สถานที่ที่เคยเป็นที่ตั้งของภูเขาว่านเริ่นนั้น ก็คือสถานที่ที่ว่านเริ่นนิพพานไป
ด้วยพลังแห่งเพลาการย้อนเวลาเพื่อฟื้นคืนชีพเทพมารระดับเก้าสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ยากคือการย้อนเวลากลับไปก่อนหน้ายุคแห่งความโกลาหลยุคหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ หลัวซิวจึงได้รับผลเสียย้อนกลับ แต่เมื่อว่านเริ่นถูกดึงตัวออกมาจากเพลาไหลรวย สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความงุนงง
“ข้าควรจะตายไปแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดข้าจึงมาปรากฎตัวอยู่ที่แห่งนี้?” ว่านเริ่นมองไปทั่วทั้งสี่ทิศด้วยสีหน้างุนงง จากนั้นจึงเห็นคนสามคน
หลังจากเกิดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือออร่าของหลัวซิวต่างก็แตกต่างจากไท่ซ่างฉิงอย่างสิ้นเชิง ว่านเริ่นไม่สามารถจำเขาได้นั่นก็ถือเป็นเรื่องปกติ
ฉินจ้านและตู๋กูย่อมสามารถมองผลการฝึกตนของว่านเริ่นออกได้ในพริบตาเดียวเป็นแค่เพียงแดนเทพมารระดับเก้าขั้นสูง ผลการฝึกตนเช่นนี้ในสายตาของประมุขเต๋าหรือมกุฎเต๋า มันช่างไม่ควรคู่ต่อการพูดถึงแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะฟื้นคืนชีพคนแบบนี้สักคน หลัวซิวใช้ผลการฝึกตนแดนมกุฎเต๋า เขาอยากจะทนทุกข์ทรมานกับผลเสียย้อนกลับของการย้อนเวลา
นั่นเป็นถึงผลเสียย้อนกลับของการย้อนเวลาไปยังยุคหนึ่งแห่งความโกลาหล หากว่าเป็นประมุขเต๋าที่พลังความแข็งแกร่งน้อยไปเพียงนิดเดียว เพียงแค่ผลเสียย้อนกลับก็สามารถทำให้แดนของเขาตกลงมาได้ หรือกระทั่งทำให้รากฐานถูกทำลายสิ้น
ทั้งหมดนี้ คุ้มค่าหรือ?
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็ต้องรู้สึกว่าไม่คุ้มค่าเป็นแน่ แต่หลัวซิวกลับไม่คิดเช่นนั้น
แม้ว่าการฟื้นคืนชีพของว่านเริ่นจะไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ ต่อเขาเลย เขาก็ยังคงทำมันโดยไม่ลังเล ไม่เพียงเพราะคำสัญญาในตอนนั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะความภักดีที่ว่านเริ่นมีต่อเขาอีกด้วย
แรงกระเพิ่มของเพลาไหลรวยย้อนกลับนั้นไม่น้อยเลย สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่จะพูดคุยกันได้ หลัวซิวจึงพาว่านเริ่นออกไปจากที่นี่ จากนั้นจึงกลับไปยังดาราจี้ของจักรวาลกันดาร
เมื่อว่านเริ่นได้รับรู้ความจริงแล้วนั้น เขาก็รู้สึกซาบซึ้งอย่างอธิบายไม่ถูก ทั้งหมดไม่ใช่เพราะว่าตัวเขาเองได้โอกาสในการฟื้นคืนชีพ ที่มากกว่านั้นคือท่านนายของตนยังจำผู้ติดตามอย่างเขาคนนี้ได้จึงรู้สึกถึงความซาบซึ้ง
อย่างไรก็ตามว่านเริ่นถึงแม้จะฟื้นคืนแล้ว แต่อายุขัยของเขาก็เหลือไม่มากแล้ว ด้วยความสำเร็จด้านการกลั่นยาของหลัวซิว แค่สะบัดมือก็สามารถกลั่นยาเซียนชั้นยอดที่สามารถเพิ่มอายุขัยขึ้นมาได้ สามารถเพิ่มอายุขัยที่ยืนยาวให้ว่านเริ่นได้สิบล้านปีอย่างง่ายดาย
