มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3061

หลัวซิวไม่ใช่คนที่จิตใจเมตตาดีงามจัดการเรื่องราวด้วยวิธีการที่ละมุนละม่อมเหมาะสมมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว สาเหตุที่เขาไม่สังหารบรรพจารย์จักรภพนั้น เป็นเพราะเห็นแก่หน้าเทียนหย่ง

ถึงแม้การตายของเทียนหย่งจะมีความเกี่ยวข้องกับบรรพจารย์จักรภพก็ตาม ทว่าจากความเข้าใจของเขาที่มีต่อเทียนหย่ง เทียนหย่งไม่อยากให้เขาสังหารบรรพจารย์จักรภพแน่นอน

อย่างไรเสียบรรพจารย์จักรภพที่อยู่ในใจเทียนหย่งก็เป็นผู้บุกเบิก เป็นต้นกำเนิดของการพัฒนาขยายพันธุ์

“ข้าสามารถมอบใจแห่งศุภรให้แก่เจ้าได้ ทว่าเจ้าจำเป็นต้องช่วยข้าทำลายตัวต้องห้ามในวิญญาณทิ้ง”บรรพจารย์จักรภพเอ่ยปากพูด

จากศักยภาพของฉินจ้าน ย่อมไม่มีทางมีศักยภาพที่สามารถทลายตัวต้องห้ามที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อยู่แล้ว เช่นนั้นในเมื่อฉินจ้านอยู่พร้อมกับหลัวซิว แสดงว่ามีโอกาสสูงมากที่หลัวซิวเป็นผู้ลงมือช่วยเขาจัดการปัญหาเรื่องวิญญาณต้องห้าม

“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาเจรจาเงื่อนไขกับข้า”หลัวซิวพูดอย่างเยือกเย็น ในเมื่อเขาไม่อยากสังหารบรรพจารย์จักรภพ อันที่จริงเขาก็มีความคิดที่จะช่วยจัดการปัญหาเรื่องวิญญาณต้องห้ามเช่นกัน แต่ทว่าบรรพจารย์จักรภพกลับไม่มีสิทธิ์นำเรื่องนี้มาเจรจาต่อรองกับตน

ภายใต้สถานการณ์ที่จนปัญญา บรรพจารย์จักรภพถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ใจแห่งศุภรบินออกมาจากหว่างคิ้ว แล้วกลายเป็นลักษณะของคริสตัลรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนที่มีขนาดเท่าหนึ่งกำปั้น

“บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตา”บรรพจารย์จักรภพในวินาทีนี้ราวกับยอมรับในชะตากรรมแล้วยังไงอย่างนั้น

เข็มทิศสาส์นเต๋าสั่นเทิ้มจนเสียงดังหึ่ง ๆ หลัวซิวยื่นมือออกไปคว้าใจแห่งศุภรมา จากนั้นใจแห่งศุภรก็กลายเป็นลำแสงดวงหนึ่ง ร่วงลงบนเข็มทิศสาส์นเต๋า

เข็มทิศสาส์นเต๋าราวกับมีธาตุทิพย์ เสี้ยววินาทีที่สมบัติทั้งสองชิ้นสัมผัสเข้าด้วยกัน พวกมันก็หลอมรวมกันโดยตรง ใจแห่งศุภรหลอมรวมเข้าไปในเข็มทิศสาส์นเต๋า

ตอนแรกภายในเข็มทิศสาส์นเต๋ามีพลังเกณฑ์อย่างปริภูมิและเวลาแฝงซ่อนอยู่ ทว่าหลังจากหลอมรวมเข้ากับใจแห่งศุภร พลังเกณฑ์เวลาก็อยู่เหนือพลังเกณฑ์ปริภูมิทันที

“อย่าขัดขืน”

หลัวซิวไม่ได้ชักดาบหักเซียนออกมาจากร่างกายบรรพจารย์จักรภพแต่อย่างใด แต่เป็นการโคจรต้องห้ามภูตเซียนไท่ซ่าง ทลายตัวต้องห้ามที่อยู่ในวิญญาณของเขา

นี่จึงทำให้บรรพจารย์จักรภพรู้สึกตื่นเต้นดีใจเล็กน้อย เดิมทีเขาก็คิดว่าไม่มีความหวังแล้ว แต่กลับไม่นึกเลยว่าในช่วงเวลาที่ความสิ้นหวังใกล้จะมาเยือนจริง ๆ หลัวซิวกลับมอบความหวังให้เขาอีกครั้ง

“เจ้าดูแลตัวเองให้ดีล่ะ”

หลัวซิวไม่มีคำพูดอะไรที่อยากจะพูดกับบรรพจารย์จักรภพ เขาได้รับใจแห่งศุภรมา แต่ก็ช่วยบรรพจารย์จักรภพจัดการภัยคุกคามอย่างวิญญาณต้องห้ามเช่นกัน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเขาจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ต่อกันอีก

“ช้าก่อน……”

บรรพจารย์จักรภพเอ่ยปากพูดกะทันหัน: “พวกเจ้าจะเดินทางไปตระกูลจีหรือ?”

“ใช่ขอรับ ผู้อาวุโสบรรพจารย์จักรภพมีปัญหาอะไรหรือไม่ขอรับ?”

