มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3065

เข้าไปในวังทะยานเซียน ก่อนที่หลัวซิวและหยุนเซวียนจะมาถึงปริภูมิตรีภพอย่างรวดเร็ว

ครั้นพวกเขาในอดีตเข้ามาที่นี่ต้องระมัดระวังมาก ๆ ปัจจุบันกลับสามารถผ่านเข้ามาได้อย่างราบรื่น

ทั้งสองไม่ได้ฝึกตนด้วยกันแต่อย่างใด แต่เป็นการเลือกคนละทิศทาง ต่างฝ่ายต่างทิ้งไข่มุกสื่อสารเอาไว้หนึ่งลูก ก่อนจะแยกย้ายกันออกไปตามหาสถานที่ฝึกตน

ระดับของพละตรีภพที่แฝงซ่อนอยู่ในปริภูมิตรีภพแห่งนี้สูงเกินไป จากศักยภาพของลาร์ ยังไม่สามารถเอาตัวรอดอยู่ในนี้ได้ ดังนั้นหลังจากหลัวซิวเจอสถานที่แห่งหนึ่ง เขาก็ได้ทำการจัดวางค่ายกลหนึ่งค่าย แล้วปล่อยตัวลาร์ออกมา

“พระเจ้า ช่างเป็นชี่อลวนที่ทรงพลังยิ่งนัก!”

ทันทีที่ปรากฏ ลาร์ก็อดอุทานอย่างตะลึงไม่ได้ “นายท่าน ท่านยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว หากได้ฝึกตนอยู่ในสถานที่เช่นนี้ ข้าก็สามารถฝึกถึงแดนผู้สูงส่งได้อย่างง่ายดายเลยล่ะ!”

“อย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป สำหรับเจ้าแล้วระดับของพละตรีภพของที่นี่สูงเกินไป ขอแค่เจ้าออกจากค่ายกลที่ข้าจัดวาง ก็จะถูกตรีภพที่ไร้ขอบเขตบดขยี้จนกลายเป็นฝุ่นผงภายในพริบตา”

หลัวซิวยืนอยู่บนไหล่ลาร์แล้วพูด: “เดี๋ยวข้าจะควบคุมค่ายกล ปล่อยชี่อลวนเข้ามาเสี้ยวหนึ่งก่อน เจ้าพยายามลองดูดซับกลั่นแปรดู หลังจากเจ้าคุ้นเคยกับชี่อลวนของที่นี่ เจ้าก็สามารถออกจากค่ายกลแล้วฝึกตนเองได้แล้ว”

“รับทราบ นายท่าน!”ลาร์ปฏิบัติตามคำสั่ง และเริ่มอดใจรอไม่ไหวแล้ว

สำหรับเขา แรงดึงดูดของตรีภพไม่ต่างอะไรจากกลิ่นยั่วยวนของไก่ย่างหอม ๆ ที่มีต่อขอทาน

สีมาเพลาของเข็มทิศสาส์นเต๋าถูกหลัวซิวเปิดออก เขาวางแผนที่จะฝึกตนอยู่ที่นี่สองร้อยปี ด้วยประสิทธิผลลดเวลาหนึ่งร้อยเท่าของสีมาเพลา ก็เท่ากับเขาสามารถฝึกตนอยู่ในนี้ได้สองหมื่นปี

สาเหตุที่ไม่ได้เชิญชวนเทพธิดาหยุนเซวียนมาฝึกตนในสีมาเพลานั้น เป็นเพราะเวลาที่เคลื่อนที่ช้าลงจะมีผลต่อเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ผลการฝึกตนของลาร์ยังต่ำ สามารถมองข้ามเรื่องนี้ได้อยู่ แต่ถ้าเกิดเป็นมกุฎเต๋าอย่างเทพธิดาหยุนเซวียน ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับลาร์ได้แล้ว

จำนวนคนยิ่งมาก ประสิทธิผลของพลังแห่งเพลาก็จะยิ่งทำได้ยาก ผลการฝึกตนของเป้าหมายยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ระดับความยากก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น

และนี่ก็เป็นสาเหตุที่อุบายอย่างการฟื้นคืนชีพคนที่ตายไปแล้วมีข้อจำกัดเยอะนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่นหลัวซิวในตอนนี้อยู่ในแดนมกุฎเต๋า เมื่อปีนั้นเขาย้อนเวลากลับไปหนึ่งยุคตรีภพเพื่อฟื้นคืนชีพว่านเริ่นก็ถูกพลังแว้งกัดไม่เบาเลย แต่ก็โชคดีที่ผลการฝึกตนของว่านเริ่นไม่สูง หากว่านเริ่นอยู่ในแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ เช่นนั้นหลัวซิวก็ไม่มีทางฟื้นคืนชีพเขาได้แน่นอน

หากต้องการฟื้นคืนชีพมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อคนหนึ่ง ระยะเวลาการตายของฝ่ายตรงข้ามต้องไม่มากกว่าหนึ่งหมื่นปี จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่ดับสลายสูญสิ้นไปแล้วหนึ่งยุคตรีภพเลย

และเป็นเพราะเห็นนี่เอง หลัวซิวถึงไม่เคยใช้วิธีการนี้ลองฟื้นคืนชีพเทียนหย่งและเมิ่งเสี้ยตลอดมา

อีกทั้งหากพวกนางกลับชาติไปเกิดใหม่แล้ว เช่นนั้นต่อให้สามารถย้อนเวลา ก็ไม่สามารถฟื้นคืนชีพพวกนางให้กลับคืนมาได้แล้ว

