“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา” ราชาเซียนเฉว่โยวพูดพร้อมส่ายศีรษะไปมา
ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่เคยได้ประมือกับหลัวซิวในช่วงเวลาห้าร้อยปีให้หลังมาก่อน แต่จากข้อมูลผลตอบรับที่ได้รับมาจากมกุฎมังกรอิมรวมถึงศิษย์หวูจี๋ก็สามารถอนุมานได้ว่า พลังของหลัวซิวมีการเปลี่ยนแปลงที่สั่นสะเทือนโลกอีกครั้ง
ด้วยแดนกึ่งเซียน ในช่วงระยะเวลาห้าร้อยปีก่อน ถึงแม้ว่าจีชูหยางจะสามารถกำราบหลัวซิวได้ แต่ถ้าหลัวซิวอาศัยเข็มทิศสาสน์เต๋าหนีขึ้นมา เขาก็ไม่สามารถตามไปได้ทัน
เพราะว่าเพื่อควบคุมความเร็วของเข็มทิศสาสน์เต๋า จีชูหยางจึงสร้างภัณฑ์เซียนเหาะเหินขึ้นมาชิ้นหนึ่งโดยเฉพาะ
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีภัณฑ์เซียนเหาะเหินชิ้นหนึ่ง แต่เจ้าดูถูกเข็มทิศสาสน์เต๋าเกินไป หากว่าข้าไม่ได้มองผิดไป เข็มทิศสาสน์เต๋าชิ้นนั้นก็คือสมบัติพรสวรรค์ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงภัณฑ์เซียนชั้นล่าง แต่ความเร็วในการเหาะเหิน กลับสามารถเทียบเท่าภัณฑ์เซียนเหาะเหินระดับชั้นสูงได้”
ราชาเซียนเฉว่โยวมองไปทางจีชูหยาง พร้อมเอ่ยพูด “เจ้าก็ไม่ต้องไม่พอใจไป ต่อให้สามารถจัดการเขาในเรื่องของความเร็วได้ แต่ว่าเขาในวันนี้มีพลังระดับมกุฎเต๋าขั้นสุดยอดแล้ว ถ้าหากเขากระตุ้นดาบหักเซียนขึ้นมา เจ้าจะขวางเอาไว้ได้หรือ?”
“มกุฎเต๋าขั้นสุดยอด?”
จีชูหยางเมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป เมื่อห้าร้อยปีก่อนยังมีพลังแค่เพียงมกุฎเต๋าธรรมดาเท่านั้น จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีคนฝึกตนได้รวดเร็วถึงเพียงนี้?
“ด้วยพลังของมกุฎเต๋าขั้นสุดยอด อีกทั้งยังครอบครองดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้าสองอาวุธเซียนอันไร้เทียมทาน พลังเช่นนี้ มันแทบจะเป็นภัยคุกคามต่อข้าได้”
สีหน้าของราชาเซียนเฉว่โยวเคร่งขรึม “ดังนั้นข้าต้องการพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า น่าเสียดายที่การกลืนกินเหล่าประมุขเต๋ามกุฎเต๋าสำหรับการฟื้นฟูพลังของข้ามันก็มีขีดจำกัด มีเพียงระดับกึ่งเซียนเท่านั้นจึงจะได้ประสิทธิภาพที่มากกว่า”
กึ่งเซียน?
จีชูหยางชะงักไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ทั่วทั้งจักรวาลสามโลกาฟผู้ที่ก้าวเข้าสู่แดนกึ่งเซียน นอกเสียจากวัฏสงสารคนนั้นที่ไม่รู้ว่าหายไปอยู่ที่ใดแล้ว ก็เหลือเพียงแค่เขากับหวูจี๋เท่านั้นไม่ใช่หรือ?
ราชาเซียนเฉว่โยวประทับอยู่ในร่างของหวูจี๋ เช่นนั้นหากราชาเซียนเฉว่โยวจะกลืนกิน ……
ทันใดนั้นเอง ร่างของหวูจี๋ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของราชาเซียนเฉว่โยวก็กระโจนเข้ามา ฝ่ามือขนาดใหญ่ก็คว้ามาทางจีชูหยาง
“เจ้าเลิกคิด!”
จีชูหยางเลือกที่จะหนีอย่างไม่ลังเล เขามีภัณฑ์เซียนเหาะเหินชิ้นหนึ่ง เพียงแค่สามารถหนีออกไปจากตำหนักหวูจี๋แห่งนี้ เขาก็สามารถอาศัยความเร็วของภัณฑ์เซียนหนีไปได้
แต่ว่าราชาเซียนเฉว่โยวในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะกลืนกินเขา มีหรือที่จะปล่อยให้เขามีโอกาสหนีไป?
“ผุ!”