ด้วยพรสวรรค์ของว่านเริ่น ถ้าหากไม่มีโอกาสลิขิตพิเศษ เขาก็แทบจะไม่มีโอกาสบรรลุถึงแดนราชาเทพวัฏจักรห้า แต่ในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว มีหินบรรพไท่ชู มีไข่มุกเต๋า ทั้งยังมียาเซียนชั้นยอดหลากหลายชนิดที่คอยเสริม ไม่พียงแค่ราชาเทพวัฏจักรห้าเท่านั้น ในชีวิตนี้เขาก็ยังมีโอกาสที่จะกลายเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ด้วย ถึงแม้จะเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรแปดที่ธรรมดาที่สุด แต่อายุขัยของเขาก็ย่อมยืนยาวยิ่งกว่าการใช้ยาเซียนเพิ่มอายุขัยสิบล้านปีเป็นแน่
สำหรับหลัวซิวแล้วนั้น ภูเขาว่านเริ่นและเผ่าจี้ต่างเป็นผลพ่วงจากชาติก่อน เขาฟื้นคืนชีพภูเขาว่านเริ่นแล้ว ก็นับว่าเป็นการชำระผลพ่วงนั้นระหว่างเขาและว่านเริ่นด้วย และเขายังพาเผ่าจี้ที่ตกต่ำไปสู่เส้นทางอันรุ่งโรจน์อีกครั้ง ก็เป็นการทำตามสัญญาของตนอีกด้วยเช่นกัน
ยุครุ่งโรจน์ที่สุดของเผ่าจี้ ผลการฝึกตนของเจ้าแห่งเผ่าจี้ก็ยังไม่เกินผลการฝึกตนแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้า ถึงอย่างไรก็คือยุคที่ประมุขเต๋าครองความสันโดษ แม้แต่ผู้สูงส่งต่างก็ยังไม่แสดงตัว ผู้แข็งแกร่งต่างหลบหล่อนตัวอยู่หลังม่าน มองทุกสรรพสิ่งเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น
เผ่าจี้ในวันนี้ จีเสี่ยวจื่อติดตามหลัวซิวมาเนิ่นนานหลายปีก็ได้รับเงื่อนไขการฝึกตนที่ดีมาก สามารถบรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์วัฏจักรเก้าขั้นสูงได้อย่างง่ายดาย กระทั่งในภายภาคหน้ายังมีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถบรรลุแดนผู้สูงส่ง
อีกทั้งเขายังทิ้งวรยุทธ์ฝึกตนที่แข็งแกร่งไว้ให้กับเผ่าจี้อีกด้วย หากมีศิษย์ที่มีพรสวรรค์ค่อนข้างพิเศษ ในภายภาคหน้าหากเผ่าจี้จะมีผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าก็ถือเป็นเรื่องปกติ
ชาติก่อนของหลัวซิวกับตระกูลเทพสงครามไม่ได้มีความเขี่ยวข้องกัน ในชาตินี้รับตระกูลเทพสงครามเอาไว้ใต้บัญชา คือหวังว่าจะอบรมขึ้นมาเป็นกองทัพเทพมารกองหนึ่ง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป ค่อนข้างแตกต่างไปจากที่เขาคาดไว้ ในยุคที่ประมุขเต๋าเผยตัว ผู้สูงส่งมีให้เห็นอยู่ทั่วไป พรสวรรค์ของตระกูลเทพสงครามนั้นกลับไม่ได้มีประโยชน์มากเท่าใดนัก ต่อให้เป็นกองทัพเทพมารที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ ก็ยังไม่สามารถต้านทานการโจมตีพลังอมตะของผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดได้
อย่างไรก็ตาม หลัวซิวไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว และไม่ได้รู้สึกว่าตระกูลเทพสงครามไร้ซึ่งประโยชน์แล้วจะต้องทอดทิ้งพวกเขา ดังนั้นเขาจึงทิ้งการสืบทอดอันยิ่งใหญ่ไว้ให้กับตระกูลเทพสงครามเช่นกัน วรยุทธ์กลั่นร่างสามารถยกระดับพลังแห่งสายเลือดของพวกเขาได้ เรียกได้ว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าบรรพบุรุษ!
