ต่างอยู่ในขอบเขตของธรรมเวชกฎเหมือนกัน เหตุใดระดับของทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ลมอัสนี หยินหยางสว่างและมืดต่าง ๆ จึงต่ำกว่าตรีภพ วัฏสงสาร ลิขิต?
เหตุใดจึงมีการแบ่งธรรมเวชเกณฑ์สูงศักดิ์และธรรมเวชเกณฑ์เลิศล้ำ?
หลังจากตรัสรู้แล้ว หลัวซิวรู้สึกว่าสามารถใช้คำพูดหนึ่งมาอุปมา นั่นก็คือวิถีไร้ที่สิ้นสุด!
แท้จริงแล้วเกณฑ์สูงศักดิ์ทั้งสามเป็นรูปแบบของธรรมเวชเกณฑ์ทวยเทพที่ได้รับการยกระดับ ส่วนเกณฑ์เลิศล้ำทั้งสองคือเกณฑ์สูงศักดิ์ทั้งสามที่ได้รับการยกระดับ
เริ่มจากเกณฑ์ทวยเทพถึงเกณฑ์สูงศักดิ์ ค่อยยกระดับเป็นเกณฑ์เลิศล้ำ ก็คือธรรมวิถีที่ผ่านการยกระดับครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด!
มาตรแม้นว่าเป็นเกณฑ์เลิศล้ำทั้งสองอย่างสรรสร้างและทำลายล้าง ก็ใช่ว่าจะเป็นขั้นสูงสุดเสมอไป เนื่องจากเลิศล้ำก็คือความไร้ขีดจำกัด ไม่มีระยะที่กำหนด ไม่มีการจำกัด
วิถีไร้ที่สิ้นสุด ไม่มีแข็งแกร่งที่สุด มีแต่แข็งแกร่งกว่า……
ความล้ำลึกของตรีภพไหลเวียนอยู่ในจิตใจ ภายใต้สถานการณ์ที่รับรู้และเข้าใจถึงแขนงวิชาที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ศักยภาพของหลัวซิวที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มีแค่การตระหนักรู้ในตรีภพ สิ่งที่สำคัญกว่าคือความเข้าใจที่มีต่อไร้ลักษณ์ และความเข้าใจที่มีต่อวิถียุทธ์
การตระหนักรู้ที่นับไม่ถ้วนผันเป็นลายเส้นอักษรฮู้ที่ลึกซึ้ง สลักจาลึกลงไปในเลือดเนื้อของเขา สลักลงไปในกระดูก ตลอดจนวิญญาณดั้งเดิมของเขา
ลูกแก้วความเป็นตายที่หลอมรวมเป็นหนึ่งกับวิญญาณดั้งเดิมปรากฏ ฝังอยู่ตรงกลางวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ซึ่งนี่ก็หมายความว่าหลัวซิวได้ทำการกลั่นภัณฑ์เต๋าชิ้นนี้ด้วยตนเอง จนกลายเป็นอัญชาตะของเขา
……
ณ ดาวเคราะห์ตระกูลจี มกุฎเต๋าประมุขเต๋าจำนวนมากล้วนรวมตัวกันอยู่ที่นี่ มกุฎเต๋าบรรพเหลือง มกุฎเต๋าบรรพจักรวาล มกุฎเต๋าบรรพล้น แล้วก็มกุฎมังกรอิม รวมไปถึงประมุขเต๋าอีก 20 กว่าคน ซึ่งมีตั้งแต่ประมุขเต๋าขั้นปฐมภูมิถึงประมุขเต๋าช่วงปลาย
ที่นี่คือพระตำหนักหลังหนึ่งของตระกูลจี ผู้อาวุโสระดับมกุฎเต๋าทั้งสามท่านของตระกูลจี รวมไปถึงผู้อาวุโสประมุขเต๋าคนอื่น ๆ ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน สีหน้าของทุกคนล้วนดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
เนื่องจากพวกเขาเหล่านี้ล้วนถูกเฉว่โยวหวูจี๋ร่ายตัวต้องห้ามไว้ในวิญญาณ ตลอดช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมาจนปัจจุบัน ก็มีเพียงมกุฎเต๋าบรรพจักรภพและฉินจ้านสองคนเท่านั้นที่หลุดพ้นจากการควบคุมของวิญญาณต้องห้าม ภายใต้การช่วยเหลือของหลัวซิว
“ได้ยินมาว่าหวูจี๋จะกลั่นแปรสะพานทะยานเซียน……”
ภายในพระตำหนัก จู่ ๆ มกุฎมังกรอิมก็เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา นางในปัจจุบันดูไม่มีสง่าราศีอะไร สภาวะดูย่ำแย่มาก
พี่ชายตายไปแล้ว ส่วนตัวนางเองก็ถูกวิญญาณต้องห้ามควบคุมอีก ไม่สามารถยึดกุมความเป็นความตายของตัวเอง หากสามารถย้อนเวลาให้นางตัดสินใจใหม่อีกครั้ง นางไม่มีทางเดินลงเส้นทางที่ไม่มีที่สิ้นสุดเส้นนี้อีกแน่นอน
อย่างไรก็ตามการรังสรรค์ของโชคชะตาก็มักจะเล่นตลกกับผู้คนเช่นนี้แหละ นางไม่มีโอกาสได้ตัดสินใจใหม่ ภายใต้การควบคุมของวิญญาณต้องห้าม แม้แต่การจะไปสู้กับเฉว่โยวหวูจี๋อย่างเอาเป็นเอาตายนางก็ทำไม่ได้
“มันไม่ใช่หวูจี๋อีกต่อไปแล้ว”
จู่ ๆ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังมาจากนอกพระตำหนัก จากนั้นก็มีเงาดำร่างหนึ่งเดินเข้ามา ซึ่งเขาก็คือมกุฎเต๋านอกนภานั่นเอง
ในบรรดามกุฎเต๋าทั้งหลาย มกุฎเต๋านอกนภาเป็นผู้ที่ทุกคนต่างยอมรับว่ามีความสามารถในการตระหนักเป็นหนึ่ง และในบรรดามกุฎเต๋าทั้งหลาย เขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่มุ่งมั่นที่จะบรรลุมรรคผลด้วยตรีภพ
ครั้นราชาเซียนหยุนหลงยังมีชีวิตอยู่ ยิ่งเคยประเมินค่าว่าหากไม่ใช่เพราะเขาดึงดันที่จะฝึกธรรมเวชตรีภพ เขาต้องเป็นคนแรกที่บรรลุเป็นเซียนอย่างแน่นอน
ธรรมเวชตรีภพฝึกยากมาก เพราะนี่คือธรรมเวชประเภทหนึ่งที่เป็นเกณฑ์สูงศักดิ์ จากระดับความยากในการฝึกธรรมเวชประเภทนี้ ต่อให้เป็นผู้ที่มีความสามารถในการตระหนักรู้น่าทึ่ง การที่อยากฝึกถึงแดนผู้สูงส่งนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงประมุขเต๋าเลย
ส่วนนอกนภากลับฝึกถึงแดนมกุฎเต๋า ทั้งยังเป็นมกุฎเต๋าขั้นสุดยอดด้วย!
