มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 3074

“นอกนภามึงมันสมควรตาย!”

เฉว่โยวหวูจี๋ตะคอกอย่างโกรกเกรี้ยว เขานึกไม่ถึงเลยว่ามังกรอิมและนอกนภาที่ถูกเขามองเป็นของเล่นมดตัวจ้อยเมื่อครานั้น จะกลายเป็นอุปสรรคของเขาในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้

มกุฎมังกรอิมขัดขวางเขาเอาไว้ได้หนึ่งชั่วลมหายใจ จึงถูกลิขิตไว้แล้วว่าต่อให้เขาสามารถหลบหนีไปได้ แต่ก็จะถูกฟันหนึ่งครั้งแน่นอน

ส่วนวินาทีนี้นอกนภากลับใช้ร่างผันเป็นตรีภพ ผนึกรวมโกลาหลออกมา แล้วกลายเป็นหนึ่งกระบี่ จนถึงขั้นให้เขาสัมผัสภัยคุกคามได้เสี้ยวหนึ่ง!

ทุกคนล้วนตะลึงงันไปหมดแล้ว สภาพจิตใจของทุกคนล้วนช็อกมาก ไม่มีผู้ใดคาดถึงได้ว่ามกุฎมังกรอิมและมกุฎเต๋านอกนภาจะลงมือเวลานี้ และยิ่งใช้การไม่ได้กลับชาติมาเกิดตลอดกาล ตกต่ำลงชั่วกัปชั่วกัลป์มาแลกเปลี่ยน เพียงเพราะจะทำให้เฉว่โยวหวูจี๋ได้ชดใช้กรรม

พวกเขาก็เคยถูกเฉว่โยวหวูจี๋ควบคุมความเป็นความตายมาก่อนเช่นกัน ภายในจิตใจของพวกเขาก็เปี่ยมลนไปด้วยความโกรธแค้น แต่พวกเขารู้ตัวเองดีอยู่ว่าตนไม่มีความมั่นใจที่จะกล้าทำเช่นนั้นแน่นอน

โกลาหลกลายเป็นหนึ่งกระบี่ แทบจะผ่าศีรษะของงูแก้วจนเปิดออก เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดอยู่ตรงขอบฟ้าปานสายน้ำตก มีเสียงคำรามที่ดุร้ายน่ากลัวดังก้องอยู่ทั้งห้วงดารา

ปั้ง! ปั้ง!

ร่างกายสองร่างร่วงหล่นลงพื้น มังกรอิมและนอกนภานอนอยู่บนพื้น ออร่าชีวีบนร่างกายหายไปโดยสิ้นเชิง เหลือแค่เพียงความลุ่มหลงเสี้ยวหนึ่งที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในร่างกายเพ่งมองไปทางงูแก้วที่พุ่งตรงไปยังสะพานทะยานเซียน พวกเขาต้องเห็นเองกับตาว่าเฉว่โยวหวูจี๋ได้ชดใช้กรรมมที่ตนได้ก่อไว้เมื่อครานั้น!

เสี้ยววินาทีที่งูแก้วตัวหนึ่งบินเข้าไปในระลอกคลื่นปริภูมิ เงาร่างของหลัวซิวก็ไล่ตามมาเช่นกัน ก่อนจะใช้ดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้าโจมตีสังหารออกไปจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น!

“ฟื้ทท!”

ร่างแห่งงูแก้วของเฉว่โยวหวูจี๋พุ่งเข้าไปในระลอกคลื่นแค่ครึ่งหนึ่ง ส่วนลำตัวอีกครึ่งหนึ่งกลับถูกดาบหักเซียนตัดสับลงไป ถัดจากนั้นก็ถูกเหล็กเซียนชั้นกล้าฟาดจนระเบิดแตกเป็นหมอกเลือด

“พวกมึงล้วนสมควรตาย!”

เสียงที่โกรธแค้นชั่วร้ายถึงขีดสุดของเฉว่โยวหวูจี๋ดังก้องอยู่ในฟ้าดิน

หลัวซิวมองดูหมอกเลือดที่ลอยอยู่กลางท้องฟ้าด้วยความรู้สึกเสียดายเล็กน้อย ไม่นึกเลยว่าเพราะความประมาทชั่วขณะของตน จะทำให้เฉว่โยวหวูจี๋หนีรอดไปได้

โชคดีที่ขณะที่เฉว่โยวหวูจี๋หลบหนีไป เขาได้ใช้ดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้าทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส แม้นจะหลบหนีเข้าไปในโลกเซียน การที่อยากฟื้นฟูศักยภาพให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมนั้น ก็ต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานมาก จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาก้าวเข้าสู่แดนวิถีเซียนเลย

ทันใดนั้นเอง หลัวซิวก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

เงาร่างเขากระพริบครั้งหนึ่ง มาถึงข้างกายมกุฎเต๋านอกนภา เพราะเสียงถอนหายใจในเมื่อครู่นี้มาจากมกุฎเต๋านอกนภา

