เมื่อเผชิญหน้ากับความเผด็จการของหลัวซิว มกุฎเต๋าทั้งหกผู้มาจากต่างโลกาก็ไม่กล้าพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ยิ่งไม่กล้าเถียงด้วย เพราะมกุฎเต๋ากงฉื่อที่ถูกสังหารด้วยฝ่ามือเดียวในเมื่อครู่นี้ก็เป็นตัวอย่างให้แก่พวกเขาแล้ว
“ช่างทรราชเสียจริง พูดไม่ถูกใจนิดหน่อยก็ลงมือสังหารคนทันที การที่มีคนประเภทนี้ควบคุมสะพานทะยานเซียนนั้น……”
มกุฎเต๋าทั้งหกคนทำได้เพียงร้องโอดครวญในใจ
ทั้งสองคนที่พูดถึงในม้วนหยกย่อมต้องเป็นเหยียนซีโรว่และเสิ่นปิงหยูอยู่แล้ว หากหลัวซิวออกตามหาด้วยตนเอง ต่อให้ทุ่มเวลาและกำลังที่มากล้นตามหา ก็ใช่ว่าจะเจอตัวพวกนางเสมอไป ทว่าหากให้มกุฎเต๋าจากพิภพอื่น ๆ ออกคำสั่งให้กองกำลังที่อยู่ใต้บังคับบัญชาออกตามหา ต้องประหยัดแรงได้เยอะมากแน่นอน
“ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งร้อยปีเท่านั้น หากไม่เจอตัวพวกนางภายในระยะเวลาหนึ่งร้อยปี ข้าก็จะกวาดล้างมกุฎเต๋าทั้งปวงในพิภพของพวกเจ้า!”
ทันใดนั้นเอง ก็มีจิตสังหารที่น่าสยดสยองถึงขีดสุดพรั่งพรูออกมาจากตัวหลัวซิว ทำให้มกุฎเต๋าทั้งหกที่มาจากโลกาอื่นต่างสั่นสะดุ้งอย่างควบคุมไม่ได้!
กวาดล้างมกุฎเต๋าทั้งปวง?!
บรรพจารย์จักรภพที่ได้ยินคำพูดนี้ก็ตกใจจนสะดุ้งเช่นกัน หากผู้ที่พูดคำพูดดังกล่าวออกมาเป็นผู้อื่น หรือแม้กระทั่งผู้พูดคำพูดดังกล่าวคือกึ่งเซียนคนหนึ่ง ผู้คนก็จะรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามจองหองพองขนมาก อย่างไรเสียระดับกึ่งเซียนแข็งแกร่งก็จริง ทว่ากลับยังไม่ได้แข็งแกร่งถึงระดับที่ไร้เทียมทาน
แต่เมื่อคำพูดดังกล่าวถูกพูดออกมาจากปากหลัวซิว กลับไม่มีคนใดสงสัยเลยว่าเขาจะทำเช่นนั้นได้หรือไม่
ภาพฉากที่สังหารมกุฎเต๋าภายในฝ่ามือเดียวยังคงตราตรึงอยู่ในใจ ซึ่งไม่มีคำพูดใด ๆ สามารถทำให้ผู้คนคล้อยตามได้เท่าความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
“พวกข้าขอลาก่อนนะขอรับ!”
