การตายของจีชูหยาง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อมูลที่ตระกูลจีปกปิดเอาไว้ แต่บนโลกนี้ มันไม่มีกำแพงใดที่จะสามารถต้านลมได้
หลัวซิวอัญเชิญเข็มทิศสาสน์เต๋า กลายเป็นแสงกล พุ่งตรงไปยังตระกูลจีตามเส้นทางที่จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์บอก
ทันใดนั้น เข็มทิศสาสน์เต๋าก็ส่งสัญญาณสั่นไหวออกมา ในใจของหลัวซิวเกิดลางสังหรณ์ ควบคุมเข็มทิศสาสน์เต๋าให้หยุดลง ทอดสายตามองไปยังที่ไกล ๆ
ลำแสงหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาทันที เผยให้เห็นร่างเงาที่คลุมเครือ รอบ ๆ ร่างนี้ ห้วงเวลาบิดเบี้ยว หมุนเวียนไปด้วยพลังแห่งเพลาอันลึกลับ
“บรรพจารย์จักรภพ!”
หลัวซิวมองแค่ปราดเดียวก็สามารถจำอีกฝ่ายได้ เพราะเขาเคยได้รับชิ้นส่วนใจแห่งศุภร อีกทั้งยังนำชิ้นส่วนสผานกัน กลายเป็นใจแห่งศุภรขนาดเล็ก อีกทั้งยังนำมันผสานรวมเข้าในเข็มทิศสาสน์เต๋าด้วย
แต่บรรพจารย์จักรภพควบคุมใจแห่งศุภร ดังนั้นวินาทีที่บรรพจารย์จักรภพปรากฏตัวขึ้น เข็มทิศสาสน์เต๋าจึงได้มีปฏิกิริยาขึ้น
สำหรับบรรพจารย์จักรภพ จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ย่อมคุ้นเคยอย่างดี ท่ามกลางวันคืนอันยาวนาน ข่าวลือมากมายต่างบอกว่าเขากับบรรพจารย์จักรภพเป็นทั้งอาจารย์ทั้งสหาย ถือเป็นกึ่งศิษย์ของบรรพจารย์จักรภพ
ฉินจ้านและตู๋กูติดตามมกุฎเต๋าหวูจี๋ ก็เคยได้เข้าพบบรรพจารย์จักรภพ
เพราะฉะนั้นเมื่อบรรพจารย์จักรภพปรากฎตัวขึ้น นอกจากหลัวซิวแล้ว อีกสามคนที้เหลือต่างก็กำมือทำความเคารพ
“เฉิงอัน ไม่เจอกันนาน” บรรพจารย์จักรภพมองไปยังจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ปราดหนึ่ง หลายคนต่างคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นดีมาก แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น。
จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์สวีเฉิงอันเคยร้องทุกข์กับหลัวซิว ตลอดเวลาที่ผ่านมาบรรพจารย์จักรภพต้องการที่จะควบคุมเขาไว้ในกำมือ หากไม่ใช่ว่าถูกตวบคุมโดยบรรพจารย์จักรภพ บางทีเขาอาจจะบรรลุแดนมกุฎเต๋าไปเนิ่นนานแล้ว
แน่นอนว่า ถึงแม้จะไม่มีบรรพจารย์จักรภพ ก็ยังมีมกุฎเต๋าคนอื่น ๆ พยายามที่จะควบคุมเขา ถึงอย่างไรพรสวรรค์ในการสำรวจโชคชะตานั้น ในขณะที่มันสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้อื่น ในเวลาเดียวกันก็ทำให้ทุกคนอยากจะครอบครองความสามารถนี้ไว้ในมือของตนด้วย
สวีเฉิงอันไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด เขาเลือกแล้วที่จะร่วมมือกับหลัวซิว เช่นนั้นระหว่างบรรพจารย์จักรภพแล้วย่อมไม่มีความจำเป็นต้องแสร้งแสดงความนอบน้อมและคล้อยตามต่อไปอีกแต่อย่างใด เมื่อไปจากพิภพจักรวาลแห่งนี้ไปยังโลกาเซียน สู่โลกอันกว้างใหญ่ นั่นจึงจะเป็นสิ่งที่เขาตามหาในชีวิตนี้
สำหรับสวีเฉิงอันที่ไม่สนใจตนนั้น บรรพจารย์จักรภพก็ไม่ได้แสดงอาการโมโหแต่อย่างใด หันกลับไปมองฉินจ้านและตู๋กูอีกครั้ง “ดูแล้วพวกเจ้าคงจะหลุดพ้นจากการควบคุมของหวูจี๋แล้ว”
ระหว่างที่พูดนั้น ดวงตาของบรรพจารย์จักรภพก็รี่ลงเล็กน้อย ในสถานการณ์ที่หวูจี๋แข็งแกร่งมากนั้น เขาก็เคยถูกฝังวิญญาณต้องห้าม ดังนั้นบรรพจารย์จักรภพจึงรู้อย่างลึกซึ้งถึงความทรงพลังของวิญญาณต้องห้าม
สำหรับที่เขาไม่ได้ถูกคุกคามโดยวิญญาณต้องห้าม เป็นเพราะเขาใช้พลังแห่งเพลาของใจแห่งศุภร เพื่อระงับตัวต้องห้ามในร่างกายของเขาไว้ชั่วคราว
ถึงอย่างไรการระงับไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่แท้จริง วิญญาณต้องห้ามเช่นนั้นมาจากมือของราชาเซียน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขายังไม่พบวิธีแก้ได้เลย
จนกระทั่งบัดนี้ สายตาของบรรพจารย์จักรภพจึงตกลงบนร่างของหลัวซิวผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงท่านนี้ เขาตามค้นหาการเหนี่ยวนำของใจแห่งศุภรมาถึงที่นี่ นั่นก็คือมาหาหลัวซิวนั่นเอง
