เมื่อหลัวซิวกลับมาถึงห้วงดาราที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกับดาวเคราะห์ตระกูลจี เขาก็สัมผัสออร่าของไข่มุกจิ่วหลงดั้งเดิมได้ทันที
ศึกสงครามแห่งเซียนในยุคสมัยประเทศเซียน ทำให้ดาราจักรวาลถูกโจมตีจนกลายเป็นตรีภพหรือกลุ่มธาตุอากาศสลัว
หลังจากการเวลาผ่านพ้นมายาวนานอย่างไม่รู้จบ ตรีภพก็เริ่มบุกเบิกวิวัฒนาการใหม่อีกครั้ง มีอัญดั้งเดิมแปดชิ้นถูกหล่อเลี้ยงออกมาในดั้งเดิม เนื่องจากบรรพจารย์ดินก็เป็นเผ่ามังกรที่ถูกหล่อเลี้ยงออกมาจากดั้งเดิมเช่นกัน ฉะนั้นเมื่อปีนั้นราชาเซียนหยุนหลงจึงประทานไข่มุกจิ่วหลงให้แก่เขา
อย่างไรก็ตามไข่มุกจิ่วหลงในปัจจุบันกลับตกอยู่ในมือหวูจี๋ วินาทีนี้เมื่อไข่มุกจิ่วหลงปรากฏที่นี่ หลัวซิวจึงนึกขึ้นมาได้ทันทีว่าหวูจี๋ต้องมาถึงแล้วแน่นอน
ในขณะเดียวกัน เขาก็มองเห็นพวกหยุนเซวียนที่ติดอยู่ในค่ายใหญ่ไข่มุกจิ่วหลง
ขยำมือลงกลางอากาศที่ว่างเปล่าครั้งหนึ่ง ดาบหักเซียนก็ปรากฏในมือ ไม่ว่าค่ายกลดังกล่าวจะประณีตสวยวิจิตรมากเพียงใดก็ตาม ภายใต้พลังโจมตีที่แข็งกร้าวของดาบหักเซียน ทุกสรรพสิ่งล้วนเปราะบางมากจนไม่อาจทนต่อหนึ่งกระบวนท่า
เสียงตู้มที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น ค่ายกลถูกทลายในดาบเดียว อย่างไรเสียค่ายกลค่ายหนึ่งก็เป็นค่ายที่นิ่งอยู่กับที่ จวบจนปัจจุบัน หลัวซิวยังไม่เคยเห็นของสิ่งใดที่สามารถต้านทานดาบหักเซียนได้
ชิ่ว! ชิ่ว! ชิ่ว! ……
เสี้ยววินาทีที่ค่ายใหญ่ถูกสับจนแตกสลาย ไข่มุกจิ่วหลงก็ผันเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังดาวเคราะห์ตระกูลจี
หลัวซิวไม่มีทางปล่อยให้ไข่มุกจิ่วหลงบินกลับไปหาหวูจี๋อยู่แล้ว จึงกางอาณาจักรไร้ลักษณ์ออกไปภายในพริบตา ทำการปกคลุมไข่มุกจิ่วหลงทั้งเก้าลูกเอาไว้ ถัดจากนั้นก็ใช้ดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้าโจมตีออกไปพร้อมกัน พละสยบเซียนได้สยบไข่มุกมังกรทั้งเก้าลูกเอาไว้ ส่วนห้วงสังหารของดาบหักเซียนก็พุ่งเข้าไปในไข่มุกมังกรทั้งเก้าลูก เพื่อขจัดทำลายตราประทับที่หวูจี๋ทิ้งไว้
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น เมื่อเทพธิดาหยุนเซวียนและหลินเทียนเห็นว่าค่ายใหญ่ไข่มุกจิ่วหลงถูกทลาย หลัวซิวก็เริ่มกลั่นแปรไข่มุกจิ่วหลงแล้ว อีกทั้งปล่อยตราประทับของตัวเองเข้าไปในไข่มุกจิ่วหลงทั้งเก้าลูก
เล่ากันว่าราชาเซียนหยุนหลงเคยบอกว่า หากสามารถนำอัญดั้งเดิมทั้งแปดของโลกสวรรค์ ใต้ดิน เสวียน เหลือง จักรวาล จักรภพ ล้นและร้างหลอมรวมเป็นหนึ่ง ก็จะสามารถกลั่นอัญตรีภพที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าออกมาได้
