ตัวต้องห้ามของฉินจ้านท่ามกลางวิญญาณดั้งเดิมเป็นฝีมือของราชาเซียนเฉว่โยว ในฐานะผู้แข็งแกร่งระดับราชาเซียน วรยุทธ์กลั่นวิญญาณที่เฉว่โยวฝึกตนนั้น ย่อมอยู่ในระดับที่สูงมากเป็นธรรมดา
ทั่วทุกสารทิศของดาราจักรวาล ตัวต้องห้ามประเภทนี้ไม่มีผู้ใดสามารถแก้ได้ นอกเสียจากจะเป็นผู้ที่วรยุทธ์ฝึกตนกลั่นวิญญาณที่มีระดับสูงกว่าระดับราชาเซียน
แต่ยิ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในด้านของหลัวซิวนี้มันกลับกลายเป็นความเป็นไปได้ สิ่งที่เรียกว่าวรยุทธ์กลั่นวิญญาณระดับราชาเซียนเมื่ออยู่ต่อหน้าต้องห้ามภูตเซียนไท่ซ่าง มันไม่คู่ควรที่จะพูดถึงด้วยซ้ำไป
ตัวต้องห้ามที่มีลักษณะเป็นอักษรฮู้สีเลือด ถูกหลัวซิวใช้ระยะเวลาสามเดือนกว่า จึงจะสามารถสกัดออกมาจากตัวหยั่งรู้ของฉินจ้านได้
หลังจากความรู้สึกที่ถูกคนอื่นควบคุมความเป็นความตายไว้ในมือเช่นนี้ได้จางหายไป แม้แต่ตัวของฉินจ้านเอง ยังไม่กล้าที่จะเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดนี้คือความจริง
“สหายหลัว บุญคุณอันใหญ่หลวง ครานี้ข้าฉินจ้านจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต!”
ฉินจ้านรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้ของตนจะมีความรู้สึกสงบ ชัดเจน เป็นอิสระ เช่นนี้ได้
เขาเรียกคืนจิตดั้งเดิมกลับมา หลุดพ้นออกจากพันธนาการของหวูจี๋ เป็นดังที่หลัวซิวได้พูดไว้ ฉินจ้านในอดีตได้ตายไปแล้ว เขาจะกลายเป็นฉินจ้านที่เกิดใหม่ เดินต่อไปบนเส้นทางแห่งโลกยุทธ์ในภายภาคหน้า ด้วยทัศนคติใหม่ทั้งหมด
บุญคุณแห่งมอบชีวิตใหม่นี้ ยิ่งใหญ่เกินกว่าความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์ลูกศิษย์ในอดีตเสียอีก ฉินจ้านไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องตอบแทนอย่างไร
“เฮียฉินพูดเกินไปแล้ว ในตอนนั้นที่ข้ายังอ่อนแอมาก ๆ พวกท่านต่างก็เป็นผู้ช่วยชีวิตของข้า” หลัวซิวจับไหล่ของฉินจ้านกดเอาไว้ ห้ามไม่ให้เขาลุกขึ้นมาทำความเคารพตน
“จะได้อย่างไรกันเล่า?” ฉินจ้านส่ายศีรษะไปมา เขารู้สึกว่าบุญคุณในครั้งนี้ ไม่อาจตอบแทนได้หมด
“ถึงขนาดที่ข้าเรียกท่านว่าเฮียแล้ว เหตุใดท่านจึงยังเกรงใจเช่นนี้อีก?” หลัวซิวหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว “หากว่าท่านเห็นว่าหลัวซิวผู้นี้คู่ควร เช่นนั้นนับจากวันนี้พวกเราก็คือพี่น้อง ระหว่างพี่น้อง จำเป็นต้องพูดขอบคุณด้วยหรือ?”
ชาติก่อนรวมถึงชาตินี้ เพื่อนที่อยู่รอบกายของหลัวซิวนั้นมีมากมาย แต่ผู้ที่สามารถเรียกว่าพี่น้องได้นั้นกลับมีไม่กี่คน
วินาทีที่ฉินจ้านและตู๋กูเรียกคืนจิตดั้งเดิมกลับมาได้ ในใจก็เกิดวิถีของตนเองขึ้น ส่งเสียงโอคควาญจากก้นบึ้งของจิตใจที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจต่อโชคชะตา สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวราวกับได้เห็นตนเองในอดีต
เมื่อก่อนเขาเป็นเช่นนี้ไม่ใช่เหรอ?
และเป็นเพราะความคุ้นเคยนี้เอง การต่อสู้เพื่อที่จะควบคุมชะตากรรมของตัวเอง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้หลัวซิวเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจทั้งคู่
พี่น้อง?
