หลัวซิวไม่ใช่คนที่จิตใจเมตตาดีงามจัดการเรื่องราวด้วยวิธีการที่ละมุนละม่อมเหมาะสมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว สาเหตุที่เขาไม่สังหารบรรพจารย์จักรภพนั้น เป็นเพราะเห็นแก่หน้าเทียนหย่ง
ถึงแม้การตายของเทียนหย่งจะมีความเกี่ยวข้องกับบรรพจารย์จักรภพก็ตาม ทว่าจากความเข้าใจของเขาที่มีต่อเทียนหย่ง เทียนหย่งไม่อยากให้เขาสังหารบรรพจารย์จักรภพแน่นอน
อย่างไรเสียบรรพจารย์จักรภพที่อยู่ในใจเทียนหย่งก็เป็นผู้บุกเบิก เป็นต้นกำเนิดของการพัฒนาขยายพันธุ์
“ข้าสามารถมอบใจแห่งศุภรให้แก่เจ้าได้ ทว่าเจ้าจำเป็นต้องช่วยข้าทำลายตัวต้องห้ามในวิญญาณทิ้ง”บรรพจารย์จักรภพเอ่ยปากพูด
จากศักยภาพของฉินจ้าน ย่อมไม่มีทางมีศักยภาพที่สามารถทลายตัวต้องห้ามที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อยู่แล้ว เช่นนั้นในเมื่อฉินจ้านอยู่พร้อมกับหลัวซิว แสดงว่ามีโอกาสสูงมากที่หลัวซิวเป็นผู้ลงมือช่วยเขาจัดการปัญหาเรื่องวิญญาณต้องห้าม
“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาเจรจาเงื่อนไขกับข้า”หลัวซิวพูดอย่างเยือกเย็น ในเมื่อเขาไม่อยากสังหารบรรพจารย์จักรภพ อันที่จริงเขาก็มีความคิดที่จะช่วยจัดการปัญหาเรื่องวิญญาณต้องห้ามเช่นกัน แต่ทว่าบรรพจารย์จักรภพกลับไม่มีสิทธิ์นำเรื่องนี้มาเจรจาต่อรองกับตน
ภายใต้สถานการณ์ที่จนปัญญา บรรพจารย์จักรภพถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ใจแห่งศุภรบินออกมาจากหว่างคิ้ว แล้วกลายเป็นลักษณะของคริสตัลรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนที่มีขนาดเท่าหนึ่งกำปั้น
“บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตา”บรรพจารย์จักรภพในวินาทีนี้ราวกับยอมรับในชะตากรรมแล้วยังไงอย่างนั้น
เข็มทิศสาส์นเต๋าสั่นเทิ้มจนเสียงดังหึ่ง ๆ หลัวซิวยื่นมือออกไปคว้าใจแห่งศุภรมา จากนั้นใจแห่งศุภรก็กลายเป็นลำแสงดวงหนึ่ง ร่วงลงบนเข็มทิศสาส์นเต๋า
เข็มทิศสาส์นเต๋าราวกับมีธาตุทิพย์ เสี้ยววินาทีที่สมบัติทั้งสองชิ้นสัมผัสเข้าด้วยกัน พวกมันก็หลอมรวมกันโดยตรง ใจแห่งศุภรหลอมรวมเข้าไปในเข็มทิศสาส์นเต๋า
ตอนแรกภายในเข็มทิศสาส์นเต๋ามีพลังเกณฑ์อย่างปริภูมิและเวลาแฝงซ่อนอยู่ ทว่าหลังจากหลอมรวมเข้ากับใจแห่งศุภร พลังเกณฑ์เวลาก็อยู่เหนือพลังเกณฑ์ปริภูมิทันที
“อย่าขัดขืน”
หลัวซิวไม่ได้ชักดาบหักเซียนออกมาจากร่างกายบรรพจารย์จักรภพแต่อย่างใด แต่เป็นการโคจรต้องห้ามภูตเซียนไท่ซ่าง ทลายตัวต้องห้ามที่อยู่ในวิญญาณของเขา
นี่จึงทำให้บรรพจารย์จักรภพรู้สึกตื่นเต้นดีใจเล็กน้อย เดิมทีเขาก็คิดว่าไม่มีความหวังแล้ว แต่กลับไม่นึกเลยว่าในช่วงเวลาที่ความสิ้นหวังใกล้จะมาเยือนจริง ๆ หลัวซิวกลับมอบความหวังให้เขาอีกครั้ง
“เจ้าดูแลตัวเองให้ดีล่ะ”
หลัวซิวไม่มีคำพูดอะไรที่อยากจะพูดกับบรรพจารย์จักรภพ เขาได้รับใจแห่งศุภรมา แต่ก็ช่วยบรรพจารย์จักรภพจัดการภัยคุกคามอย่างวิญญาณต้องห้ามเช่นกัน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเขาจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ต่อกันอีก
“ช้าก่อน……”
บรรพจารย์จักรภพเอ่ยปากพูดกะทันหัน: “พวกเจ้าจะเดินทางไปตระกูลจีหรือ?”
