มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3069

“มาแล้ว”

ทันใดนั้นเอง หลินเทียนที่นั่งอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอดก็เอ่ยปากพูดกะทันหัน

และในเวลานี้ ก็มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งย่างกรายปรากฏในถ้ำแห่งนี้ ทำให้เหล่ามกุฎเต๋าต่างสัมผัสได้ถึงการกดอัดด้านผลการฝึกตน

“กึ่งเซียน!”

“หรือว่าหลัวซิวบรรลุเป็นกึ่งเซียนแล้ว?”

เหล่ามกุฎเต๋าต่างพากันลุกขึ้นยืน จากนั้นก็มีเงาดำสองร่างปรากฏตรงหน้าพวกเขา ซึ่งผู้มาเยือนก็คือเทพธิดาหยุนเซวียนและหลัวซิวนั่นเอง

“ศิษย์น้องหยุนเซวียน?”

สายตาของพวกเขาถูกเทพธิดาหยุนเซวียนดึงดูดไปก่อน เนื่องจากออร่าอันแข็งแกร่งของระดับกึ่งเซียนก็ตลบฟุ้งออกมาจากตัวเทพธิดาหยุนเซวียนนี่แหละ

“ศิษย์น้องเจ้าเป็นกึ่งเซียนแล้วหรือ?”

ใบหน้าของบรรพจารย์จักรวาลและบรรพจารย์เหลืองต่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความซับซ้อน ตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านพ้นมา ศิษย์น้องที่ผลการฝึกตนดูไม่ค่อยโดดเด่นมาโดยตลอดถึงกับบรรลุเป็นกึ่งเซียนแล้ว ส่วนพวกเขากลับยังคงเป็นมกุฎเต๋า ยิ่งกว่านั้นคือหลังจากสูญเสียอัญดั้งเดิมแล้ว ศักยภาพยิ่งเทียบเคียงกับอดีตไม่ได้

มกุฎมังกรอิมยังคงนิ่งเงียบอยู่เช่นเคย บนใบหน้าไม่มีความรู้สึกใด ๆ จิตใจของนางจมดิ่งลงไปแล้ว หากไม่มีความมุ่งมั่นสุดท้าย นางอาจจะเป็นร่างที่ไร้วิญญาณไปตั้งนานแล้ว

“ขอแสดงความยินดีกับศิษย์น้องหยุนเซวียนด้วยนะ”

มกุฎเต๋านอกนภาเป็นคนที่หูตาค่อนข้างกว้าง เนื่องจากเขารู้อยู่ว่าศิษย์น้องคนนี้ของตัวเองฝึกตนด้วยวรยุทธ์พิเศษมาอย่างยาวนาน ทุกครั้งหลังจากที่บรรลุถึงแดนที่แน่นอนแล้ว ผลการฝึกตนของงานก็จะร่วงหล่นจนกลายเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ผลการฝึกตนมากสุดก็แค่เคยบรรลุถึงแดนประมุขเต๋า

ปัจจุบันผลการฝึกตนของนางไม่ร่วงหล่นอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นการก้าวรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว สามารถบรรลุเป็นกึ่งเซียนได้อย่างง่ายดาย

ในขณะเดียวกัน สายตาของทุกคนก็ร่วงลงบนตัวหลัวซิว เมื่อเปรียบเทียบกับพลังออร่ากึ่งเซียนที่แข็งแกร่งและชัดเจนของหยุนเซวียน หลัวซิวกลับถูกผู้อื่นมองข้ามได้ง่ายมาก เขาเก็บพลังออร่าทั้งหมดของตัวเองไว้ในร่างกาย ยิ่งกว่านั้นคือทำให้ผู้คนมองไม่ออกว่าผลการฝึกตนของเขาอยู่ในแดนใดกันแน่

ในทางตรงกันข้ามยิ่งเป็นคนที่ไม่โดดเด่น มองไม่ทะลุปรุโปร่ง ถึงทำให้ผู้คนรู้สึกลึกซึ้งจนไม่อาจคาดเดาได้มากยิ่งขึ้น เสมือนห้วงดาราที่ไร้ขอบเขต

“นายจ้าวซิวหลัว”

มกุฎเต๋านอกนภาประสานมือทำท่าคารวะไปทางหลัวซิว นึกย้อนกลับไปถึงเมื่อปีนั้น ครั้นหลัวซิวยังเป็นตัวละครเล็ก ๆ ที่ไม่โดดเด่นคนหนึ่ง ยังเคยไปฝ่าฟันในแดนเซียนนอกนภาของเขา และยิ่งเกือบจะกลายเป็นลูกศิษย์ของเขาด้วย