เดิมทีแล้วเคล็ดเทพสงครามสามารถฝึกตนสูงสุดได้ถึงแดนผู้สูงส่ง ก็ถูกหลัวซิววิวัฒนาการต่อไปอีกขั้น ก่อกำเนิดเป็นเวทย์ศาสตร์จนถึงแดนประมุขเต๋า
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าน่าจะพอคาดเดาได้อยู่แล้ว และเป็นอย่างที่พวกเจ้าคิดไว้ ในวันหนึ่ง ข้าจะต้องจากไปจากห้วงดาราผืนนี้”
เมื่อสิ่งที่ควรตระเตรียมเอาไว้นั้นก็จัดการเอาไว้หมดแล้ว หลัวซิวเรียกให้ทุกคนเข้ามารวมตัวกันภายในตำหนักซิวหลัว ไม่ได้มีความคิดว่าจะปิดบังเรื่องที่เขาจะจากไป
ถึงแม้ในใจจะมีการคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว แต่เมื่อคำพูดเช่นนี้มันออกมาจากปากของหลัวซิวเองจริง ๆ ทุกคนในที่แห่งนี้ โดยเฉพาะสภาพจิตใจของเหล่าแม่นางทั้งหลายต่างก็เปลี่ยนไปอย่างสุดขั้ว
นอกจากยู่เอ๋อร์ แม่นางคนอื่น ๆ ต่างพากันจิตใจเศร้าหมองไม่มากก็น้อย พวกนางต่างก็เข้าใจดีถึงระยะห่างระหว่างตนกับหลัวซิว หากหลัวซิวจะไป พวกนางจะมีพลังและคุณสมบัติเพียงพอที่จะติดตามเขาไปด้วยอย่างนั้นหรือ?
พวกนางต่างมีใจให้กับหลัวซิว แต่ก็ไม่คิดจะกลายเป็นภาระให้กับเขา ดังนั้นจึงไม่มีใครเอ่ยปากขึ้นว่าจะติดตามเขาไปด้วยในเวลานี้
“ในช่วงสั้น ๆ นี้ข้าจะยังไม่เดินทาง พวกเจ้าสามารถอยู่ในไข่มุกโลกาเพื่อพยายามเพ็ญตนได้ รอให้เรื่องของสามโลกาถูกคลี่คลายเสียก่อน ข้าจะพาพวกเจ้ากลับไปยังแปดโลกมหาพิภพอีกครั้ง พูดให้ถูกคือ แปดโลกมหาพิภพไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว ในวันนี้แปดโลกรวมเป็นหนึ่ง เรียกว่าโลกาอนัตตาอู๋จี๋” หลัวซิวเอ่ยขึ้นเช่นนี้
“เจ้าศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะเดินทางไปที่ใดกัน?” ซิงเฉินลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามออกไป และคำถามนี้ ก็เป็นคำถามที่อยู่ในใจของใครหลาย ๆ คนในที่แห่งนี้
หลัวซิวยิ้มออกมาบาง ๆ สายตากวาดมองไปยังผู้คน “ข้าคิดว่าพวกเจ้าน่าจะเคยได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับตำนานของชาวเซียน แต่นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น เหนือประมุขเต๋ามกุฎเต๋า ก็คือแดนชาวเซียน และสถานที่ที่ข้าจะไป ก็คือโลกาหนึ่งที่ชาวเซียนอาศัยอยู่”
ถึงแม้เหยียนซีโรว่จะเป็นภรรยาของเขาแล้ว แต่ในความเป็นจริงนางกับหลัวซิวนั้นไม่ได้มีสิ่งใดที่ประทับอยู่ในจิตใจเช่นนั้น ส่วนมากต่างเป็นไปตามธรรมชาติ นางยินยอมที่จะเป็นผู้หญิงของหลัวซิว ส่วนหลัวซิวก็ไม่ได้ปฏิเสธนางเช่นกัน จึงได้กลายเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นธรรมชาติ
เหยียนซีโรว่เป็นผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างอย่างเงียบ ๆ ไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม เพียงแค่หันกลับมามองอย่างไม่ตั้งใจ ก็จะสามารถเห็นได้ว่านางจะยืนอยู่ด้านหลังเสมอ มองมาพร้อมรอยยิ้ม คอยอยู่เคียงข้าง ไม่ว่าจะเป็นตายทุกข์ยาก หรืออันตรายแสนสาหัส