แตกต่างจากหลัวซิวที่เย็นชา ฉินจ้านไม่ค่อยอคติต่อบรรพจารย์จักรภพมากเท่าไหร่นัก ทั้งยังค่อนข้างเกรงใจด้วย

ตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านพ้นมา บรรพจารย์จักรภพก็ถือเป็นตำนานในยุคสมัยหนึ่งเช่นกัน ปัจจุบันตำนานคนนี้ถูกดึงลงไปจากบัลลังก์เทพ ฉินจ้านจึงรู้สึกเสียดายเล็กน้อยอยู่

ไม่ใช่บรรพจารย์จักรภพแข็งแกร่งไม่มากพอ แต่เป็นเพราะน้องสามที่เขาเพิ่งร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันได้ไม่นานแข็งแกร่งเกินไปแล้ว

“จำนวนคนที่ทราบเหตุการตายของจีชูหยางมีไม่น้อย ดังนั้นจึงมีคนจำนวนไม่น้อยต่างมุ่งเป้าไปที่สะพานทะยานเซียน”

บรรพจารย์จักรภพสูดหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า: “พวกเจ้าต้องไม่มีทางเดาได้แน่นอนว่าข้าเจอผู้ใด”

“ผู้ใดรึ?”

“หลินเทียน!”

“หลินเทียน?”

หลังจากบรรพจารย์จักรภพพูดชื่อดังกล่าวออกมา ก็มีความสงสัยปรากฏบนใบหน้าหลัวซิวและฉินจ้าน

“ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเขาอย่างนั้นหรือ? เขาก็ปรากฏตัวแล้วหรือ?”

ในทางตรงกันข้าม ปฏิกิริยาของจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์กลับไม่ธรรมดา มีรังสีแห่งความตะลึงทะลุออกมาจากแววตา

“ข้าจำได้แล้ว เขาคือหนึ่งในศิษย์ทั้ง 12 ของบรรพสวรรค์ในยุคไท่ชู และเป็นหนึ่งใน12 สวรรค์แห่งไท่ชูเช่นกัน!”ฉินจ้านพูด

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินจ้าน ตู๋กูก็พยักหน้าเช่นกัน เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าเขากำลังนึกขึ้นมาได้แล้ว

หลัวซิวก็เคยได้ยินชื่อของ 12 สวรรค์เช่นกัน ในบรรดา 12 สวรรค์แห่งไท่ชู มีคนที่ชื่อหลินเทียนจริง ๆ ทว่าการบันทึกของคนดังกล่าวกลับมีน้อยมาก ๆ

“ในบรรดาลูกศิษย์ทั้ง 12 ของบรรพสวรรค์ หลินเทียนนั่นเป็นผู้ที่ลึกลับที่สุด หลังจากเขาฝึกถึงแดนประมุขเต๋าได้ไม่นานก็หายตัวไปแล้ว ใต้หล้านี้มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเขาน้อยมาก ๆ ไม่นึกเลยว่าเวลาล่วงเลยมายาวนานเช่นนี้ เขาจะปรากฏตัวอีกครั้ง”จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์พูด

“เจ้าพูดถูก ตั้งแต่เขาหายเข้าไปในกลีบเมฆเป็นต้นมา ก็ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าเขาไปที่ใด ตั้งแต่ไท่ชูจวบจนปัจจุบัน กาลเวลาได้ผ่านพ้นมาอย่างยาวนาน ข้าก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าจะเจอเขา และสิ่งที่ยิ่งคาดไม่ถึงคือผลการฝึกตนของเขาอยู่ในแดนกึ่งเซียนแล้ว”บรรพจารย์จักรภพพูดอย่างทอดถอนใจ

“กึ่งเซียน?”

ข้อมูลนี้ทำให้พวกหลัวซิวตกตะลึงหนักมาก

หลินเทียนเป็นลูกศิษย์ของบรรพสวรรค์ เป็นรุ่นหลังของเหล่ามกุฎเต๋า ตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านพ้นมา เหล่ามกุฎเต๋าล้วนถูกพันธนาการอยู่ในแดนมกุฎเต๋า แต่ไม่นึกเลยว่าหลินเทียนที่เป็นรุ่นหลังจะก้าวเข้าสู่แดนกึ่งเซียนแล้ว เดินนำอยู่ด้านหน้าเหล่ามกุฎเต๋าแล้ว?

หากหลินเทียนนั่นไม่ได้รับโชคโอกาสที่ยิ่งใหญ่ ก็ต้องเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ปัญญาล้ำเลิศมากอย่างแน่นอน!

“หลินเทียนก็ไปตระกูลจีแล้ว”

บรรพจารย์จักรภพพูด “ไม่ใช่แค่หลินเทียนเท่านั้น ศิษย์น้องหยุนเซวียนก็ไปเช่นกัน หากข้าเดาไม่ผิดละก็ หวูจี๋ก็ต้องไปด้วยแน่นอน”

อ้างอิงจากคำพูดของบรรพจารย์จักรภพ การเดินทางไปตระกูลจีในครั้งนี้ต้องมีสงครามยิ่งใหญ่ที่สะเทือนโลกเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นคือมกุฎเต๋าสังสารวัฏที่ปิดขังมาห้าร้อยกว่าปีก็มีโอกาสปรากฏสูงมาก

หนืดอมฤตตรีภพไม่ใช่ทรัพยากรการฝึกตนแต่อย่างใด ดังนั้นมันจึงยกระดับผลการฝึกตนได้ไม่มากนัก ส่วนธรรมเวชที่มกุฎเต๋าสังสารวัฏฝึกก็แตกต่างจากธรรมเวชตรีภพที่แฝงอยู่ในหนืดอมฤตตรีภพ ดังนั้นหลัวซิวจึงสามารถยืนยันได้อยู่ว่ามกุฎเต๋าสังสารวัฏยังไม่สามารถอาศัยหนืดอมฤตตรีภพหนึ่งหยดบรรลุมรรคผลกลายเซียน

เมื่อเป็นเช่นนี้ มกุฎเต๋าสังสารวัฏก็ต้องกระหายที่จะไปโลกเซียนเช่นกันแน่นอน ดังนั้นจึงต้องลงมือช่วงชิงสะพานทะยานเซียนแน่ ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