เข็มทิศสาส์นเต๋าเป็นสมบัติพรสวรรค์ที่กำเนิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ พื้นที่ในการเจริญเติบโตสูงมาก ฉะนั้นหลัวซิวจึงวางแผนที่จะนำอัญดั้งเดิมทั้งแปดชิ้นหลอมรวมเข้าไปในเข็มทิศสาส์นเต๋า แล้วฝึกเซ่นให้มันกลายเป็นอัญมรรคผลชาตะของตัวเอง
ร่างเนื้อของเขาสามารถเทียบทัดภัณฑ์เต๋าชั้นยอดได้แล้ว อนาคตหากสามารถบรรลุเป็นเซียน ร่างเนื้อก็สามารถบรรลุมรรคผลกลายเป็นร่างเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นกัน เมื่อพูดตามหลัก เขาไม่จำเป็นต้องฝึกเซ่นอัญชาตะของตัวเองอีกแล้ว
ทว่าจากพื้นฐานเดิมที่มีอยู่ หากเขาฝึกเซ่นอัญชาตะเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น ก็จะสามารถทำให้ศักยภาพของเขายกระดับพัฒนาขึ้นอีกขั้น เมื่อก่อนเป็นเพราะเขาไม่มีวัตถุดิบที่เหมาะกับการกลั่นอัญชาตะของตัวเอง วินาทีนี้ในเมื่อเขามีวัตถุดิบแล้ว จึงต้องกลั่นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
ใช้ตัวอ่อนภัณฑ์เซียนพรสวรรค์ กลั่นแปรหลอมรวมอัญดั้งเดิมทั้งแปด เมื่อทำเช่นนี้ภัณฑ์เต๋าที่หลอมสร้างออกมา ก็พอจะพูดได้เลยว่าดีเลิศถึงขีดสุดแล้ว
“ยุทธภัณฑ์เซียนเลิศล้ำ!”
หลินเทียนเห็นหลัวซิวเก็บดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้าเข้าไปในร่างกาย เขามองเห็นพลานุภาพของยุทธภัณฑ์เซียนทั้งสองชิ้นด้วยสายตาตนเอง ไม่มีผู้ใดไม่หวั่นไหวต่อสมบัติเช่นนี้
ทว่าวินาทีหลินเทียนกลับไม่มีเจตนาที่จะลงมือช่วงชิง ศักยภาพของเฉว่โยวหวูจี๋แข็งแกร่งมากเกินไป อีกทั้งเฉว่โยวหวูจี๋ไปกลั่นแปรสะพานทะยานเซียนแล้ว หากเขาอยากบินทะยานขึ้นสู่โลกเซียน ก็จำเป็นต้องผ่านด่านนี้ไปให้ได้ก่อน
ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องอาศัยศักยภาพของหลัวซิว ไปจัดการเฉว่โยวหวูจี๋พร้อมกัน และหลังจากจัดการเฉว่โยวหวูจี๋ได้แล้ว หากมีโอกาสช่วงชิงยุทธภัณฑ์เซียนเลิศล้ำสองชิ้นนั้นมาจากมือหลัวซิวได้ละก็ เขาก็ไม่มีทางเกรงใจแน่นอน
เทพธิดาหยุนเซวียนก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อยเช่นกัน ทว่านางยังไม่ถึงขั้นมีความคิดที่ลงมือช่วงชิง แต่เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของเฉว่โยวหวูจี๋ให้หลัวซิวฟังก่อน
ฉินจ้านและตู๋กูต่างรู้สึกทอดถอนใจเล็กน้อย สภาพจิตใจก็ซับซ้อนเล็กน้อยด้วย ยังไงซะไม่ว่าอย่างไรหวูจี๋ก็เคยเป็นอาจารย์ของพวกเขา ซึ่งหวูจี๋เป็นผู้มอบทุกอย่างให้พวกเขา
สามารถพูดได้เลยว่าเฉว่โยวหวูจี๋ไม่ใช่หวูจี๋แล้ว และไม่ใช่เฉว่โยวเช่นกัน แต่เป็นคนกลายพันธุ์คนหนึ่ง คนวิปริตคนหนึ่ง เป็นคนบ้าที่เจ้าเล่ห์เหลี่ยมเยอะ โหดเหี้ยมชั่วร้าย และยอมงัดกลอุบายเลว ๆ ทุกอย่างออกมาใช้!
