มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3072

“ศิษย์เอ๊ย วันนี้อาจารย์จักทำให้เจ้าได้รู้ซึ้งเองว่าระหว่างมกุฎเต๋าและราชาเซียนแตกต่างกันมากเพียงใด!”

เฉว่โยวหวูจี๋มองเห็นผลการฝึกตนในปัจจุบันของหลัวซิวได้ชัดเจนมาก มกุฎเต๋าช่วงปลายที่เทียบทัดกึ่งเซียนแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ท้ายที่สุดแล้วแดนการตระหนักรู้บนธรรมเวชเกณฑ์ก็แตกต่างจากวิถีเซียนที่แท้จริงมาก ๆ อยู่ดี

“โครตสังหารนิรันดร์ งูแก้วกลืนนภา!”

มีแสงโลหิตที่ไร้ขอบเขตพรั่งพรูทะลักออกมาจากตัวเฉว่โยวหวูจี๋ แสงโลหิตบนตัวเขาพุ่งทะยานขึ้นฟ้า เส้นผมสีแดงโลหิตที่ยาวสลวยปลิวลอย

เห็นเพียงมีโลกาสีเลือดใบหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏด้านหลังเฉว่โยวหวูจี๋ ภายในโลกาดังกล่าวเปี่ยมล้นไปด้วยการสังหาร งูแก้วที่ใหญ่โตมโหฬารตัวหนึ่งดูดกลืนอสูรจิตนับล้าน ดุร้ายน่ากลัว

“ฟึบ!”

ทันใดนั้นเอง งูแก้วที่อยู่ในโลกาสีโลหิตก็พุ่งออกมา อ้าปากกว้าง มีพลังดูดกลืนที่ทรงพลังตลบฟุ้งออกมา หวังจะเขมือบหลัวซิว

ภายใต้พลานุภาพของพลังอมตะวิชานี้ มกุฎเต๋าอย่างนอกนภา บรรพจารย์จักรวาล บรรพจารย์จักรภพและบรรพจารย์เหลืองก็ทำได้เพียงถอยหลังอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะเข้าร่วมการต่อสู้

“ประตูแห่งสรรพผนึก!”

หลินเทียนใช้มือทั้งสองข้างปล่อยวิชาตราประทับออกไป ประตูสีดำมืดบานหนึ่งจึงปรากฏกลางนภาสูง ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว เห็นเพียงบานประตูดังกล่าวเปิดออก ก่อนจะทำการดูดงูแก้วที่ใหญ่โตมโหฬารนั่นเข้าไป

12 สวรรค์ในอดีตอย่างเขาหายสาบสูญไปยาวนาน ธรรมวิถีที่เขาฝึกก็คือเต๋าปริภูมิ และประตูแห่งสรรพผนึกนี่ก็เป็นพลังอมตะที่เขาริเริ่ม ซึ่งสามารถปิดผนึกพลังโจมตีทั้งปวงของคู่ต่อสู้

“ปีศาจร้ายเฉว่โยวไปตายซะ!”

เทพธิดาหยุนเซวียนก็ลงมือโจมตีเช่นกัน นางเรียกกระบี่เซียนออกมา เสียงคำรามมังกรดังก้องไปทั่วฟ้าดิน จากนั้นก็มีมังกรทองที่ยาวหลายพันเมตร รอบลำตัวถูกเมฆหมอกโอบล้อมตัวหนึ่งพุ่งคำรามออกมา แล้วพุ่งเขมือบไปทางเฉว่โยวหวูจี๋

“หึ แค่ตัวตลกกระจอก ๆ สองตัว ก็บังอาจกำเริบเสิบสานต่อหน้าราชันย์อย่างข้าอย่างนั้นรึ?”

มีความเยาะเย้ยเสี้ยวหนึ่งกระพริบผ่านไปในแววตาเฉว่โยวหวูจี๋ ถัดจากนั้นก็มีเสียงระเบิดที่ดังลั่นดังก้องอยู่ในอนัตตาฟ้าดิน

“ตู้มม!”