“ใช่ขอรับ ผู้อาวุโสบรรพจารย์จักรภพมีปัญหาอะไรหรือไม่ขอรับ?”
แตกต่างจากหลัวซิวที่เย็นชา ฉินจ้านไม่ค่อยอคติต่อบรรพจารย์จักรภพมากเท่าไหร่นัก ทั้งยังค่อนข้างเกรงใจด้วย
ตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านพ้นมา บรรพจารย์จักรภพก็ถือเป็นตำนานในยุคสมัยหนึ่งเช่นกัน ปัจจุบันตำนานคนนี้ถูกดึงลงไปจากบัลลังก์เทพ ฉินจ้านจึงรู้สึกเสียดายเล็กน้อยอยู่
ไม่ใช่บรรพจารย์จักรภพแข็งแกร่งไม่มากพอ แต่เป็นเพราะน้องสามที่เขาเพิ่งร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันได้ไม่นานแข็งแกร่งเกินไปแล้ว
“จำนวนคนที่ทราบเหตุการตายของจีชูหยางมีไม่น้อย ดังนั้นจึงมีคนจำนวนไม่น้อยต่างมุ่งเป้าไปที่สะพานทะยานเซียน”
บรรพจารย์จักรภพสูดหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า: “พวกเจ้าต้องไม่มีทางเดาได้แน่นอนว่าข้าเจอผู้ใด”
“ผู้ใดรึ?”
“หลินเทียน!”
“หลินเทียน?”
หลังจากบรรพจารย์จักรภพพูดชื่อดังกล่าวออกมา ก็มีความสงสัยปรากฏบนใบหน้าหลัวซิวและฉินจ้าน
“ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเขาอย่างนั้นหรือ? เขาก็ปรากฏตัวแล้วหรือ?”
ในทางตรงกันข้าม ปฏิกิริยาของจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์กลับไม่ธรรมดา มีรังสีแห่งความตะลึงทะลุออกมาจากแววตา
“ข้าจำได้แล้ว เขาคือหนึ่งในศิษย์ทั้ง 12 ของบรรพสวรรค์ในยุคไท่ชู และเป็นหนึ่งใน12 สวรรค์แห่งไท่ชูเช่นกัน!”ฉินจ้านพูด
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินจ้าน ตู๋กูก็พยักหน้าเช่นกัน เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าเขากำลังนึกขึ้นมาได้แล้ว
หลัวซิวก็เคยได้ยินชื่อของ 12 สวรรค์เช่นกัน ในบรรดา 12 สวรรค์แห่งไท่ชู มีคนที่ชื่อหลินเทียนจริง ๆ ทว่าการบันทึกของคนดังกล่าวกลับมีน้อยมาก ๆ
“ในบรรดาลูกศิษย์ทั้ง 12 ของบรรพสวรรค์ หลินเทียนนั่นเป็นผู้ที่ลึกลับที่สุด หลังจากเขาฝึกถึงแดนประมุขเต๋าได้ไม่นานก็หายตัวไปแล้ว ใต้หล้านี้มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเขาน้อยมาก ๆ ไม่นึกเลยว่าเวลาล่วงเลยมายาวนานเช่นนี้ เขาจะปรากฏตัวอีกครั้ง”จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์พูด
“เจ้าพูดถูก ตั้งแต่เขาหายเข้าไปในกลีบเมฆเป็นต้นมา ก็ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าเขาไปที่ใด ตั้งแต่ไท่ชูจวบจนปัจจุบัน กาลเวลาได้ผ่านพ้นมาอย่างยาวนาน ข้าก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าจะเจอเขา และสิ่งที่ยิ่งคาดไม่ถึงคือผลการฝึกตนของเขาอยู่ในแดนกึ่งเซียนแล้ว”บรรพจารย์จักรภพพูดอย่างทอดถอนใจ
“กึ่งเซียน?”
ข้อมูลนี้ทำให้พวกหลัวซิวตกตะลึงหนักมาก
หลินเทียนเป็นลูกศิษย์ของบรรพสวรรค์ เป็นรุ่นหลังของเหล่ามกุฎเต๋า ตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านพ้นมา เหล่ามกุฎเต๋าล้วนถูกพันธนาการอยู่ในแดนมกุฎเต๋า แต่ไม่นึกเลยว่าหลินเทียนที่เป็นรุ่นหลังจะก้าวเข้าสู่แดนกึ่งเซียนแล้ว เดินนำอยู่ด้านหน้าเหล่ามกุฎเต๋าแล้ว?
