเปลี่ยนชะตากรรมอันต่ำต้อยเนื่องจากการเกิดของเขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้รับลูกแก้วความเป็นตาย เขาหวงแหนโอกาสในการเริ่มต้นใหม่ ดังนั้นเขาจึงต้องควบคุมชะตากรรมของตนเอง

เขาจะไม่เป็นเหมือนไท่ซ่างฉิงในชาติก่อน โชคชะตาของเขาไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป แต่ภายใต้การควบคุมของหวูจี๋ เขาจะก้าวไปยังเส้นทางความตายทีละก้าว จนกระทั่งเขาตื่นขึ้นมาในชาตินี้เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าเขาในชาติก่อนมีความเสียใจมากมายและทำให้คนมากมายผิดหวังเสียใจ

ดังนั้นในชีวิตนี้ หลัวซิวจะไม่ยอมให้หวูจี๋ควบคุมชะตากรรมของเขาอีกต่อไป

“อันที่จริงำวก เจ้าตายไปแล้ว” หลัวซิวพูดขึ้นมาอย่างกระทันหัน

"ตายแล้ว?"

ฉินจ้านและตู๋กูอดไม่ได้ที่จะหยุดดื่มและมองไปที่หลัวซิวด้วยความงุนงง

“หัวใจของพวกเจ้าตายไปแล้ว และสิ่งที่มีชีวิตก็เป็นเพียงร่างเนื้อเท่านั้น พวกเจ้ายังจำได้ไหมว่าเหตุใดพวกเจ้าถึงฝึกฝนวิถียุทธ์?” หลัวซิวจ้องไปที่ทั้งสองคน

แม้ว่าเวลาที่บวกกันของเขาในการฝึกฝนในชาติที่แล้วและชาตินี้จะน้อยกว่าทั้งสองคนมาก ในแง่ของสภาพจิตใจ เพราะพวกเขามีชีวิตอยู่นานเกินไป ฉินจ้านและตู๋กูจึงลืมความตั้งใจของตนไปอย่างง่ายดาย

ฉินจ้านและตู๋กูตะลึง เพราะเมื่อหลัวซิวถามคำถามนี้ พวกเขาก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานมากแล้ว

กี่พันล้านปีที่แล้ว? ไม่ว่าวิญญาณจะมีแข็งแกร่งแค่ไหน ความทรงจำที่นานเกินไปก็เบลอแล้ว หรือค่อยๆ จางหายไปแล้วถูกลืมไป

ตำนานเล่าว่ามีคนถูกขังอยู่ในความมืดมิดอันไม่มีที่สิ้นสุด หลายปีผ่านไป เขาก็ลืมไปว่าตนเองเป็นใครและเหตุใดถึงถูกขังอยู่ที่นี่...

แม้ว่าฉินจ้านและตู๋กูจะไม่ถึงระดับนี้ แต่ก็เป็นเหตุผลเดียวกัน ชั่วขณะหนึ่ง พวกเขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าเหตุใดตอนนั้นพวกเขาถึงฝึกวิถียุทธ์

คนแรกที่จำขึ้นมาได้คือตู๋กู ดวงตาของเขาเปลี่ยนจากสับสนเป็นสดใสและเผยให้เห็นถึงความกระตือรือร้น

“ข้าอยากเป็นผู้แข็งแกร่ง ไม่อยากถูกรังแกจึงเลือกฝึกฝนวิถียุทธ์” เป็นช่วงเวลาที่แทบจะทนไม่ไหวที่จะมองย้อนกลับไป เดิมทีตู๋กูไม่ใช่ชื่อนี้ ต่อมาเมื่อเขาเข้าสู่วิถียุทธ์ เขาตั้งชื่อตนเองว่าตู๋กู เพราะเขารู้สึกว่าเส้นทางของนักยุทธ์ผู้แข็งแกร่งถูกกำหนดให้อยู่คนเดียวและโดดเดี่ยว

การนึกถึงอดีตดูเหมือนจะปลุกหัวใจที่แท้จริงของตู๋กูขึ้นมา ทำให้ร่างเนื้อที่ไร้ชีวิตชีวาของเขาเต็มไปด้วยชีวิตชีวาในทันใด

“ข้าอยากให้โลกนี้ไม่บดบังดวงตาของข้าอีกต่อไป ข้าอยากให้โลกนี้ไม่สามารถซ่อนรากของข้าได้อีกต่อไป ข้าอยากให้สวรรค์หายไป!”

ทันใดนั้น ฉินจ้านก็ลุกขึ้นยืนเหมือนเป็นบ้าไปแล้วและคำรามเสียงดังบนห้วงดาราอันมืดมิด ราวกับว่าเขาได้ใช้กำลังจนหมด

ลึกลงไปในความทรงจำอันยาวนานที่ปิดผนึก เด็กชายตัวเล็ก ๆ ในชุดขาด ๆ ยืนอยู่บนดินแดนแห้งแล้ง หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและไม่เต็มใจต่อความอยุติธรรมของโลก และเขาก็ตะโกนต่อท้องฟ้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