สำหรับลู่เมิ่งเหยา หลัวซิวกลับมีความรู้สึกแบบช่วยไม่ได้ บางทีอาจเป็นพรหมลิขิต เขากับลู่เมิ่งเหยา ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะย้อนกลับไปในอดีต แม้ว่าเขาจะเข้าใจดีแล้วก็ตาม ในใจได้ให้อภัยนางสำหรับทุกสิ่งที่นางเคยทำไว้
หากไม่มีหญิงชุดเขียวมาพาตัวนางไป บางทีหลัวซิวก็อาจจะยอมรับนาง แต่ในวันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เพราะของบางอย่าง เมื่อพลาดไปแล้ว นั่นก็คือพลาดไปแล้วจริง ๆ……
ส่ายศีระไปมา ปล่อยวางความคิดเกี่ยวกับความรู้สึกเหล่านี้ออกไป หลัวซิวรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องไร้สาระเช่นนี้
ในเวลาเดียวกันนี้ ท่ามกลางตำหนักหวูจี๋ของโลกาอนัตตาอู๋จี๋ จีชูหยางที่สวมชุดคลุมสีม่วงเดินเข้ามาในตำหนัก
“นายท่าน” จีชูหยางทำความเคารพด้วยความนับถือ ถึงแม้เขาจะเป็นเจ้าแห่งตระกูลจีผู้สูงส่ง กึ่งเซียนอันทรงพลัง แต่ภายใต้การพันธนาของวิญญาณต้องห้าม สุดท้ายเขาจึงเป็นได้เพียงแค่ผู้รับใช้ผู้ต้อยต่ำเท่านั้น
หวูจี๋ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เขาย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าคำว่า ‘นายท่าน’ ที่ออกมาจากปากของจีชูหยางนั้นไม่ใช่ตนเอง แต่เป็นราชาเซียนเฉว่โยวที่เข้ามาอาศัยอยู่ภายในร่างของเขา
โดยในเวลาส่วนใหญ่นั้น ราชาเซียนเฉว่โยวต่างอยู่ในสถานะหลับใหล ถึงแม้จะกลืนกินวิญญาณดั้งเดิมของผู้แข็งแกร่งไปไม่น้อย ทำให้จิตเศษของเขาฟื้นฟูขึ้นเล็กน้อย แต่ระยะห่างของการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์นั้นยังคงห่างไกลอย่างมาก
ดังนั้นเพื่อป้องกันการสูญเสียของพลังวิญญาณ ราชาเซียนเฉว่โยวจึงทำได้เพียงใช้วิธีการหลับใหลเพื่อรักษาพลังงานไว้ก่อนที่จะสามารถหาร่างมาเพื่อรองรับจิตเศษได้
ช่วงระยะห้าร้อยปีมานี้ ดาราจักรวาลแห่งนี้ต่างอยู่ในการควบคุมของหวูจี๋ นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยคิดถึงมาก่อน มกุฎเต๋าเหล่านั้นที่เคยผูกพันกับเขา,แต่ละคนต่างถูกเขาปลูกตัวต้องห้ามเอาไว้ กลายเป็นหมากในมือของเขา เขาสามารถนำมาใช้งานได้ตามอำเภอใจ
ในที่สุดเขาก็เข้าใจมกุฎเต๋าสังสารวัฏเหตุใดจึงมีความทะเยอทะยานมากถึงเพียงนั้น ที่แท้ความรู้สึกของการได้ควบคุมทุกอย่าง มันช่างเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนหลงใหล ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งกึ่งเซียนดังเช่นจีชูหยางก็ตาม จะเป็นหรือตายต่างก็ขึ้นอยู่กับแค่เพียงความคิดของเขาเท่านั้น
“ร่างที่เหมาะสมปรากฎขึ้นแล้ว”
นัยน์ตาของหวูจี๋กลายเป็นสีเลือด นำเสียงของเขากดต่ำและเยือกเย็น ดูเหมือนว่าร่างของเขาจะถูกราชาเซียนเฉว่โยวควบคุมเอาไว้แล้ว
“นายท่านจะให้ข้าไปจับมันมาหรือไม่?” จีชูหยางเอ่ยถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...