ทันใดนั้นเอง จีชูหยางก็กระอักเลือดสดออกมาอึกใหญ่ จากนั้นก็เอามือกุมหัวตัวเอง ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ท่ามกลางวิญญาณดั้งเดิมของเขา มีตัวต้องห้ามที่ราชาเซียนเฉว่โยวเคยฝังเอาไว้ ต่อหน้าของเฉว่โยว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหนี แม้แต่ความเป็นความตายต่างก็อยู่ในฝ่ามือของราชาเซียนเฉว่โยว
มือใหญ่สีเลือดคว้าจีชูหยางไว้อย่างไร้ปรานี มือใหญ่ออกแรงบีบ ร่างกึ่งเซียนถูกบีบจนระเบิดกลายเป็นละอองเลือด
ราชาเซียนเฉว่โยวอ้าปากสูดเข้ามา พลังและเลือด พลังแก่นแท้ รวมถึงวิญญาณดั้งเดิมที่เป็นของผู้แข็งแกร่งกึ่งเซียน ทั้งหมดพุ่งเข้าไปในปากเขา
และในเวลานี้เอง ดวงตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยสีเลือด สีแดงเลือดในตาซ้ายก็จางหายไปและกลายเป็นสีทองเปล่งประกาย “เฉว่โยว เจ้าคิดจะกอบโกยเพียงผู้เดียวหรือ?” เสียงของหวูจี๋ดังขึ้น “อย่าลืมข้อตกลงระหว่างเราเสียล่ะ!”
“ข้อตกลง? ฮ่า ๆ เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะทำตามข้อตกลงไร้สาระกับมดตัวหนึ่งอย่างเจ้า?”
ร่างเดียวกัน แต่กลับมีเสียงสองเสียงที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ท่ามกลางร่างของหวูจี๋ เจตนารมณ์ที่แตกต่างกันของสองวิญญาณกำลังต่อสู้เพื่อควบคุมร่างกายนี้
สำหรับราชาเซียนเฉว่โยวที่จงใจทำลายข้อตกลงในตอนแรก แน่นอนว่าหวูจี๋ไม่มีทางไม่เตรียมอะไรป้องกันไว้ ถึงอย่างไรนี่ก็คือร่างกายของเขาเอง ดังนั้นเขาจึงเริ่มควบคุมก่อนอย่างรวดเร็ว สีเลือดในตาขวาของเขาก็ค่อย ๆ จางลง
“ในตอนแรกเจ้าถูกหลัวซิวทำลายจิตเศษอย่างสาหัส ในเวลานั้นข้าควรจะโจมตีเจ้าเสีย!” เสียงของหวูจี๋เต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกหลอกลวง
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้ามันก็แค่มดตัวหนึ่งที่ข้าคอยชี้นำเจ้าถึงได้บรรลุแดนกึ่งเซียน เจ้าคิดหรือว่าข้าจะไม่ป้องกันตัวจากเจ้า? บอกเจ้าตามความจริง ถ้าในตอนแรกเจ้าเลือกที่จะลงมือ เจ้าก็จะโดนข้ากลืนกินไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว!”
“แต่เดิมข้าไม่ได้คิดจะลงมือกับเจ้า แต่การเติบโตของหลัวซิวนั้นรวดเร็วเกินไป ดังนั้นข้าจึงทำได้เพียงใช้ร่างนี้ครองวิญญาณชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้ในช่วงเวลาสำคัญเกิดปัญหาใดขึ้น”
ถึงแม้จะเป็นร่างหนึ่งที่จิตเศษราชาเซียนครองวิญญาณ ก็มีราคาที่ต้องจ่ายเช่นกัน ในตอนแรกที่ไม่ได้ครองวิญญาณหวูจี๋แต่กลับเลือกที่จะร่วมมือกัน ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่สามารถครองวิญญาณได้ แต่เพราะเขาไม่อยากที่จะสิ้นเปลืองพลังวิญญาณของตนเอง
แต่ในตอนที่เขาทิ้งพลังวิญญาณเอาไว้เพื่อไปครองวิญญาณหลัวซิวกลับต้องจบด้วยความพ่ายแพ้ พลังวิญญาณตนยังเสียหายอย่างหนัก ดังนั้นเขาจึงยังไม่มีโอกาสได้ครองวิญญาณในร่างของหวูจี๋เสียที
แต่ในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ในเมื่อหลัวซิวปากฎตัวขึ้นแล้ว เช่นนั้นการมีอยู่ของหวูจี๋ก็ไม่มีความหมายอย่างใดอีกต่อไป เขาจะครองวิญญาณของร่างนี้ไปก่อน จากนั้นเมื่อจับตัวหลัวซิวได้ ก็จะสามารถฟื้นฟูพลังวิญญาณขึ้นมาได้อย่างช้า ๆ จากนั้นค่อยแย่งชิงร่างที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบของหลัวซิว
นี่ไม่ถือเป็นแผนการที่แยบยลแต่อย่างใด แต่หวูจี๋กลับไม่สามารถต่อต้านได้
ปัง!
พลังวิญญาณหนึ่งที่แข็งแกร่งมากปะทุขึ้นภายในร่างของหวูจี๋ เดิมทีเขามีความได้เปรียบในการต่อสู้เพื่อควบคุมร่างกายนี้ แต่ในพริบตากลับถูกควบคุมเอาไว้ได้
แต่ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนี้ สีหน้าของหวูจี๋กลับนิ่งสงบขึ้นมา เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ราชาเซียนเฉว่โยว เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าตนชนะแล้ว?”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ราชาเซียนเฉว่โยวคำรามเสียงต่ำ ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะมีไม้ตายใดที่จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ ต่อให้ภายในตัวหยั่งรู้จะมีภัณฑ์วิญญาณอยู่ชิ้นหนึ่ง ตนก็แค่ยอมสูญเสียพลังวิญญาณอีกสักเล็กน้อย ก็จะสามารถทำลายตัวหยั่งรู้ของอีกฝ่ายได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...