มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3070

หลังจากทุกคนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง มกุฎเต๋านอกนภาก็เอ่ยปากพูด: “หากนายจ้าวซิวหลัววางแผนที่จะสู้กับเฉว่โยวหวูจี๋ให้ตายไปข้างหนึ่ง ข้าจักให้การสนับสนุนช่วยเหลือสุดกำลังสามารถแน่นอน!”

“ข้าก็เช่นกัน”มีความโกรธแค้นที่ลึกซึ้งทะลุออกมาจากแววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของมกุฎมังกรอิม

ปัจจุบันไม่มีการควบคุมจากวิญญาณต้องห้าม ต่อให้นางจะสู้ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ก็ต้องกัดเนื้อก้อนหนึ่งลงมาจากตัวเฉว่โยวหวูจี๋ให้ได้

“ขณะที่เฉว่โยวหวูจี๋กลั่นแปรสะพานทะยานเซียน มันแทบจะรวมประมุขเต๋ามกุฎเต๋าทั้งหมดที่ถูกมันควบคุมเข้าไว้ด้วยกัน จากนั้นก็จัดวางค่ายกลจำนวนมากไว้รอบสะพานทะยานเซียน”

“ระดับของค่ายกลเหล่านั้นล้วนสูงมาก ทั้งยังเป็นธงค่ายที่กลั่นมาจากวัตถุดิบชั้นยอดด้วย การที่จะทำลายวงล้อมเข้าไปได้นั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก”

เหล่ามกุฎเต๋าต่างพากันบอกเล่าเรื่องราวที่ตนทราบออกมา โดยเฉพาะเรื่องที่มีค่ายกลถูกจัดวางอยู่รอบสถานต้องห้ามที่เป็นที่ตั้งของสะพานทะยานเซียน เพราะพวกเขาก็เข้าร่วมการจัดวางไม่มากก็น้อยเช่นกัน

“นี่มันจะยากอะไร? ในโลกหล้านี้ ยังไม่มีค่ายกลใดที่สามารถต้านทานดาบของข้าได้”

หลัวซิวยิ้มอ่อน ทุกคำพูดและกิริยาท่าทางล้วนดูมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม และความมั่นใจนี้ส่วนหนึ่งมาจากผลการฝึกตนศักยภาพของเขาเอง อีกส่วนหนึ่งมาจากอาวุธเซียนทั้งสองอย่างดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้า

“เฉว่โยวหวูจี๋ใช้วิญญาณต้องห้ามควบคุมความเป็นความตายของผู้แข็งแกร่งจำนวนมาก ขอแค่แพร่งพรายข่าวคราวที่ข้าสามารถทลายวิญญาณต้องห้ามออกไป ข้าคิดว่าต้องมีคนจำนวนไม่น้อยยอมเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แล้วสู้กับเฉว่โยวหวูจี๋อย่างเอาเป็นเอาตายแน่นอน”

“อีกทั้งเพื่อเป็นการยกระดับผลการฝึกตน มันได้ดูดกลืนผู้แข็งแกร่งไปไม่น้อยแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีมกุฎเต๋าบรรพเสวียน มกุฎเต๋าหวูซินแล้วก็มกุฎมังกรเอี๊ยง ขอแค่มีคนสามารถช่วยผู้คนทลายวิญญาณต้องห้าม เช่นนั้นเฉว่โยวหวูจี๋ก็จะกลายเป็นศัตรูที่ผู้คนต่างรุมโจมตี เมื่อมกุฎเต๋าประมุขเต๋าจำนวนมากร่วมมือกัน จักสู้มันคนเดียวไม่ไหวหรือ?”

คำพูดที่ต่อเนื่องกันของหลัวซิวทำให้ความคิดของทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงไปภายในพริบตา

ไม่ใช่ว่าพวกนอกนภาและหลินเทียนคิดเรื่องนี้ไม่ได้ แต่เป็นเพราะความกดดันที่เฉว่โยวหวูจี๋สร้างให้พวกเขามันมากล้นเกินไปแล้ว ฉะนั้นพวกเขาจึงตีความไปเองว่าเฉว่โยวหวูจี๋เป็นผู้แข็งแกร่งน่าสยดสยองที่ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรได้

แต่เมื่อหลัวซิวพูดเช่นนี้ ดูเหมือนเฉว่โยวหวูจี๋ก็เก่งแค่นั้นแหละ จึงทำให้ผู้คนรู้สึกเชื่อมั่นในคำพูดของเขาอย่างอดไม่ได้

มกุฎเต๋านอกนภามองไปทางหลัวซิวด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ไม่มีผู้ใดคาดถึงเลยว่าในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของมหันตภัยในครั้งนี้ ผู้ที่ชี้ขาดเรื่องทุกอย่างจะเป็นคนหนุ่มคนหนึ่งที่ฝึกตนมาแค่สองพันกว่าปี