เพียงพริบตาเดียว เวลาไม่กี่ปีก็ล่วงเลยไปแล้ว ตัวละครเล็ก ๆ ที่ดูไม่โดดเด่นในอดีต ปัจจุบันกลับกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาได้แล้ว มากไปกว่านั้นคือเขาอาจแข็งแกร่งกว่าตนด้วย

“ผู้เพื่อนยุทธ์นอกนภา”

หลัวซิวก็ประสานมือทำท่าคารวะตอบกลับเช่นกัน ในบรรดามกุฎเต๋าทั้งหลายของสามโลกา แม้นมกุฎเต๋านอกนภาก็มีเจตนาที่เห็นแก่ตัวเช่นกัน ทว่าก็ถือเป็นคนที่มีอุปนิสัยค่อนข้างซื่อสัตย์ชอบธรรมเลย เล่นพวกแผนการชั่ว ๆ น้อยมาก

“นายจ้าวซิวหลัว”

บรรพจารย์จักรวาลและบรรพจารย์เหลืองก็ต่างเดินขึ้นไปประสานมือทำท่าคารวะ ลักษณะท่าทีดูเกรงใจมาก ๆ

แม้นจะไม่คุ้นเคยกับมกุฎเต๋าสองคนนี้ แต่มือที่ยื่นมาย่อมไม่ตบคนที่ส่งยิ้มให้ หลัวซิวก็ประสานมือทำท่าคารวะตอบกลับเช่นกัน

มกุฎมังกรอิมนั่งนิ่ง ๆ อยู่กับที่ สายตานางก็จับจ้องมาเช่นกัน เมื่อหลัวซิวได้สบตากับนาง ก็ขมวดคิ้วลงอย่างอดไม่ได้

เขาค้นพบว่ามกุฎมังกรอิมแตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิงแล้ว มกุฎมังกรอิมในอดีตเปี่ยมล้นไปด้วยความหยิ่งผยอง ให้ความรู้สึกเหมือนนางเป็นผู้สูงส่ง เป็นผู้ล้ำเลิศที่อยู่เหนือสรรพสิ่งทั้งหลาย แต่แววตาของนางในวินาทีนี้กลับไร้ชีวิตชีวา ภายในดวงตาทั้งสองข้างไม่มีสีสันใด ๆ ราวกับสูญเสียวิญญาณไปแล้ว

“เจ้าสามารถช่วยข้าสังหารไอ้เดรัจฉานเฉว่โยวหวูจี๋นั่นหรือไม่?”

ทันใดนั้นเอง มกุฎมังกรอิมก็เพ่งมองหลัวซิว จู่ ๆ ก็ใช้ตัวสำนึกส่งเสียง

ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็รับรู้ได้ถึงข้อความเต็มที่ส่งมาจากตัวสำนึกของมกุฎมังกรอิม ก่อนจะเผยให้เห็นภาพฉากที่นางถูกย่ำยีเหยียดหยามในพระตำหนัก

โดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อมีเรื่องประเภทนี้เกิดขึ้นกับคนคนหนึ่ง คนคนนั้นต้องพยายามปกปิดอย่างสุดกำลังสามารถ เพื่อไม่ให้ผู้คนรับรู้แน่นอน ทว่ามกุฎมังกรอิมกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น แต่เป็นการให้หลัวซิวรับรู้อย่างไร้ความพะวง

“มันช่างเป็นเดรัจฉานตัวหนึ่งจริง ๆ!”

ต่อให้หลัวซิวจะไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ภาพฉากนี้ก็สามารถทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความโกรธเคือง ทุกการกระทำของเฉว่โยวหวูจี๋ไม่มีหลักการใด ๆ หลงเหลืออยู่อีกแล้ว การที่บอกว่ามันเป็นสัตว์เดรัจฉานยังเป็นการดูถูกสัตว์เดรัจฉานเลย

“ข้าจักสังหารมันให้ได้แน่นอน!”จิตสังหารที่อยู่ในใจหลัวซิวเข้มข้น ขืนปล่อยให้เฉว่โยวหวูจี๋ทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ต้องกลายเป็นภัยพิบัติของอสูรจิตนับล้านแน่นอน

“นายจ้าวซิวหลัว เรา……”

ในขณะที่มกุฎเต๋านอกนภากำลังจะพูดอะไรบางอย่างอยู่นั้น กลับถูกหลัวซิวตัดบทพูดโดยตรง แล้วพูดว่า: “ข้าทราบเจตนาในการมาเยือนของทุกท่านแล้ว ข้าสามารถช่วยพวกเจ้าทลายวิญญาณต้องห้ามได้อยู่ แต่ในขณะเดียวกันข้าก็จะร่ายตัวต้องห้ามไว้ในวิญญาณของพวกเจ้าอีกครั้งเช่นกัน เพราะข้าไม่อยากให้มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้นขณะที่ข้าต่อสู้ขั้นเด็ดขาดกับเฉว่โยวหวูจี๋”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