มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3059

กรองแก้วเซียนทรัพยากรประเภทนี้ สามารถพบเจอได้ แต่ไม่สามารถเรียกร้องมันมาได้ เมื่อไม่มีทรัพยากรฝึกตนที่เหมาะสม หลัวซิวก็ไม่สามารถยกระดับผลการฝึกตนได้

เขารู้ดีว่า หากผลการฝึกตนหยุดอยู่ที่มกุฎเต๋าช่วงต้นต่อไปเช่นนี้ ต่อให้พลังของเขาจะเทียบเท่ามกุฎเต๋าขั้นสุดยอด ครอบครองดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้า ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชาเซียนเฉว่โยวอยู่ดี

เพราะพลังของราชาเซียนเฉว่โยวไม่มีทางที่จะหยุดอยู่เพียงเท่านี้ ดังนั้นเขาจำเป็นที่จะต้องหาวิธีเพื่อเพิ่มระดับผลการฝึกตนให้สูงขึ้น

หนืดอมฤตตรีภพ หลัวซิวหากไม่ถึงวาระที่จำเป็นจริง ๆ เขาก็ยังไม่คิดที่จะใช้มัน ดังนั้นเขาจึงตั้งเป้าหมายเอาไว้ที่ตระกูลจี

ตระกูลจีปกป้องสะพานทะยานเซียนรุ่นแล้วรุ่นเล่า สามารถเรียกได้ว่าเป็นกองกำลังที่สืบทอดมาอย่างเก่าแก่ที่สุดภายในพิภพจักรวาลแห่งนี้ ตระกูลเช่นนี้มักมีมรดกที่หนาแน่น น่าจะมีทรัพยากรสำรองจำนวนมาก

แม้ว่าจะไม่พบกรองแก้วเซียน แต่หากสามารถหาสิ่งอื่น ๆ ที่สามารถช่วยให้ตนยกระดับผลการฝึกตนได้ ก็จะเป็นการดี

ในกรณีเลวร้ายที่สุด ถึงแม้ตนจะไม่สามารถใช้อะไรได้ก็ตาม จะส่งต่อให้ภูเขาว่านเริ่น เผ่าจี้ หรือตระกูลเทพสงครามก็ยังได้

อีกทั้งหลัวซิวก็อยากจะเห็นสะพานทะยานเซียนในตำนานนั้นด้วยตนเองอย่างมาก ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ นอกจากการเผชิญหน้ากับราชาเซียนเฉว่โยวแล้ว ตระกูลจีก็ไม่มีทางหยุดยั้งเขาเอาไว้ได้

ในขณะที่หลัวซิวตั้งใจว่าจะเคลื่อนพล จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์กลับปรากฎตัวขึ้นที่นี่เพื่อขอเข้าพบ

สำหรับจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์สามารถพบเจอจักรวาลกันดารแห่งนี้ได้ หลัวซิวไม่ได้ประประหลาดใจแต่อย่างใด ถึงจะบอกว่าจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ไม่สามารถทำนายเกี่ยวกับเรื่องของเขาได้ แต่คนอื่น ๆ รอบกายของหลัวซิวนั้น ส่วนใหญ่กลับอยู่ในการทำนายของชายชราคนนี้

“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์หาหลัวซิวเจอ คำแรกที่พูดออกมาหลังจากพบหน้าคือเกิดเรื่อง อีกทั้งยังเป็นเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วอีกด้วย

“เรื่องใดกันที่สามารถทำให้ผู้เพื่อนยุทธ์สวีเป็นกังวลได้ถึงเพียงนี้?” ฉินจ้านพูดทักพร้อมเสียงหัวเราะ น้อยคนนักที่จะรู้จักชื่อจริงของจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ แต่ฉินจ้านกลับรู้ชื่อเดิมของจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ ซึ่งมีนามว่าสวีเฉิงอัน

“เฮอ ๆ ที่แท้ก็คือผู้เพื่อนยุทธ์ฉินและผู้เพื่อนยุทธ์ตู๋กู ข้าขอแสดงความยินดีที่ทั้งสองท่านสามารถเรียกคืนจิตดั้งเดิมได้ แดนจิตสูงส่งขึ้นอีกระดับ”

จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์เมื่อเห็นฉินจ้านและตู๋กู ก็รู้ได้ว่าทั้งสองที่เป็นศิษย์ของหวูจี๋ ได้รับชีวิตใหม่อีกครั้งแล้ว

“ขอบใจผู้เพื่อนยุทธ์สวี เห็นผู้เพื่อนยุทธ์เมื่อครู่ดูค่อนข้างเป็นกังวลทีเดียว เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นกันหรือ?” ฉินจ้านอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

“จีชูหยางตายแล้ว!” จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์สีหน้านิ่งเรียบ พูดด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม

“เป็นไปได้อย่างไร!?”