หากหลินเทียนนั่นไม่ได้รับโชคโอกาสที่ยิ่งใหญ่ ก็ต้องเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ปัญญาล้ำเลิศมากอย่างแน่นอน!
“หลินเทียนก็ไปตระกูลจีแล้ว”
บรรพจารย์จักรภพพูด “ไม่ใช่แค่หลินเทียนเท่านั้น ศิษย์น้องหยุนเซวียนก็ไปเช่นกัน หากข้าเดาไม่ผิดละก็ หวูจี๋ก็ต้องไปด้วยแน่นอน”
อ้างอิงจากคำพูดของบรรพจารย์จักรภพ การเดินทางไปตระกูลจีในครั้งนี้ต้องมีสงครามยิ่งใหญ่ที่สะเทือนโลกเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นคือมกุฎเต๋าสังสารวัฏที่ปิดขังมาห้าร้อยกว่าปีก็มีโอกาสปรากฏสูงมาก
หนืดอมฤตตรีภพไม่ใช่ทรัพยากรการฝึกตนแต่อย่างใด ดังนั้นมันจึงยกระดับผลการฝึกตนได้ไม่มากนัก ส่วนธรรมเวชที่มกุฎเต๋าสังสารวัฏฝึกก็แตกต่างจากธรรมเวชตรีภพที่แฝงอยู่ในหนืดอมฤตตรีภพ ดังนั้นหลัวซิวจึงสามารถยืนยันได้อยู่ว่ามกุฎเต๋าสังสารวัฏยังไม่สามารถอาศัยหนืดอมฤตตรีภพหนึ่งหยดบรรลุมรรคผลกลายเซียน
เมื่อเป็นเช่นนี้ มกุฎเต๋าสังสารวัฏก็ต้องกระหายที่จะไปโลกเซียนเช่นกันแน่นอน ดังนั้นจึงต้องลงมือช่วงชิงสะพานทะยานเซียนแน่ ๆ
หลัวซิวพูดคำว่าใช่จริง ๆ ด้วยในใจ การดับสลายสูญสิ้นของราชาเซียนหยุนหลงเกิดจากฝีมือของเฉว่โยว ในฐานะที่เป็นบุตรสาวของหยุนหลง หลังจากเทพธิดาหยุนเซวียนทราบข่าวที่เฉว่โยวทลายผนึกอุบัติขึ้นมาอีกครั้ง นางจึงอยากล้างแค้นให้ท่านพ่อตนเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
แต่ทว่าเฉว่โยวสถิตอยู่ในร่างกายหวูจี๋ ถือเป็นศัตรูตัวฉกาจระดับกึ่งเซียนแดนราชาเซียน หยุนเซวียนรู้ว่าตนมิใช่คู่ต่อสู้ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้นางก็คอยอำพรางตัวมาโดยตลอด และเคยเกือบถูกจับกุมได้ด้วย
ส่วนวินาทีนี้ในเมื่อนางปรากฏที่นี่แล้ว ก็หมายความว่านางต้องมีอุบายบางอย่างที่สามารถต่อกรกับเฉว่โยวได้อย่างแน่นอน
“เจ้าจะช่วยข้าหรือไม่?”หยุนเซวียนมองไปทางหลัวซิว ถึงแม้ผลการฝึกตนของหลัวซิวจะเป็นมกุฎเต๋าขั้นปฐมภูมิ แต่มียุทธภัณฑ์เซียนทั้งสองอย่างดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้า จึงสามารถสร้างภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ให้แก่เฉว่โยวและหวูจี๋ได้อย่างแน่นอน
“แน่นอนอยู่แล้วสิ”หลัวซิวยิ้มอ่อน ระหว่างเขาและเฉว่โยวกับหวูจี๋อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่จบไม่สิ้นแล้ว หากสามารถร่วมมือกับเทพธิดาหยุนเซวียน ไฉนจะไม่เห็นดีด้วยเล่า?