ถึงแม้เขาจะหนุ่มมากก็ตาม แต่กลับมีความมั่นใจและพลังออร่าที่แข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะออร่าผู้นำที่สามารถทำให้ผู้คนเชื่อมั่นและศรัทธา ยิ่งทำให้ผู้คนที่อยู่ในความสิ้นหวังยินดีที่จะออกรบไปพร้อมกับเขา

หากทุกอย่างเป็นไปตามที่หลัวซิวกล่าวมาจริง ๆ เช่นนั้นต้องมีมกุฎเต๋าประมุขเต๋าไม่ต่ำกว่าหลักสิบคนรุมโจมตีเฉว่โยวหวูจี๋แน่นอน!

แน่นอนอยู่แล้วว่ามีเงื่อนไขหนึ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือหลัวซิวสามารถช่วยทลายวิญญาณต้องห้ามได้อยู่ ทว่าก็จำเป็นต้องให้เขาร่ายตัวต้องห้ามชนิดหนึ่งเข้าไปในตัวหยั่งรู้ก่อน เพื่อรับประกันว่าจะไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นในศึกขั้นเด็ดขาดในครั้งนี้

เงื่อนไขข้อนี้เข้มงวดมากก็จริง แต่จากเหล่าประมุขเต๋าที่ถูกเฉว่โยวหวูจี๋ควบคุม ต้องมีคนจำนวนมากยินยอมแน่นอน มิหนำซ้ำหลัวซิวก็จะให้คำมั่นสัญญาเช่นกัน ถึงครานั้นขอแค่กำจัดเฉว่โยวหวูจี๋สำเร็จ เขาจะทำการทลายตัวต้องห้ามที่อยู่ในตัวหยั่งรู้ของเหล่าผู้แข็งแกร่งทั้งหลายทิ้ง

สำหรับเรื่องนี้บางทีอาจจะมีคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง กังวลว่าหลัวซิวจะกลายเป็นเฉว่โยวหวูจี๋คนที่สอง แต่อย่างน้อยการยืนอยู่ฝั่งหลัวซิวมันก็มีความหวังมากกว่าการยืนอยู่ฝั่งเฉว่โยวหวูจี๋แน่นอน

ถึงครานั้น โอกาสเสี้ยวหนึ่งที่กล่าวถึงก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาทุ่มสุดกำลังสามารถแล้ว

“หวังว่าเราจะทำสำเร็จนะ”

มกุฎเต๋านอกนภา มกุฎเต๋าบรรพจักรวาล มกุฎเต๋าบรรพเหลืองและมกุฎมังกรอิมต่างพากันลุกขึ้นยืน หลังจากจัดการปัญหาเรื่องวิญญาณต้องห้ามเสร็จสรรพ ไฟแห่งความหวังในใจพวกเขาก็ลุกโชนกลับคืนมาใหม่

อดีตพวกเขาล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่ตั้งตระหง่านอยู่บนจุดสูงสุดของสามโลกา ทว่าช่วงร้อยกว่าปีที่ผ่านมานี้ความเป็นความตายกลับถูกผู้อื่นควบคุม ไม่สามารถชี้ขาดความเป็นความตายของตนปานหมูหมากาไก่ ถูกผู้อื่นครอบงำ ความโกรธแค้นนี้เพียงพอที่จะใช้คำว่าไม่ดับไม่สิ้นมาอุปมาได้แล้ว

กำลังวิชาส่วนใหญ่ของเฉว่โยวหวูจี๋ล้วนเพ่งเล็งไปที่การกลั่นแปรสะพานทะยานเซียน ฉะนั้นแม้นผู้แข็งแกร่งจำนวนมากจะถูกเขาควบคุมโดยตัวต้องห้าม เขาก็ไม่สามารถใช้ตัวต้องห้ามควบคุมสภาวะของทุกคนได้เช่นกัน

คนอื่นไม่ทราบว่าพวกมกุฎเต๋านอกนภาหลุดพ้นจากการควบคุมของวิญญาณต้องห้ามแล้ว พวกเขาย้อนกลับมายังดาราตระกูลตี ก่อนจะเริ่มตระเวนชักจูงโน้มน้าวผู้คนที่ถูกเฉว่โยวหวูจี๋ควบคุม

ถ้ำแห่งนี้ที่หลินเทียนบุกเบิกอยู่ใกล้กับดาวเคราะห์ตระกูลจีมาก ๆ ตลอดช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมานี้ เฉว่โยวหวูจี๋ไม่เคยเดินทางมาที่นี่เลย จึงแสดงให้เห็นเลยว่าการกลั่นแปรสะพานทะยานเซียนของเขาน่าจะดำเนินการถึงช่วงเวลาที่ค่อนข้างสำคัญแล้ว แม้แต่เหล่าประมุขเต๋ามกุฎเต๋าที่อยู่บนดาวเคราะห์ตระกูลจี ก็ไม่เคยเห็นเฉว่โยวหวูจี๋ปรากฏที่นี่นานมากแล้ว