“ขอโทษด้วยที่ปล่อยให้ไอ้เดรัจฉานนั่นหนีรอดไปได้”หลัวซิวพูดโดยที่รู้สึกผิดอย่างยิ่ง เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าหากไม่มีการขัดขวางของมังกรอิมและนอกนภา เฉว่โยวหวูจี๋อาจจะสามารถหนีรอดไปต่อหน้าต่อตาเขาโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

เรื่องราวทั้งหมดในสามโลกายังไม่จบ เวลานี้เขาจึงไม่มีทางพุ่งเข้าไปในโลกเซียนเพียงเพราะจะไล่ล่าเฉว่โยวหวูจี๋ มิหนำซ้ำต่อให้ไล่ตามไปแล้ว เขาก็ใช่ว่าจะสามารถสังหารเฉว่โยวหวูจี๋ได้เสมอไป และถ้าเกิดเขาต้องการกลับมาสามโลกาอีกครั้ง มันกลับไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้นแล้ว

ในส่วนของเรื่องที่ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้เฉว่โยวหวูจี๋กลายเป็นภัยร้ายในอนาคตหรือไม่นั้น หลัวซิวไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย ครั้งนี้เขาสามารถโจมตีจนทำให้เฉว่โยวหวูจี๋ถดถอย ทำให้เฉว่โยวหวูจี๋ทำได้เพียงชิ่งหลบหนี เช่นนั้นหากครั้งหน้าได้พบกันอีก เฉว่โยวหวูจี๋ก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกเช่นเคย ช่วงระยะความต่างของทั้งสองฝ่ายมีเพียงจะยิ่งอยู่ยิ่งห่างไกลกัน และหลัวซิวก็มีความมั่นใจนั้นเช่นกัน!

“เรื่องนี้ไม่โทษเจ้าหรอก การที่เจ้าสามารถทำถึงขั้นนี้ได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว เฉว่โยวหวูจี๋บาดเจ็บสาหัสแล้วหลบหนีไป มหันตภัยในครั้งนี้ก็สิ้นสุดลงแล้ว จักรวาลพิภพนี้ก็จะเข้าสู่ยุคสมัยที่ใหม่เอี่ยมเช่นกัน”

นอกนภาอมยิ้ม ร่างกายของเขาสลายหายไปอย่างต่อเนื่อง พลางหันไปมองมังกรอิมที่นอนห่างออกไปไม่ไกล

“ศิษย์น้อง หวูจี๋พูดถูก ข้าชอบเจ้าจริง ๆ ตั้งแต่ครั้นเมื่อเรานั่งฟังราชาเซียนธรรมกถาเป็นต้นมา ข้าก็เริ่มชอบเจ้าแล้ว……”

“แต่น่าเสียดายที่โชคชะตาแปรเปลี่ยนไม่แน่นอน ผู้รังสรรค์กลั่นแกล้ง เจ้าและมังกรเอี๊ยงพร้อมกับหวูซินลงมือสังหารกะทันหัน ทำให้เราต้องยืนอยู่บนจุดยืนที่แตกต่างกัน”

“ข้ารู้ว่าความรักของเราไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว แต่ข้านึกไม่ถึงเลยว่าหวูจี๋จักกลายเป็นคนเช่นนี้ ไม่นึกเลยว่าเขาจะทำเรื่องเช่นนั้น”

“ข้าเข้าใจอุปนิสัยของเจ้า ฉะนั้นข้าจึงรู้ว่าแม้นต้องแลกกับชีวิต เจ้าก็จะทำให้เฉว่โยวหวูจี๋ได้ชดใช้กรรมแน่นอน ในเมื่อเจ้าจะตกต่ำสู่ความชั่วร้ายชั่วนิจนิรันดร์ ไม่อาจได้กลับชาติมาเกิดอีกชั่วกัปชั่วกัลป์ เช่นนั้นข้าก็ทำได้เพียงเลือกใช้วิธีการเช่นนี้ มาอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไป”

หลัวซิวยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ จากการที่นอกนภาบอกความในใจที่เก็บมานานหลายยุคตรีภพออกมา ร่างกายของเขาและมังกรอิมก็ค่อย ๆ เลือนลาง กลายเป็นแสงสว่างที่เรืองรอง แล้วสลายหายไปในฟ้าดิน

ขณะที่ร่างกายของมังกรอิมจะสลายหายไปโดยสิ้นเชิง นางเพ่งมองนอกนภา แววตาที่หม่นหมองไร้ชีวิตชีวาไปตั้งนานแล้วก็กลับมามีชีวิตชีวาใหม่อีกครั้ง ทั้งยังมีรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่งปรากฏบนใบหน้านาง