ฉินจ้านและตู๋กูก็หน้าถอดสีไปในเวลาเดียวกัน เพราะว่าพวกเขาต่างก็รู้ดีว่าชื่อจีชูหยางนี้หมายถึงสิ่งใด

กาลเวลาอันยาวนานไม่จบสิ้น ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากต่างคิดว่ามกุฎเต๋าผู้สูงส่งทุก ๆ ท่าน ก็คือการดำรงอยู่ที่ทรงพลังที่สุดท่ามกลางพิภพดาราจักรวาลแห่งนี้แล้ว

แต่ในความจริงแล้วไม่ใช่ มีเพียงแค่คนกลุ่มน้อยเท่านั้นที่รู้ว่า ในโลกนี้ยังมีตระกูลจี ที่สืบทอดกันมาอย่างเด่าแก่ ตระกูลจีที่รักษาสะพานทะยานเซียนมารุ่นต่อรุ่น!

จีชูหยางเป็นถึงเจ้าแห่งตระกูลจี ในยุคสมัยเมื่อนานมาแล้วก็ได้ก้าวข้ามสู่แดนกึ่งเซียนอันทรงพลัง!

ถ้าตระกูลจีไม่มีความปรารถนาที่จะครองโลก คงไม่มีตำนานเกี่ยวกับสิบสองภูตสวรรค์ จ้าววัฏสงสารรุ่นเก้า หรือเหล่ามกุฎเต๋าในโลกแห่งนี้

ถึงแม้ว่าหลัวซิวจะได้พบกับคนของตระกูลจีที่วังเซียนบรรพกาล แต่กลับไม่รู้ว่า ชายสวมหน้ากากเสื้อคลุมสีม่วงที่ลอบโจมตีตนในตอนนั้นก็คือจีชูหยาง

เขารู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลจีไม่มากนัก แต่ก็เข้าใจดีว่าแดนกึ่งเซียนนั้นเป็นการดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งถึงเพียงใด

แต่เจ้าแห่งตระกูลจีที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงได้ตายเสียแล้ว?

ถึงแม้ว่าจะไม่รู้แน่ชัดว่าจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ได้ข้อมูลนี้มาจากที่ใด แต่สามพี่น้องหลัวซิวกลับไม่มีความสงสัยในความจริงของข้อมูลนี้เลย

เพราะจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องนำเรื่องเช่นนี้มาล้อเล่น

“ข้าสงสัยว่าการตายของจีชูหยาง มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเดี่ยวข้องกับหวูจี๋” จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์พูดด้วยเสียงเคร่งเครียด

“แต่จีชูหยางตายแล้ว ในวันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการเข้าไปสู่สะพานทะยานเซียน!”

เมื่อพูดถึงสะพานทะยานเซียน ดวงตาของจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ก็พลันลุกโชนขึ้นมา “เมื่อก่อนมีจีชูหยางอยู่ ไม่มีใครสามารถทะลุแดนต้องห้ามของตระกูลจีเข้าไปได้ แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว”

“ข้าคิดจะใช้ประโยชน์จากสะพานทะยานเซียนวาร์ปไปยังโลกาเซียน?” หลัวซิวเลิกคิ้วขึ้น แน่นอนว่าเขาดูออกถึงจุดประสงค์ที่จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์มาหาเขาถึงที่นี่แล้ว

ถึงอย่างไรมรดกอันมากมายของตระกูลจีก็อยู่ที่นั่น ต่อให้จีชูหยางที่เป็นถึงกึ่งเซียนผู้แกร่งกล้าตายไป ตระกูลจีก็ยังมีผู้อาวุโสระดับมกุฎเต๋าอยู่ รวมถึงผู้อาวุโสระดับประมุขเต๋าอีกมากมาย

จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์นั้นในด้านการต่อสู้ถือว่ามีพลังที่ค่อนข้างด้อย ประมุขเต๋าช่วงปลายในแดนเดียวกันมีคนมากมายที่เขาไม่สามารถสู้ด้วยได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปบุกตระกูลจีเลย

มีเพียงการเพิ่มพลังผลการฝึกตน พรสวรรค์ในการสอดส่องโชคชะตาจึงจะสามารถเพิ่มพูนขึ้นได้ ดังนั้นจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์จึงกระหายในการกลายเซียน ท่ามกลางพิภพจักรวาลผืนนี้ กลายเซียนดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้จะรู้ดีว่าโลกาเซียนในตำนานนั้นการแข่งขันมันช่างดุเดือดเสียยิ่งกว่าสิ่งใด แต่จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ก็ยังฝากความหวังทั้งหมด เอาไว้ ณ ที่แห่งนั้น

หลัวซิวไม่เหมือนกับสวีเฉิงอันที่ต้องอดทนกับความเจ็บปวดมานานแสนนาน ผ่านยุคสมัยยุคแล้วยุคเล่า ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเขาใจความรู้สึกเช่นนี้ของสวีเฉิงอันได้

“ช่วยเจ้าก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่เหตุใดข้าจึงต้องช่วยเจ้า?”