ส่วนผลการฝึกตนของเทพธิดาหยุนเซวียนนั้น หลัวซิวก็มองเห็นแล้วเช่นกัน ไม่นึกเลยว่านางจะฝึกถึงมกุฎเต๋าช่วงปลายแล้ว จึงแสดงให้เห็นเลยว่าราชาเซียนหยุนหลงได้ทิ้งมรดกที่ไม่ธรรมดาไว้ให้นาง บวกกับในมือนางมีหนืดอมฤตตรีภพห้าหยด มิเช่นนั้นผลการฝึกตนของนางไม่มีทางยกระดับได้เร็วขนาดนี้แน่นอน
ทันใดนั้นเอง ก็มีพลังออร่าที่น่าสยดสยองจุติลงมา
กงล้อวัฏจักรธรรมที่ใหญ่โตมโหฬารปรากฏกลางอากาศ และมกุฎเต๋าสังสารวัฏที่มีพลังออร่าอันแข็งแกร่งตลบฟุ้งอยู่รอบกายก็ยืนอยู่ด้านล่างกงล้อวัฏจักรธรรมนั่นเอง สายตาจ้องมองมาทางหลัวซิว
“สังสารวัฏ!”แววตาที่งดงามของหยุนเซวียนดูเข้มงวดขึ้นมา เห็นได้ชัดเจนเลยว่าพลังออร่าของมกุฎเต๋าสังสารวัฏแข็งแกร่งกว่าเมื่อห้าร้อยกว่าปีก่อนไม่น้อย หลังจากกลั่นแปรหนืดอมฤตตรีภพ ถึงแม้ยังไม่บรรลุมรรคผลกลายเซียน แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากการบรรลุเป็นเซียนแล้ว
หลังจากมกุฎเต๋าสังสารวัฏปรากฏ เขาไม่ได้สนใจผู้อื่นแต่อย่างใด แต่เป็นการง้างมือปล่อยตรามหาหัตถ์สังหารไปทางหลัวซิวโดยตรง
สามารถพูดได้เลยว่าหลัวซิวเป็นคนที่มกุฎเต๋าสังสารวัฏจำเป็นต้องสังหาร เนื่องจากเขารู้อยู่ว่าหลัวซิวมีดาบหักเซียน หากได้ครอบครองดาบฉกรรจ์สุดหล้าเล่มนั้น เช่นนั้นแม้นจักบินทะยานสู่โลกเซียน เขาก็สามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งได้อย่างแน่นอน
“อดใจรอไม่ไหวขนาดนี้เลยหรือ?”
เมื่อเห็นว่ามกุฎเต๋าสังสารวัฏลงมือโจมตีตัวเอง หลัวซิวย่อมไม่มีทางรอให้ความตายมาเยือนอยู่แล้ว มีพลังแห่งห้วงเวลาถูกกระตุ้นออกมาจากเข็มทิศสาส์นเต๋า ทำการส่งตัวจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ ฉินจ้านแล้วก็ตู๋กูออกไปไกล ๆ เขาจักเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจคนเดียว
ตราเบญจธาตุสูญพันธุ์!
เสียงระเบิดที่สะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น ตรามหาหัตถ์ทั้งสองประสานงากันกลางห้วงดารา คลื่นพลังที่น่ากลัวม้วนซัดออกไป ทำลายล้างทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบ ๆ
“ดูท่าศักยภาพของมึงก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยนี่”
มกุฎเต๋าสังสารวัฏทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง เห็นเพียงเขาก้าวเดินอยู่บนอากาศที่ว่างเปล่า เงาร่างปรากฏตรงหน้าหลัวซิวโดยตรง พลังแห่งวัฏสงสารผนึกรวมอยู่กลางฝ่ามือ แล้วปล่อยหมัดฆ่าสังหารไปทางหลัวซิว
เส้นทางแห่งวัฏสงสารที่มกุฎเต๋าสังสารวัฏฝึก ได้ผนึกรวมวิถีเกณฑ์การเวียนว่ายตายเกิดและห้วงเวลาออกมาแล้ว แม้นเมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์วัฏสงสารที่แท้จริง เกณฑ์วัฏสงสารของเขาจะกระจอกงอกง่อยมากก็ตาม แต่เขาที่อยู่ในแดนกึ่งเซียนก็มีความล้ำลึกที่น่าทึ่งแฝงซ่อนอยู่ในเกณฑ์วัฏสงสารเช่นกัน
เมื่อเผชิญหน้ากับหมัดนี้ หลัวซิวรู้สึกว่าห้วงเวลารอบตัวถูกคุมขังไปแล้ว วิญญาณของเขาเหมือนถูกฉุดกระชากเข้าไปในวัฏสงสาร มีภาพมายาที่นับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในหัว ราวกับเขาที่อยู่ในวัฏสงสารกำลังเผชิญหน้ากับการเกิดแก่เจ็บตายที่แตกต่างกันครั้งแล้วครั้งเล่า
“สรรพวิถีล้วนว้าง!”
หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่น มีแสงเซียนแย้มบานอยู่รอบกาย ภาพมายาทั้งปวงดับสลายหายไป ห้วงเวลาที่คุมขังก็ถูกทลายเช่นกัน ทุกตำแหน่งที่แสงเซียนไร้ลักษณ์เคลื่อนผ่าน สรรพวิชาล้วนสลาย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...