“เฮีย พี่รอง ขอแค่สังหารเฉว่โยวหวูจี๋ บ่วงกรรมบุญคุณความแค้นในครั้งนี้ก็จะสิ้นสุดแล้ว”หลัวซิวพูดกับฉินจ้านและตู๋กู
ฉินจ้านถอนหายใจ ส่วนตู๋กูกลับพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ
คนกลุ่มหนึ่งลอยอยู่ในห้วงดารา เบิ่งมองดาวเคราะห์ตระกูลจี ก่อนหน้านี้แม้นจะมีค่ายกลระดับเซียนค่ายหนึ่งคอยคุ้มกันดาวเคราะห์ดวงนี้ แต่ทว่าเนื่องจากจีชูหยางตายไปแล้ว ตระกูลจีจึงไม่สามารถกระตุ้นพลานุภาพของค่ายกลดังกล่าวได้มากนัก ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีคนใส่ใจค่ายกลระดับเซียนนี้มากเท่าไหร่
ทว่าบัดนี้กลับไม่เหมือนเดิมแล้ว เฉว่โยวหวูจี๋ได้เข้าไปในตระกูลจีแล้ว หากปล่อยให้เขามาควบคุมค่ายใหญ่ระดับเซียนละก็ มันต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่นอน
“เซียนโบราณเป็นผู้หลอมสร้างสะพานทะยานเซียน อดีตจีชูหยางก็อยู่ในแดนกึ่งเซียนแล้ว กาลเวลาผ่านพ้นมายาวนานอย่างไม่รู้จบ เขาก็ไม่สามารถกลั่นแปรสะพานทะยานเซียน แม้นเฉว่โยวหวูจี๋จะอยากกลั่นแปร มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ แน่นอน”
หลัวซิวไม่ได้บุกฆ่าเข้าไปอย่างวู่วาม แต่เป็นการวิเคราะห์แจกแจงให้ผู้คนที่อยู่ข้างกายฟังว่า: “หากข้าคาดเดาไม่ผิดละก็ การที่เฉว่โยวหวูจี๋ต้องการกลั่นแปรสะพานทะยานเซียนนั้น อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหลักร้อยปี ตลอดจนพันปีก็เป็นได้”
“ก็หมายความว่า?”หลินเทียนมองไปทางหลัวซิว
“ข้าจำเป็นต้องหาสถานที่ปิดขังระยะหนึ่ง จากศักยภาพ ณ ปัจจุบันของเรา หากเข้าไปจัดการเฉว่โยวหวูจี๋ในดาวเคราะห์ดวงนี้ ไม่มีโอกาสเอาชนะมันได้ด้วยซ้ำ”หลัวซิวพูดอย่างมีสติปัญญา
“ให้ตายเถอะ!”เทพธิดาหยุนเซวียนกำหมัดแน่น นางไม่ได้ด่าว่าหลัวซิว แต่รู้สึกเจ็บใจที่ตอนนี้ยังไม่สามารถสังหารเฉว่โยวหวูจี๋
“ภายในระยะเวลาหลักร้อยปี เจ้ามั่นใจหรือว่าจะสามารถรับมือกับเฉว่โยวหวูจี๋ได้?”หลินเทียนขมวดคิ้วพลางถาม