มกุฎเต๋าคนหนึ่งจากโลกาอื่นตอบสนองกลับมาได้ รีบก้มคำนับ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปจากวังซิวหลัว
มกุฎเต๋าอีกห้าคนที่เหลือก็ต่างหันหลังแล้วเดินจากไปเช่นกัน กระทั่งออกจากแผ่นดินซิวหลัวแล้ว ความรู้สึกที่ถูกห้วงสังหารแผ่คลุมถึงจะค่อย ๆ สลายหายไป
“นายจ้าวซิวหลัวคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว”
“ไม่ใช่กึ่งเซียนแต่กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่ากึ่งเซียน คาดว่าก็คงมีเพียงเซียนที่แท้จริงเท่านั้นแหละถึงจะสามารถสยบเขาได้”
“จิตสังหารของเขาเข้มข้นเกินไป แค่ให้พวกเราออกตามหาสตรีสองนางก็แล้วไป ไม่นึกเลยว่าหากไม่เจอภายในระยะเวลาหนึ่งร้อยปี เขาก็ถึงขั้นจะสังหารมกุฎเต๋าทุกคน……”
มกุฎเต๋าทั้งหกที่อยู่ในห้วงดาราได้ผันร่างเป็นแสงกล ต่างพากันพูดคนละประโยค มีพยับเมฆแห่งความกดดันแผ่คลุมอยู่ในหัวใจ
“เดิมทีข้าก็คิดว่ารอให้นายจ้าวซิวหลัวคนนั้นบินทะยานขึ้นสู่โลกเซียนแล้ว เมื่อมกุฎเต๋าจากพิภพทั้งหลายร่วมมือกัน ต้องสามารถแก่งแย่งสะพานทะยานเซียนมาได้อย่างง่ายได้แน่นอน แต่เห็นได้ชัดเจนเลยว่านายจ้าวซิวหลัวคนนั้นก็คิดจุดนี้ได้เช่นกัน ฉะนั้นหากเราไม่ทำตามข้อเรียกร้องของเขา เช่นนั้นก่อนจะจากไป เขาต้องลงมือกวาดล้างมกุฎเต๋าทั้งปวงให้สิ้นซากจริง ๆ เพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม!”
มกุฎเต๋าอาวุโสที่ผมเผ้าขาวหงอกคนหนึ่งพูดอย่างทอดถอนใจ
……
ด้วยผลการฝึกตนมกุฎเต๋าช่วงปลาย ควบคู่กับยุทธภัณฑเซียนทั้งสองอย่างดาบหักเซียนและเหล็กเซียนชั้นกล้า หลัวซิวจึงไม่เกรงกลัวจอมยุทธ์ทั้งปวงที่อยู่ต่ำกว่าแดนเซียน
แต่เขาก็เข้าใจดีมากเช่นกันว่าผลการฝึกตนระดับนี้ที่อยู่ในโลกาปัจจุบันยังพอดูหน่อย ทันทีที่บินทะยานขึ้นสู่โลกเซียน ศักยภาพแค่นี้ก็ไม่พอดูแล้ว
ดังนั้นก่อนจะบินทะยานขึ้นสู่โลกเซียน หลัวซิววางแผนที่จะยกระดับผลการฝึกตนของตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ต่อให้ไม่สามารถบรรลุเป็นเซียน อย่างน้อยก็ต้องบรรลุให้ถึงแดนกึ่งเซียนก่อน
สำหรับหลัวซิวในตอนนี้ ประสิทธิผลในการยกระดับผลการฝึกตนของไข่มุกเต๋าชั้นยอดน้อยนิดมาก หากเขาต้องการยกระดับผลการฝึกตน ก็จำเป็นต้องใช้กรองแก้วเซียน หรือไม่ก็ดูดซับแก่นสารชี่เซียนที่แฝงซ่อนอยู่ในโอสถเซียน
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นกรองแก้วเซียนหรือโอสถเซียน ต่างก็เป็นสมบัติที่หายากมาก
ดังนั้นช่วงเวลาต่อจากนี้ หลัวซิวจึงเดินทางไปแดนบรรพกาล