ฉินจ้านชะงักไปเล็กน้อย ฝึกตนมานานนับแสนนับหมื่นปี เขาแทบจะไม่จำไม่ได้แล้วว่าพี่น้องคืออะไร เมื่อเวลาผ่านไปสักพักเขาก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าสองคำนี้มันมีความหมายว่าอย่างไร
เมื่อเขานึกขึ้นมาได้ สายตาของฉินจ้านก็พลันสั่นไหว เขานึกถึงช่วงเวลาที่เขาเดินทางในห้วงดารา เห็นการต่อสู้หนึ่งระหว่างนักยุทธ์
นั่นคือเทพมารระดับสามสองคนถูกเทพมารระดับสี่คนหนึ่งไล่ฆ่า หนึ่งในเทพมารระดับสามนั้นคอยรั้งอยู่ข้างหลัง และปล่อยให้เพื่อนของเขาหนีไป โดยตั้งใจเอาไว้แล้วว่าเขาจะต้องตายอยู่แล้ว
แต่สหายของเขาก็ไม่ได้จากไป แต่พูดว่า “พวกเราคือพี่น้อง! พวกเราเคยสาบานเอาไว้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเกิดในวันเดือนปีเดียวกัน ขอเพียงแค่ตายในวันเดือนปีเดียวกัน!”
ด้วยคำว่าพี่น้องของคนทั้งสอง ต่างไม่มีใครยอมหนีออกไป สุดท้ายทั้งสองต่างก็ตายด้วยมือของเทพมารระดับสี่ท่านนั้น
ฉินจ้านในตอนนั้นไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะว่าแต่เดิมแล้วเข้าไม่มีความคิดเกี่ยวกับพี่น้องแต่อย่างใด และไม่เข้าใจด้วยว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าพี่น้อง
ภายในโลกของนักยุทธ์นี้ ความสัมพันธ์ประเภทพี่น้องนั้นมันเปราะบางเสียยิ่งกว่าสิ่งใด ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบานต่างนามสกุลเลย แม้แต่ลูกพ่อเดียวกันแต่เพื่อผลประโยชน์ก็กลับเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่ทุกเวลาทุกสถานที่
แต่กับหลัวซิวนั้นไม่เหมือนกัน เมื่อเขาพูดคำว่าพี่น้องออกมา ฉินจ้านรู้สึกเหมือนไฟในหัวใจของตนถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ยากจะมีพี่น้องที่แท้จริงสักคนเหมือนกัน คนที่จะสามารถเชื่อใจได้ตลอดเวลา พี่น้องที่ไม่มีทางหักหลังเขาไปตลอดชีวิต!
ถึงแม้ว่าหลัวซิวจะมีบุญคุณต่อเขา แต่สีหน้าของฉินจ้านกลับเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เขาจ้องตาหลัวซิว เอ่ยถามออกมาทีละคำอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เจ้ารู้หรือว่าความหมายของพี่น้องหรือสิ่งใด?”
“เป็นตายร่วมกัน” หลัวซิวพูดพร้อมรอยยิ้ม
“เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าในภายภาคหน้าข้าและตู๋กูจะไม่หักหลังเจ้า?” ฉินจ้านเอ่ยถาม
“ไม่ พวกท่านจะไม่ทำเช่นนั้นแน่ ก็เหมือนตอนที่พวกท่านปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าข้า ข้าก็รู้ได้ทันทีว่าถึงแม้ข้าจะไม่มีพลังมากพอที่จะทำลายค่ายกลนั้นได้ ท่านกับตู๋กูก็จะสร้างโอกาสให้ข้าหนีไปได้”
“เจ้ามั่นใจเช่นนั้นเชียวหรือ?”
“แน่นอน ข้าเชื่อว่าข้ามองคนไม่ผิด” หลัวซิวยืนยันหนักแน่นด้วยรอยยิ้ม
ปึง!
วินาทีต่อมา ฉินจ้านคุกเข่าลงบนเข็มทิศสาสน์เต๋า เขาชี้ไปยังดวงดาวที่กำลังลุกโชนอยู่ไกล ๆ พูดทีละคำด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ข้าฉินจ้านขอสาบานด้วยจิตใจดั้งเดิม ข้ายินยอมเป้นพี่น้องร่วมสาบานกับหลัวซิวและตู๋กู!”
ฟึบ!
เสื้อคลุมสีดำถูกหลัวซิวสะบัด เขาก็นั่งคุกเข่าลงข้าง ๆ ฉินจ้านเช่นเดียวกัน พูดประโยตเดียวกันอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ฮ่า ๆ!
ตู๋กูแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน ยิ้มพร้อมน้ำตาแห่งความปีติ “ข้าตู๋กูขอสาบานด้วยกระบี่ในมือของข้า!”
มีคำสาบานเพียงหนึ่งเดียวโดยไม่มีคำพูดที่สวยหรู และไม่มีคาถาใด ๆ ที่บ่งบอกว่าหากฝ่าฝืนคำสาบานนี้ จะถูกฟ้าผ่า วิญญาณจะแหลกสลายอะไรประเภทนี้
ไม่มีใครคิดว่ามันไม่เหมาะสม เพราะว่าพี่น้องพี่แท้จริงนั้น สนใจแค่เพียงหัวใจเท่านั้น!
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...