ใช้เวลาไม่ถึงห้าวัน ก็มีผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋าเป็นต้นไป 30 กว่าคนรวมตัวกันอยู่บนดาราที่รกร้างว่างเปล่าดวงนี้แล้ว

ผู้แข็งแกร่งที่ถูกเฉว่โยวหวูจี๋ควบคุมด้วยวิญญาณต้องห้ามแทบจะรวมตัวกันอยู่ที่นี่หมดแล้ว มีเพียงคนส่วนน้อยมาก ๆ ที่ไม่มา แต่โดยส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีผลต่อสถานการณ์ใหญ่เท่าไหร่นัก

ภายในตำหนักในถ้ำ หลัวซิวนั่งอยู่บนที่นั่งหลัก ส่วนผู้ที่นั่งอยู่ด้านล่างคือเหล่ามกุฎเต๋าประมุขเต๋า มาตรแม้นว่าเป็นหยุนเซวียนและหลินเทียนที่เป็นกึ่งเซียน ก็แค่นั่งดูด้านซ้ายและด้านขวาของหลัวซิว

จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์ บรรพจารย์จักรภพ ฉินจ้านแล้วก็ตู๋กูก็มาถึงที่นี่เช่นกัน สายตาของทุกคนล้วนผนึกไปที่ตัวหลัวซิว

“ช่างเหลือเชื่อเสียจริง”จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์พูดพึมพำคนเดียว

ศักยภาพของเขาที่อยู่ในบรรดาประมุขเต๋ามกุฎเต๋าทั้งหลายไม่โดดเด่นเท่าไหร่นัก แต่ถ้าเกิดพูดถึงโลกทัศน์และความรู้ประสบการณ์ มกุฎเต๋าส่วนมากกลับเทียบเคียงกับเขาไม่ได้เลย

“ได้ยินมาว่าผู้เพื่อนยุทธ์สวีมีความสามารถที่รู้เท่าทันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จากประสบการณ์ของผู้เพื่อนยุทธ์สวี คิดว่าครั้งนี้นายจ้าวซิวหลัวจะสามารถโค่นล้มเฉว่โยวหวูจี๋ได้หรือไม่?”

“ใช่ผู้เพื่อนยุทธ์สวี บนตัวนายจ้าวซิวหลัวไม่มีท่วงเซียนแต่อย่างใด ดูเหมือนยังบรรลุไม่ถึงแดนกึ่งเซียน”เหล่าประมุขเต๋าที่นั่งอยู่ข้างกายจ้าวอาณัติแห่งสวรรค์อดสอบถามไม่ได้

“ผลการฝึกตนไม่สามารถตัดสินศักยภาพความสามารถ คาดว่าทุกท่านคงยังไม่ลืมสินะว่า ทันทีที่นายจ้าวซิวหลัวบรรลุเป็นประมุขเต๋า ก็มีศักยภาพที่เทียบทัดมกุฎเต๋าแล้ว ปัจจุบันผลการฝึกตนของเขาเป็นมกุฎเต๋าช่วงปลายแล้ว ศักยภาพต้องบรรลุถึงระดับกึ่งเซียนอย่างแน่นอน ถ้าเกิดบวกกับดาบหักเซียน ในจักรวาลพิภพนี้ ก็คงมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถโค่นล้มเฉว่โยวหวูจี๋ได้”

จ้าวอาณัติแห่งสวรรค์พูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ส่วนเรื่องการล่วงรู้เรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น ก็ต้องดูก่อนว่าฝ่ายตรงข้ามคือผู้ใด จากโชคชะตาของนายจ้าวซิวหลัว ตบะที่เล็กกระจิ๊ดริดของข้ามองไม่ทะลุปรุโปร่งหรอกนะ”

“นายจ้าวซิวหลัววางแผนที่จะช่วยเราทลายวิญญาณต้องห้ามเมื่อใดขอรับ?”มีคนเอ่ยปากสอบถาม อย่างไรเสียทุกคนก็ล้วนเดินทางมาที่นี่โดยแบกรับแรงกดดันที่มากล้น ทันทีที่ปล่อยให้เฉว่โยวหวูจี๋ทราบเรื่องนี้เข้าละก็ เพียงเสี้ยวความคิดเดียว เฉว่โยวหวูจี๋ก็สามารถทำให้พวกเขาตายทั้งเป็นได้แล้ว

“ใช่ขอรับ ได้โปรดนายจ้าวซิวหลัวช่วยเราทะลายวิญญาณต้องห้ามเถิดนะขอรับ”คนอื่นก็ต่างพากันพูดเสริมขึ้นมาเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