“ข้าก็ไม่มั่นใจเช่นกัน”หลัวซิวส่ายหน้า เขาไม่คุ้นเคยและไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวหลินเทียนเท่าไหร่นัก ฉะนั้นต่อให้เขามีความมั่นใจในการรับมือกับเฉว่โยวหวูจี๋ เขาก็จะไม่บอกตอนนี้
“ข้าก็จะไปปิดขังเช่นกัน”เทพธิดาหยุนเซวียนพูด นางได้รับหนืดอมฤตตรีภพห้าหยดจากสถานตรีภพในวังทะยานเซียน ซึ่งยังเหลืออีกสองหยด หากใช้หนืดอมฤตตรีภพอีกสองหยดที่เหลือจนหมดละก็ นางมีความมั่นใจอยู่ว่าตนสามารถบรรลุถึงแดนกึ่งเซียนได้ภายในระยะเวลาหลักร้อยปี
“ใช่สิ เจ้าไปไล่สังสารวัฏมิใช่หรือ?”จู่ ๆ เทพธิดาหยุนเซวียนก็มองไปทางหลัวซิวแล้วถาม
“ข้าสังหารมันแล้ว”หลัวซิวตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง
ทันใดนั้นเอง หลัวซิวก็นึกถึงวังทะยานเซียนที่มีหนืดอมฤตตรีภพ ในส่วนที่ลึกที่สุดของวังทะยานเซียนคือโลกาตรีภพใบหนึ่ง หากไปกลั่นแปรหนืดอมฤตตรีภพที่สถานที่แห่งนั้นละก็ ต้องสามารถทำให้เขาตระหนักธรรมเวชตรีภพที่แฝงซ่อนอยู่ในหนืดอมฤตตรีภพได้ง่ายยิ่งขึ้นแน่นอน
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น เขายังสามารถพาลาร์ไปที่นั่นได้ด้วย ลาร์เป็นยักษ์ที่กำเนิดในตรีภพ ยิ่งเป็นสถานตรีภพที่ระดับสูงมากเท่าไหร่ ดอกผลที่เขาจะได้รับก็จะยิ่งมากเท่านั้น
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ หลัวซิวจึงเดินทางไปฝั่งต้วนคงและยู่เอ๋อร์รอบหนึ่ง จากนั้นก็ไม่ได้ไปทักทายเหล่าสตรีเช่นกัน ก่อนจะพาลาร์มุ่งหน้าตรงไปยังดาราหยุนหลง
เมื่อมาถึงวังทะยานเซียนอีกครั้ง หลัวซิวก็เห็นว่าวังทะยานเซียนทุกค่ายใหญ่ค่ายหนึ่งผนึก
ระดับของค่ายกลดังกล่าวสูงมาก อีกทั้งวิถีในการจัดวางค่ายกลก็ปราดเปรื่องมากเช่นกัน ซึ่งอยู่เหนือระดับประมุขเต๋าค่าย
มองเพียงแวบเดียวหลัวซิวก็รู้แล้วว่าค่ายกลดังกล่าวต้องเกิดจากฝีมือของราชาเซียนเฉว่โยวแน่นอน หากไม่มีศักยภาพระดับกึ่งเซียน ก็อย่าคิดว่าจะสามารถบุกรุกเข้าไปภายในได้
และสิ่งที่หลัวซิวกังวลคือในเมื่อเฉว่โยวหวูจี๋เคยมาที่นี่ แล้วหนืดอมฤตตรีภพสามหยดที่อยู่ในถ้วยผุพังในปริภูมิตรีภพยังอยู่หรือเปล่า?
“โครม!”