ภายในวังเซียนที่เคยใช้สยบปิดผนึกราชาเซียนเฉว่โยว หลัวซิวใช้เวลาอยู่หลายปีถึงจะจับกุมมังกรเขียวเส้นปราณเซียนตัวนั้นได้ แล้วทำการเก็บกรองแก้วเซียนทั้งหมดที่อยู่ตรงจุดอ่อนของมันมา ซึ่งมีกรองแก้วเซียนเป็นหมื่นก้อนเลย
จากนั้นเขาก็เข้าไปฝ่าฟันแดนปริศนาต่าง ๆ ในแดนบรรพกาล จนได้รับสมบัติขั้นสุดยอดประเภทต่าง ๆ มามากจนนับไม่ถ้วน แต่ก็พบกรองแก้วเซียนและโอสถเซียนน้อยมาก ๆ
หลังจากผ่านไปประมาณ 30 กว่าปี หลัวซิวอาศัยกรองแก้วเซียนและโอสถเซียนที่ได้รับในแดนบรรพกาล ทำให้ยกระดับผลการฝึกตนขึ้นไปถึงมกุฎเต๋าขั้นสูง
“น่าเสียดายที่จำนวนต้นโอสถเซียนน้อยเกินไป มิเช่นนั้นหากสามารถกลั่นโอสถเซียนออกมาได้ละก็ มาตรแม้นว่าเป็นโอสถเซียนชั้นล่างที่ระดับต่ำที่สุด ก็เพียงพอที่จะสามารถทำให้ข้าบรรลุถึงแดนกึ่งเซียนได้อย่างง่ายดายแล้ว”
ภายในวังซิวหลัว หลัวซิวถอนหายใจเบา ๆ เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าการที่ตนสามารถฝึกตนถึงมกุฎเต๋าขั้นสุดยอดในโลกามนุษย์นั้น ถือเป็นขีดจำกัดแล้ว นอกเสียจากสามารถปล้นเศรษฐีนีอย่างเทพธิดาหยุนเซวียน มิเช่นนั้นก็อย่าคิดว่าจะสามารถบรรลุสู่แดนกึ่งเซียนได้เลย
“ท่านพี่!”
และในเวลานี้เอง ก็มีเสียงของยู่เอ๋อร์สะท้อนมาจากนอกวังซิวหลัว หลัวซิวเงยหน้าขึ้นมามอง ยู่เอ๋อร์ก็เดินเข้ามาด้านในแล้ว
“ไยเจ้าจึงกลับมาเร็วเช่นนี้เล่า?”หลัวซิวหลุดหัวเราะออกมา เมื่อปีนั้นเขาให้ยู่เอ๋อร์นำหอคอยฮวงไปดินแดนเก่าโลกร้างที่โลกะมังกรฟ้า ก็เพื่อให้หอคอยฮวงผนึกรวมดั้งเดิมที่ขาดหายไปของบรรพจารย์ฮวง ทำให้บรรพจารย์ฮวงฟื้นคืนชีพกลับคืนมา
ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาเป็นพันปีตลอดจนหมื่นปีถึงจะสำเร็จ แต่ยู่เอ๋อร์ดันกลับมาไวเช่นนี้ หลัวซิวจึงคิดว่ายัยหนูคนนี้รู้สึกเบื่อกับการใช้ชีวิตอยู่ในโลกะมังกรฟ้า
“มึงประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว”
มีรอยยิ้มเยือกเย็นที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเยาะเย้ยปรากฏบนใบหน้าหลัวซิว ยังไม่ทันสิ้นเสียง พลังวิญญาณที่มากมายมหาศาลก็กลายเป็นตัวสำนึกที่ไร้รูปพุ่งเข้าไปในห้วงจักรหยั่งของฝ่ายตรงข้าม
หลังจากตัวสำนึกที่ไร้รูปพุ่งเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของ‘ฮู๋ชิงชิง’ มันก็ผนึกรวมกันจนแทบจะกลายเป็นร่างวิญญาณมีรูปร่างหนึ่ง หลัวซิวเงยหน้ามองขึ้นไป จากนั้นก็มองเห็นวิญญาณดั้งเดิมของบรรพอสูรฟ้าที่อยู่ในตัวหยั่งรู้ของฝ่ายตรงข้าม
ด้านล่างวิญญาณดั้งเดิมของบรรพอสูรฟ้า มีตัวต้องห้ามที่ผนึกรวมมาจากพลังวิญญาณ ตัวต้องห้ามเหมือนดั่งกรงขัง ซึ่งกำลังปิดผนึกวิญญาณดั้งเดิมของฮู๋ชิงชิงอยู่
“เจ้า……เจ้าถึงกับ……”