ความสามารถในการตระหนักรู้ของเขาสูงส่งมาก แต่ทว่าเมื่อเดินถึงขั้นนี้ ระดับความยากก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณ พันธนาการอยู่ในแดนนี้มาสิบกว่ายุคตรีภพ แม้แต่แดนกึ่งเซียนยังไม่สามารถก้าวเข้าไปได้เลย
“ไม่ว่ามันจะเป็นหวูจี๋หรือไม่ แต่จะปล่อยให้พวกเราถูกมันควบคุมชะตากรรมของเราอยู่อย่างนี้หรือ?”จู่ ๆ มกุฎเต๋าบรรพล้นก็เอ่ยปากพูด
แต่ทว่าเขาไม่ได้พูดคำพูดนี้ออกมาตรง ๆ แต่อย่างใด แต่เป็นการใช้ตัวสำนึกส่งเสียง สื่อสารกับเหล่ามกุฎเต๋า อย่างไรเสียเขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าในบรรดาประมุขเต๋าที่เหลือ จะมีเส้นสายของเฉว่โยวหวูจี๋หรือไม่
“แล้วจะทำอย่างไรได้เล่า? เจ้าสามารถจัดการวิญญาณต้องห้ามได้หรือ?”มกุฎเต๋าบรรพเหลืองหล่ตามองมกุฎเต๋าบรรพล้นพลางใช้ตัวสำนึกส่งเสียง
“ข้า……”มกุฎเต๋าบรรพล้นตอบโต้อะไรไม่เป็น ทำได้เพียงถอนหายใจ
“ข้ารู้จักผู้ที่สามารถจัดการวิญญาณต้องห้ามได้อยู่”ทันใดนั้นเอง มกุฎเต๋านอกนภาก็เอ่ยปากพูดกะทันหัน
“ผู้ใดรึ?”เมื่อพ่นคำพูดดังกล่าวออกมา แววตาของมกุฎเต๋าที่เหลือก็เป็นประกายขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ภายในแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
อย่างไรเสียการใช้ชีวิตอยู่ในวันเวลาที่โชคชะตาถูกกุมอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่นนั้น มันช่างทรมานเหลือเกิน อีกทั้งไม่แน่หากเฉว่โยวหวูจี๋นั่นไม่ชอบขี้หน้าผู้ใด ก็สามารถกระตุ้นตัวต้องห้ามทำให้วิญญาณคนคนนั้นดับสลายสูญสิ้นได้เลย
“หลัวซิว!”
“นายจ้าวซิวหลัวหรือ?”
สำหรับเหล่ามกุฎเต๋าแล้ว หลัวซิวที่อยู่ในมหันตภัยในครั้งนี้เป็นตัวแปรพิเศษชัด ๆ
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา มกุฎเต๋าทุกคนล้วนคิดว่ามหันตภัยแห่งการช่วงชิงโอกาสที่จะบรรลุเป็นเซียนในครั้งนี้ ยังคงเป็นการเดิมพันระหว่างพวกเขาอยู่เช่นเคย แต่ไม่มีผู้ใดคาดถึงเลยว่าหลัวซิวจะแข็งกร้าวขึ้นมาภายในระยะเวลาเพียงหลักพันปี
ตัวแปรที่เกิดขึ้นบนตัวหลัวซิวอยู่เหนือการควบคุมและการคาดหมายของมกุฎเต๋าทุกคน
“ศิษย์พี่นอกนภา ท่านแน่ใจหรือว่าหลัวซิวนั่นสามารถจัดการวิญญาณต้องห้ามได้จริง? ผลการฝึกตนของเขาพึ่งบรรลุถึงมกุฎเต๋าขั้นปฐมภูมิเองกระมัง? อีกทั้งวิญญาณต้องห้ามที่อยู่ในตัวหยั่งรู้ของเรา เป็นตัวต้องห้ามระดับเซียนเชียวนะ ต่อให้เป็นประมุขเต๋าค่ายขั้นสุดยอดก็คงทำอะไรไม่ได้เช่นกัน”มกุฎมังกรอิมถามอย่างรู้สึกสงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...