ฉะนั้นแม้นอุบายส่วนมากของพลังแห่งเพลาจะดูแหกกฎสวรรค์มาก แต่แท้จริงแล้วก็มีข้อจำกัดเยอะมากเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ธรรมเวชเพลาจึงเป็นที่ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในธรรมเวชที่ฝึกยากที่สุด

ลาร์เข้าสู่สภาวะการฝึกตนอย่างรวดเร็ว เขาเข้าใจดีมากว่าศักยภาพของตัวเองอ่อนแอเกินไป มีเพียงฝึกตนทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น บางทีเขาถึงจะมีโอกาสบินทะยานขึ้นสู่โลกเซียนพร้อมกับนายท่าน ไปทำสงครามปราบปรามอยู่ในฟ้าดินที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่า

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ดูดจิตถูกพันธนาการโดยสายเลือด ปัจจุบันศักยภาพกลับด้อยกว่าลาร์ไม่น้อย

ตั้งแต่วินาทีที่ถือกำเนิดขึ้นมา ศักยภาพของดูดจิตก็ถูกสายเลือดจำกัดไว้แล้ว นอกเสียจากสามารถทลายพันธนาการของสายเลือด ยกระดับสายเลือดให้สูงยิ่งขึ้น

ส่วนยักษ์ตรีภพกลับแตกต่างกัน ขอแค่สามารถเข้าสู่สถานตรีภพที่ระดับสูงกว่า สายเลือดของยักษ์ตรีภพก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตรีภพแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ผู้แข็งแกร่งราชาเทียนใช้ตระหนักพลังอมตะตรีภพ ระดับของธรรมเวชตรีภพที่อยู่ในนี้สูงมาก ๆ เมื่อลาร์ฝึกตนอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นสายเลือดหรือศักยภาพ ล้วนแต่จะอยู่เหนือบรรพยักษ์ตรีภพได้อย่างรวดเร็ว

ในขณะที่ลาร์ฝึกตน หลัวซิวก็นำไข่มุกจิ่วหลงดั้งเดิมออกมาเช่นกัน ไข่มุกทุกลูกลอยอยู่กลางนภาปานดวงดาว ลอยขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่กลางตรีภพ

เวิ่ง!

เข็มทิศสาส์นเต๋าบินลอยขึ้น ราวกับกงล้อแห่งแสงเซียน ลอยอยู่หลังศีรษะเขา

หลอมรวมเข้ากับใจแห่งศุภร กลั่นแปรตัวต้องห้ามสองขั้น จึงได้รับห้วงเวลาที่แฝงซ่อนอยู่ในเข็มทิศสาส์นเต๋า หากสามารถกลั่นแปรตัวต้องห้ามอีกสองขั้นที่เหลือ ก็จะได้รับเกณฑ์อีกสองประเภท ซึ่งได้แก่เกณฑ์ความเร็วและเกณฑ์แห่งศุภร

ตัวอ่อนภัณฑ์เซียนเช่นนี้สามารถกลั่นภัณฑ์เซียนหกเหินที่มีศักยภาพไร้ขอบเขตชิ้นหนึ่งออกมาได้อย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นคือสามารถพูดได้เลยว่ามันเป็นตัวอ่อนภัณฑ์เซียนที่ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อภัณฑ์เซียนหกเหินโดยเฉพาะ

แต่หลัวซิวกลับยังไม่พอใจ สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่แค่ภัณฑ์เซียนหกเหินชิ้นหนึ่ง สิ่งที่เขาต้องการคืออัญชาตะที่สามารถทำให้ตัวเองแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

แม้นเขาจะมีดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้าแล้ว แต่อย่างไรเสียนั่นก็ไม่ใช่อัญชาตะที่เขากลั่นด้วยตนเองแล้วค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมาพร้อมกับตน อนาคตหากแดนของเขาสามารถเทียบทัดผู้แข็งแกร่งที่กลั่นยุทธภัณฑ์เซียนเลิศล้ำสองชิ้นนี้ออกมา ถึงครานั้นเขาก็ต้องใช้อัญชาตะของตัวเองถึงจะทรงพลังยิ่งกว่า

“ชาตินี้ของข้า เริ่มต้นจากลูกแก้วความเป็นตาย เติบโตและแข็งแกร่งขึ้นมาได้ด้วยวิถีแห่งเป็นตาย แม้นไร้ลักษณ์ของข้าจะครอบจักรวาล แต่การตระหนักรู้ในความเป็นตายของข้าก็ยังสูงสุดอยู่เช่นเคย”

“หากสามารถฝึกวิถีแห่งเป็นตายให้ถึงขีดสูงสุด ก็สามารถผันเป็นวัฏสงสารได้เช่นกัน สามารถลิขิตโชคชะตา หรือวิวัฒนาการตรีภพ ยิ่งกว่านั้นคือเดิมทีวิถีแห่งเป็นตายก็สอดคล้องกับสรรสร้างและทำลายล้างอยู่แล้ว เช่นนั้นอัญชาตะที่ข้าจะกลั่นก็คือ……”

“วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ!”

เดิมทีนี่คือพลังอมตะที่มกุฎเต๋าสังสารวัฏเคยริเริ่ม ยิ่งกว่านั้นคือหลังจากกลั่นแปรเศษวิญญาณของมกุฎเต๋าสังสารวัฏ เขาก็ได้รับเคล็ดวัฏสงสารเลิศล้ำของมกุฎเต๋าสังสารวัฏเช่นกัน หลัวซิวจึงหลอมรวมการตระหนักรู้ในวิถียุทธ์ของตัวเองเข้าไป แล้วริเริ่มพลังสังสารวัฏที่เป็นของตัวเอง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