สีหน้าของบรรพอสูรฟ้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เดิมทีนางวางแผนที่จะประมือกับหลัวซิว จากนั้นค่อยหาโอกาสหลบหนี แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าหลัวซิวไม่เสวนากับนางด้วยซ้ำ บุกเข้ามาในตัวหยั่งรู้ของนางโดยตรง
“ดูท่ามึงยังกลั่นแปรวิญญาณดั้งเดิมของชิงชิงไม่หมดนี่”
เมื่อเห็นดั้งเดิมอันเปราะบางที่ถูกตัวต้องห้ามกักขังผนึก แววตาของหลัวซิวก็ดูอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย หากวิญญาณของฮู๋ชิงชิงดับสลายสูญสิ้นไปแล้วจริง ๆ เช่นนั้นต่อให้เขาสังหารบรรพอสูรฟ้าเป็นหมื่นครั้งก็ไม่มีประโยชน์อะไร
มาตรแม้นว่าหลังจากวิญญาณดับสลายสูญสิ้นไปแล้ว ดวงจิตแท้ก็สามารถหลบหนีเข้าไปในวัฏสงสารแล้วกลับชาติมาเกิดได้เหมือนกัน ทว่าหลังจากวิญญาณดับสลายสูญสิ้นไป ต่อให้ดวงจิตแท้กลับชาติไปเกิด ก็ไม่มีโอกาสได้ปลุกตื่นความทรงจำในอดีตชาติแน่นอน
ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับเมิ่งเสี้ย ตลอดกาลเวลาหนึ่งยุคตรีภพที่ยาวนาน ดวงจิตแท้ของนางไม่มีทางมีร่างที่กลับชาติมาเกิดอย่างเมิ่งฮวาลั่วแค่ร่างเดียวแน่นอน แต่นางไม่สามารถปลุกตื่นความทรงจำในภพชาติของเมิ่งเสี้ยได้ตลอดมา เพราะเมื่อปีนั้นขณะที่นางดับสลายสูญสิ้น มีโอกาสสูงมากที่ดั้งเดิมของนางจะถูกผู้อื่นสังหารกำจัด
เส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์ในภพชาตินี้ของหลัวซิวเคยสังหารศัตรูมามากจนนับไม่ถ้วน และเขาก็สังหารกำจัดดั้งเดิมของคู่ต่อสู้ทุกคนที่เคยถูกเขาสังหารเช่นกัน แต่เมื่อเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเมิ่งเสี้ย หลัวซิวก็รู้สึกเจ็บใจมาก
“ตายซะเถอะ!”
ส่ายหน้าไปมา หลัวซิวสลัดความคิดในหัวทิ้ง สิ่งที่เขาสามารถทำได้ก็คือ ทำทุกอย่างที่ตัวเองสามารถทำได้
“ไม่!”
แม้นจะอยู่ในช่วงเวลาที่บรรพอสูรฟ้าเจริญรุ่งโรจน์ที่สุด นางก็เป็นเพียงประมุขเต๋าช่วงปลาย เมื่ออยู่ต่อหน้าหลัวซิว ศักยภาพระดับนี้ก็ไม่มีค่าอะไรด้วยซ้ำ เปราะบางมากจนไม่อาจทนต่อพลังโจมตี
เสียงฟึ่บดังขึ้น ดั้งเดิมของบรรพอสูรฟ้าก็ถูกหลัวซิวกำจัดทิ้งไปแล้ว ยิ่งกว่านั้นคือเขาใช้ไร้ลักษณ์วิวัฒนาการพลังแห่งวัฏสงสาร ทำการสังหารดวงจิตแท้ของนางด้วย!
หากบรรพอสูรฟ้าไม่ได้ลงมือต่อฮู๋ชิงชิง มากสุดหลัวซิวก็แค่กำจัดดั้งเดิมของนางทิ้ง แต่จะไม่สังหารดวงจิตแท้ของนาง ทว่าฮู๋ชิงชิงคือสหายของเขา ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่บังอาจแตะต้องสหายและคนใกล้ชิดของเขา เขาก็จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามแลกกับราคาที่เจ็บปวด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...