หลัวซิวพูดออกมาด้วยเสียงนิ่งเรียบ ในช่วงเวลานี้เขายังไม่มีแผนการที่จะไปโลกาเซียน และต่อให้จะไป ก็จำเป็นต้องสะสางเรื่องของราชาเซียนเฉว่โยวให้เสร็จสิ้นเสียก่อน

แม้ว่าเดิมทีเขาจะวางแผนที่จะไปสร้างปัญหาให้กับตระกูลจีอยู่แล้ว แต่ความสัมพันธ์ของเขากับจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ ก็ยังไม่ถึงจุดที่เขาจะช่วยโดยไม่ต้องการการตอบแทน

สวีเฉิงอันลูบมือไปยังแหวนเก็บของที่สวมอยู่ในมือ “นายจ้าวซิวหลัวบอกราคามาเถอะ เพียงแค่ข้าสามารถให้ได้ จะไม่ต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น!”

เห็นได้ชัดว่า สวีเฉิงอันได้เตรียมพร้อมแล้วที่จะควักเลือดควักเนื้อของตัวเองออกมา เพื่อที่จะได้รับโอกาสในการไปยังโลกาเซียน เขาพร้อมที่จะเดิมพันแล้ว

หลัวซิวมองท่าทีของสวีเฉิงอัน จากนั้นก็ยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ผู้เพื่อนยุทธ์สวีมีกรองแก้วเซียนหรือไม่?”

สวีเฉิงอันใบหน้าที่แก่ชราชะงักไป “ไม่มี”

“เช่นนั้นผู้เพื่อนยุทธ์สวีเจ้ามีโอสถเซียนหรือไม่?”

“มีหนึ่งเม็ด” สวีเฉิงอันโบกสะบัดมือ กล่องหยกใบหนึ่งก็ลอยออกมาจากแหวนเก็บของ

“มีเพียงแค่โอสถเซียนเม็ดนี้เม็ดเดียว เกรงว่าอาจจะไม่เพียงพอที่จะจะชดเชยโอกาสขึ้นสู่โลกาเซียน?” หลัวซิวส่ายหน้าไปมา

“ข้ายังมีสมบัติอื่นอีก ไข่มุกเต๋าเป็นอย่างไร? ทรัพยากรชั้นยอดที่ใช้กลั่นภัณฑ์เต๋าชั้นยอดเล่า? ข้ายังมีแหล่งเซียนอยู่อีกชิ้น!” สวีเฉิงอันกัดฟัน

แต่หลัวซิวกลับยังคงส่ายหน้าไปมาเช่นเดิม “นอกจากกรองแก้วเซียนและโอสถเซียนแล้ว สิ่งอื่นใดก็ไร้ประโยชน์สำหรับข้า”

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน โอสถเซียนเม็ดนี้ข้าจะเก็บเอาไว้ แต่ผู้เพื่อนยุทธ์สวีต้องสัญญากับข้าอย่างหนึ่ง ในภายหน้าหากเจ้ากลายเซียนมรรคผลแล้ว ข้าต้องการให้เจ้าช่วยทำนายให้ข้าสามข้อ!” หลัวซิวพูดความต้องการของตนเองออกมา

ทุก ๆ แดนใหญ่ สวีเฉิงอันสามารถใช้พรสวรรค์ในการสำรวจโชคชะตาทำนายได้ทั้งหมดเก้าครั้ง หลัวซิวอ้าปากก็บอกว่าต้องการสามครั้ง แค่พริบตาก็เสียไปถึงหนึ่งในสามส่วน

ส่วนจะตกลงก่อนแล้วมาเสียใจภายหลังนั้น สวีเฉิงอันกลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะยิ่งคนอย่างเขามีความสามารถในการสอดแนมพรสวรรค์โชคชะตามากเพียงใด ก็ยิ่งเชื่อในโชคชะตาอันลึกลับนี้ เมื่อสัญญาแล้ว จะไม่มีทางกลับคำอย่างแน่นอน

“ได้!” สวีเฉิงอันสุดท้ายก็ตอบรับเงื่อนไขนั้น ถ้าหากเขาไม่สามารถสำเร็จเป็นเซียนได้ เช่นนั้นเขาก็เพียงแค่ต้องเสียโอสถเซียนเม็ดหนึ่งก็จะได้โอกาสขึ้นไปสู่โลกาเซียน หากว่าในภายหน้ามีโอกาสที่จะได้กลายเซียนจริง ๆ เช่นนั้นคำสัญญาในการทำนายสามครั้งนั้นก็ไม่ได้ส่งผลเสียแต่อย่างใดเลยไม่ใช่หรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