มีเสียงที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่นดังก้อง จากนั้นหลัวซิวก็มองเห็นมังกรทองขนาดใหญ่ที่ลำตัวยาวหลายพันเมตร กำลังโจมตีค่ายกลใหญ่ค่ายนี้อย่างดุดัน
มังกรทองพันเมตรตัวนี้ไม่ใช่เผ่ามังกรที่แท้จริงแต่อย่างใด แต่เป็นกระบี่เล่มหนึ่ง ภัณฑ์เซียนผู้ชนะ กระบี่หยุนหลง!
“เจ้าก็มาแล้วหรือ”
เงาร่างของเทพธิดาหยุนเซวียนปรากฏตรงหน้าหลัวซิว เห็นได้ชัดเจนเลยว่านางก็มาที่นี่เช่นกัน อยากไปกลั่นแปรหนืดอมฤตตรีภพในปริภูมิตรีภพของวังทะยานเซียน
เฉว่โยวหวูจี๋กลั่นแปรสะพานทะยานเซียนอยู่ในดาวเคราะห์ตระกูลจี ซึ่งไม่มีทางแจ้นมาที่นี่ได้ ดังนั้นนางถึงกล้าโจมตีค่ายกลที่อยู่รอบวังสะพานทะยานเซียน
“เทพธิดามาเร็วกว่าข้าอยู่นี่”หลัวซิวยิ้มพลางพยักหน้า เขาเดินทางไปพาลาร์มาจากจักรวาลกันดาร จากความเร็วในการเคลื่อนที่ของเข็มทิศสาส์นเต๋า อันที่จริงก็ไม่ได้กินเวลานานเท่าไหร่หรอก จึงแสดงให้เห็นเลยว่าในมือเทพธิดาหยุนเซวียนน่าจะมีภัณฑ์เซียนหกเหินที่ไม่ธรรมดาชิ้นหนึ่ง
“ค่ายกลดังกล่าวทลายไม่ง่าย ฝากให้เจ้าแล้วกัน”เทพธิดาหยุนเซวียนกวักมือครั้งหนึ่ง มังกรทองพันเมตรก็หดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่งร่วงลงบนมือนาง
ค่ายใหญ่ที่มีไข่มุกจิ่วหลงเป็นฐานค่ายยังต้านทานอานุภาพของดาบหักเซียนไม่ได้เลย พลานุภาพของค่ายกลที่อยู่ตรงหน้านี้ด้อยกว่าหนึ่งระดับ ประสิทธิผลของการให้หลัวซิวลงมือทำลายย่อมต้องเร็วกว่านางที่ใช้กระบี่หยุนหลงอยู่แล้ว
ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าดาบหักเซียนเป็นภัณธ์เซียนระดับใดกันแน่ แต่ทว่าสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยคือกระบี่หยุนหลงระดับภัณฑ์เซียนผู้ชนะยังไม่สามารถเทียบเคียงกับมันได้ด้วยซ้ำ มันจึงต้องเป็นภัณธ์เซียนที่อยู่สูงกว่าระดับราชาเซียนแน่นอน
เมื่อเห็นว่าหลัวซิวโจมตีเพียงครั้งเดียว ค่ายกลก็ถูกผ่าจนเกิดเป็นช่องโหว่หนึ่งจุด แววตาที่งดงามของเทพธิดาหยุนเซวียนก็เป็นประกายขึ้นมา พลางพูดในใจ “ท่านพ่อเคยบอกว่าเหล็กเซียนชั้นกล้าและดาบหักเซียนต่างเป็นยุทธภัณฑ์เซียนที่ตกทอดมาจากยุคโบราณ ซึ่งมีโอกาสเป็นอาวุธที่ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเซียนเคยใช้สูงมาก การที่หลัวซิวสามารถได้รับอาวุธระดับนี้สองชิ้นพร้อมกันนั้น โชคและแต้มบุญของเขาต้องมีเยอะมากเพียงใดกันนะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...