“ข้ารู้ว่าชิ้นส่วนหนึ่งของใจแห่งศุภรอยู่กับเจ้า จะส่งมาให้ข้าได้หรือไม่?” บรรพจารย์จักรภพจ้องมองหลัวซิวแล้วเอ่ยพูด
ก่อนช่วงเวลาอันยาวนานไร้ที่สิ้นสุด หลังจากที่ราชาเซียนหยุนหลงตายไป มกุฎเต๋ามากมายก็เคยก่อการต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่ออัญมณีดั้งเดิม
อัญมณีดั้งเดิมแม้จะทรงพลังก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เทียมทาน ท่ามกลางมหาสงครามนั้น ใจแห่งศุภรที่เต็มไปด้วยธรรมเวชเพลาก็ถูกจับจับตามอง ดังนั้นความเสียหายจึงค่อนข้างมาก
กองกำลังจ่างเทียนตี้ภายใต้การบังคับบัญชาของมกุฎเต๋าสังสารวัฏก็ออกตามหาชิ้นส่วนศุภรไปทั่วทุกโลกาในจักรวาล ด้วยความคิดที่ว่าวันใดวันหนึ่งจะสามารถแย่งเอาใจแห่งศุภรมาอยู่ในมือได้
นำชิ้นส่วนผสานเข้ากับใจแห่งศุภร เช่นนั้นธรรมเวชเพลาของใจแห่งศุภรก็จะฟื้นฟูบริบูรณ์ ต่อไปเมื่อกลายเซียนมรรคผลแล้ว ใจแห่งศุภรที่เต็มไปด้วยธรรมเวชเพลาก็จะเพิ่มระดับตามไปด้วย กลายเป็นภัณฑ์เซียน พลังแห่งเพลาก็จะบรรลุพลังงานระดับวิถีเซียน
ถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางชาวเซียน คนที่สามารถควบคุมพลังแห่งเพลาได้นั้นก็มีไม่มาก ไม่ว่าสมบัติชิ้นใดที่เต็มไปด้วยพลังแห่งเพลา ราคาของมันก็ไม่อาจจะประเมินได้
สำหรับบรรพจารย์จักรภพ หลัวซิวไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีแต่อย่างใดเลยแม้แต่น้อย แม้ว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์โจ้เทียนรวมถึงเทียนหย่งต่างก็เป็นลูกหลานของบรรพจารย์จักรภพ แต่สำหรับบรรพจารย์จักรภพแล้ว พวกเขาก็เป็นเพียงแค่หมาก หมากที่สามารถละทิ้งหรือส่งไปตายได้ทุกเวลา
ชิ้นส่วนศุภร คือสิ่งที่เทียนหย่งทิ้งเอาไว้ให้เขา หลัวซิวย่อมไม่มีทางมอบให้เขาอย่างแน่นอน
“ข้าจะไม่มอบมันให้เจ้า เอาใจแห่งศุภรในมือของเจ้าส่งมาให้ข้า” หลัวซิวพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ว่าอย่างไรนะ?”
บรรพจารย์จักรภพชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งเขาคิดว่าตนได้ยินผิดไป เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่มอบชิ้นส่วนศุภรส่งคืนให้เขาก็เรื่องหนึ่ง แต่ยังคิดจะแย่งชิงใจแห่งศุภรในมือของเขาอีกหรือ?
“หลัวซิว เจ้าเกินไปแล้ว!”
น้ำเสียงของบรรพจารย์จักรภพแฝงไปด้วยความโมโห “อย่าได้ผยองไปว่ามีดาบหักเซียนก็จะสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการได้ พลังของธรรมเวชเพลาไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถจินตนาการได้!”
ควบคุมธรรมเวชเพลาของใจแห่งศุภร หากไม่ใช่ว่าในตอนนั้นถูกหวูซินและมกุฎมังกรอิมเอี๊ยงลอบทำร้าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะต้องเป็นหนึ่งในมกุฎเต๋าที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน
ถึงแม้ท่ามกลางมกุฎเต๋า ผลการฝึกตนของเขาจะไม่สูง เป็นเพียงแค่มกุฎเต๋าช่วงปลาย แต่อาศัยความลึกลับของธรรมเวชเพลา เขาก็สามารถไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใด
“เช่นนั้นก็ไม่มีสิ่งใดต้องพูดอีก”
หลัวซิวก็คร้านจะพูดไร้สาระต่อ ยกมือขึ้นจับ ดาบหักเซียนก็พลันปรากฏขึ้นในมือ โบกสะบัดออกไป
สำหรับดาบหักเซียน บรรพจารย์จักรภพหากจะพูดว่าไม่เป็นกังวลก็คงเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่เขาเชื่อว่าอาศัยธรรมเวชเพลาของตนก็สามารถต้านไว้ได้
ใจแห่งศุภรที่มีรูปร่างเหมือนลูกแก้วทรงเพชรลอยขึ้นเหนือศีรษะ เวลาของห้วงดาราโดยรอบดูเหมือนจะช้าลงอย่างถึงที่สุด ดวงแสงดาบของดาบหักเซียนภายใต้ผลกระทบของพลังแห่งเพลา ความเร็วถูกลดลงไม่รู้กี่เท่า
ไม่เพียงเท่านั้น พลังแห่งเพลาอันแข็งแกร่งยังสร้างอาณาขึ้นมา ปกคลุมหลัวซิว ซึ่งเป็นพลังที่ย้อนเวลาราวกับจะย้อนกลับสถานะผลการฝึกตนของเขา
“นี่คือสิ่งที่เจ้าเพิ่งพางั้นรึ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...