รอยยิ้มนั้นจะคงอยู่ตลอดไป แล้วสลักจารึกอยู่ในบั้นปลายชีวิตของนางและนอกนภา

สายลมพัดผ่าน แสงสว่างอันเรืองรองที่ล้นฟ้าลอยขึ้นสูง นั่นเป็นวิญญาณที่กลายมาจากมกุฎเต๋าทั้งสองคนที่มีชีวิตคงอยู่มายาวนาน

ณ วินาทีสุดท้าย วิญญาณของทั้งสองได้กลับคืนสู่ฟ้าดิน และกลับคืนสู่ความว่างเปล่าตลอดกาล

วินาทีนี้ทุกคนล้วนนิ่งเงียบ มีเพียงแสงสว่างอันเรืองรองที่ล้นฟ้าถูกสายลมพัดผ่านไป แล้วค่อย ๆ สลายหายไป

ดาวเคราะห์ตระกูลจีกลายเป็นซากปรักหักพัง หลังจากผ่านพ้นศึกการต่อสู้ในครั้งนี้ ก็เหลือเพียงมกุฎเต๋าประมุขเต๋า 20 กว่าคน

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ ๆ หลัวซิวก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ท้ายที่สุดแล้วของบางอย่างมีเพียงสูญเสียมันไปแล้ว ถึงจะรู้สึกเสียใจทีหลัง

มหันตภัยครั้งหนึ่ง ทำให้เหล่ามกุฎเต๋าที่ตั้งตระหง่านอยู่บนจุดสูงสุดของจักรวาลสามโลกาสลายสูญสิ้น เริ่มด้วยการตายของบรรพจารย์ล้น ต่อมาก็คือบรรพจารย์ดิน บรรพจารย์สวรรค์ แล้วตามมาด้วยมกุฎเต๋าหวูซิน มกุฎมังกรอิม แต่ละคนต่างพากันทยอยดับสลายสูญสิ้น

ไม่มีผู้ใดคาดถึงเลยว่าจุดจบสุดท้ายจะเป็นเช่นนี้ วินาทีนี้มกุฎเต๋าอัจฉริยะยอดเยี่ยมทั้งสามอย่างบรรพจารย์จักรวาล บรรพจารย์เหลืองและบรรพจารย์จักรภพทำได้เพียงมองดูเงาหลังของหลัวซิวด้วยแววตาที่เคารพยำเกรง

เฉว่โยวหวูจี๋นั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด แค่ใช้พลังออร่าภายนอกกดอัด ก็สามารถทำให้เหล่ามกุฎเต๋าขั้นสุดยอดยากที่จะต่อต้าน แม้แต่กึ่งเซียนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!

แต่ผู้แข็งแกร่งที่น่าสยดสยองเช่นนี้กลับถูกหลัวซิวโค่นล้ม สามารถพูดได้เลยว่าเขาเป็นอันดับหนึ่งในจักรวาลพิภพนี้อย่างไร้ข้อกังขาแล้ว!

ในอดีตไม่เคยมีคนใดมีคุณสมบัติกล้าบอกว่าตัวเองเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า มาตรแม้นว่าเป็นจีชูหยางนั่นในอดีต ก็ไม่กล้าบอกว่าตนเป็นอันดับหนึ่งเช่นกัน จีชูหยางเป็นกึ่งเซียนก็จริง แต่สาเหตุที่เขาแข็งแกร่งได้นั้น หลัก ๆ ก็เป็นเพราะอาศัยค่ายกลระดับเซียนบนดาวเคราะห์ตระกูลจีมากกว่า

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือหลัวซิวยังเป็นเพียงมกุฎเต๋าช่วงปลายคนหนึ่ง อนาคตคอยเขาฝึกถึงมกุฎเต๋าขั้นสูง ตลอดจนบรรลุเป็นกึ่งเซียน เมื่ออาศัยธรรมลักษณ์ฟ้าดินรวมไปถึงยุทธภัณฑ์เซียนเลิศล้ำทั้งสองชิ้น ก็ใช่ว่าเขาจะไม่สามารถข้ามขั้นต่อกรกับเซียนในตำนานได้เสมอไป

สามารถพูดได้อย่างไม่ลังเลใจเลยว่า วินาทีนี้ต่อให้เทพธิดาหยุนเซวียนและหลินเทียนทั้งสองคนที่เป็นกึ่งเซียนนำพาเหล่ามกุฎเต๋าประมุขเต๋าทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุร่วมมือกัน เมื่ออยู่ต่อหน้าหลัวซิว พวกเขาก็เป็นเพียงตัวตลกเท่านั้นแหละ เปราะบางมากจนไม่อาจต้านทานหนึ่งพลังโจมตี

บทสรุปของสงครามในครั้งนี้ แม้นเฉว่โยวหวูจี๋จะหลบหนีไปแล้ว แต่ก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน จึงสามารถพูดได้เลยว่าฝ่ายหลัวซิวชนะรวดเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