หลินเทียนที่ประตูแห่งสรรพผนึกปลดปล่อยออกไประเบิดแตกอยู่กลางนภา งูแก้วสุดสยองที่ถูกปิดผนึกในตอนแรกพุ่งออกมา แล้วกัดกับมังกรทองกระบี่เซียนหยุนหลงที่ยาวหลายพันเมตร

พลังอมตะถูกทลาย หลินเทียนจึงอ้าปากกระอักเลือดออกมา ภายในแววตาเปี่ยมล้นไปด้วยรังสีแห่งความหวาดหวั่น

การที่เขาสามารถฝึกถึงแดนกึ่งเซียนได้นั้น ต้องเป็นเพราะเขาได้รับโอกาสที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ขณะที่ฝึกตนในแดนบรรพกาล เคยบังเอิญได้รับการถ่ายทอดสืบสานของเซียนโบราณองค์หนึ่ง

ประตูแห่งสรรพผนึกคือพลังอมตะระดับราชาเซียนวิชาหนึ่ง จากแดนผลการฝึกตนของเขายังไม่สามารถปลดปล่อยพลานุภาพทั้งหมดของพลังอมตะวิชานี้ออกมาได้ก็จริง แต่การที่พลังอมตะนี้ถูกทลายง่ายดายเช่นนี้นั้น แล้วศักยภาพของเฉว่โยวหวูจี๋นี่จักแข็งแกร่งมากเพียงใดกัน?

เป็นพลังอมตะระดับราชาเซียนเหมือนกัน แต่เฉว่โยวหวูจี๋มีการตระหนักรู้ในธรรมเวชของราชาเซียน พลานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาจึงต้องแข็งแกร่งกว่าอดีตเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

พลังอมตะที่ปลดปล่อยออกไปอย่างสบายมือ ก็ต้านทานกึ่งเซียนทั้งสองคนอย่างเทพธิดาหยุนเซวียนและหลินเทียนเอาไว้ได้อย่างง่ายดายแล้ว นี่จึงทำให้มีความสิ้นหวังปรากฏบนใบหน้าเหล่ามกุฎเต๋าประมุขเต๋าที่เห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว

หากศึกในครั้งนี้พ่ายแพ้ เช่นนั้นต่อให้พวกเขาหลบหนีไปแล้ว ทันทีที่จักรวาลพิภพนี้ถูกเฉว่โยวหวูจี๋ควบคุม ท้ายที่สุดพวกเขาก็เป็นเพียงลูกไก่ในกำมือเท่านั้นแหละ!

“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า”

เงาร่างของหลัวซิวหกระเหินเดินฟ้า ศักยภาพที่เฉว่โยวหวูจี๋แสดงออกมาแข็งแกร่งมากก็จริง ทว่าเขากลับไม่ได้นำมาใส่ใจ

หากเป็นเมื่อเจ็ดร้อยกว่าปีก่อน เขารู้สึกว่าช่วงระยะความต่างระหว่างตนและเฉว่โยวหวูจี๋ห่างไกลกันมากจนไม่สามารถประเมินค่าได้ แต่ตั้งแต่ยึดกุมไร้ลักษณ์ไร้รูปเป็นต้นมา รวมไปถึงหลังจากได้ตระหนักตรีภพอยู่ในสถานตรีภพของวังทะยานเซียนมาสองหมื่นปี ถึงแม้แดนธรรมเวชของเขาก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงกับราชาเซียนได้ แต่พลังที่เขามีอยู่ในแดนปัจจุบัน กลับเพียงพอที่จะสามารถทดแทนช่วงระยะความต่างของแดนธรรมเวชได้แล้ว

“ตู้มม!”

หลัวซิวปล่อยหมัดออกไป วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพปรากฏกลางท้องฟ้า กงล้อที่ใหญ่โตมโหฬารกำลังโคจรอยู่กลางอนัตตา ราวกับความเป็นความตายของทุกสรรพสิ่งในหมื่นจักรวาลล้วนอยู่ในเงื้อมมือ

เมื่อเห็นวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ เฉว่โยวหวูจี๋ก็หรี่ตาลง “เส้นทางแห่งวัฏสงสาร? ดูท่าเจ้ามกุฎเต๋าสังสารวัฏนั่นถูกเจ้ากำจัดทิ้งไปแล้วจริง ๆ แต่ทว่าจากแดนของเจ้า ความรู้ความสามารถบนเส้นทางวัฏสงสารก็มีเพียงกระจิ๊ดริดเดียวเท่านั้น ซึ่งยังไม่สามารถต่อกรกับราชันย์อย่างข้าได้”

เฉว่โยวหวูจี๋ง้างมือปล่อยตราประทับหนึ่งออกไป งูแก้วสีโลหิตนั่นจึงหลุดพ้นจากการพัวพันของมังกรทองที่ยาวหลายพันเมตรทันที ลำตัวของงูแก้วที่ใหญ่โตมโหฬารได้ทำการพันวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพเอาไว้แน่น ๆ

“หึ่ง! หึ่ง! หึ่ง!”

วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังแห่งความเป็นตายไหลเวียน แต่กลับมีสีโลหิตที่ไร้ขอบเขตตลบฟุ้งออกมาจากตัวงูแก้วสีโลหิต ทำให้กงล้อดังกล่าวถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดงก่ำ พลังแห่งโลหิตฉกรรจ์ทำการกัดกร่อนอย่างต่อเนื่อง ราวกับจะทำการดูดกลืนกลั่นแปรวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพของหลัวซิวยังไงอย่างนั้น

อดีตร่างดั้งเดิมของราชาเซียนเฉว่โยวคืองูแก้ว สิ่งที่ฝึกคือพลังแห่งโลหิตฉกรรจ์ ซึ่งชำนาญการดูดกลืนกลั่นแปร

“หัตถ์แหลกดารา!”

เงาร่างของหลัวซิวกระพริบทีหนึ่ง แล้วไปยืนอยู่บนวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ก่อนจะใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างโจมตีใส่ลำตัวงูแก้วสีโลหิต

เป็นพลังอมตะระดับราชาเซียนเหมือนกัน ซึ่งเขาไม่ได้ปลดปล่อยเจว๋เทียนแต่อย่างใด เพราะเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าจากแดนผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของตน ต่อให้ปลดปล่อยพลังอมตะเจว๋เทียน ก็ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อตัวธรรมของเฉว่โยวหวูจี๋ได้

พลังอมตะหัตถ์แหลกดาราเป็นพลังที่เขาได้รับมาจากการถ่ายทอดสืบสานของราชาเซียนที่ถูกกดอัดอยู่ในโลกคุกเซียน ซึ่งเป็นวิชาโจมตีที่เกะกะระรานอย่างยิ่ง

ได้ยินเพียงเสียงระเบิดดังลั่นขึ้นมาสองครั้ง ลำตัวสีเลือดของงูแก้วก็แทบจะถูกหลัวซิวโจมตีจนขาดออกจากกันแล้ว

“ไม่นึกเลยว่าจะเป็นหัตถ์แหลกดารา! เจ้าเป็นอะไรกับราชาเซียนนี่ล่วน?”

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว เฉว่โยวหวูจี๋ก็ตกใจมากจนหน้าถอดสี ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อ

หลัวซิวไม่ทราบว่าราชาเซียนนี่ล่วนคือผู้ใด แต่เฉว่โยวหวูจี๋กลับเคยได้ยินข่าวลือบางอย่างมาก่อน

เล่ากันว่าในยุคสมัยประเทศเซียนที่ไกลโพ้น ราชาเซียนนี่ล่วนคือหนึ่งในราชาเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศเซียนที่นับไม่ถ้วน!

ทว่าต่อมาราชาเซียนนี่ล่วนกลับหายเข้าไปในกลีบเมฆกะทันหัน ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าเขาไปที่ใดแล้ว และยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วกันแน่

แต่เฉว่โยวหวูจี๋กลับเคยได้ยินว่าพลังอมตะที่มีชื่อเสียงที่สุดของราชาเซียนนี่ล่วนก็คือหัตถ์แหลกดารา!

หลัวซิวคาดเดาว่าราชาเซียนนี่ล่วนที่เฉว่โยวหวูจี๋กล่าวถึงมีโอกาสคือท่านผู้นั้นที่อยู่ในโลกคุกเซียนสูงมาก

“ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