ต่อให้อณาอลหม่านจะกว้างใหญ่มากเพียงใด ก็ใช่ว่าจะไร้ขอบเขตเสมอไป และไม่มีทางกว้างใหญ่เท่าหนึ่งจักรวาลพิภพด้วย
แม้นที่นี่จะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเกณฑ์ที่บ้าระห่ำ ปริภูมิที่พังทลาย เวลาที่แตกหัก แต่ภยันตรายเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาอะไรต่อหลัวซิวในปัจจุบันเลย ไม่สามารถหยุดยั้งฝีเท้าของเขาได้ด้วยซ้ำ
ด้วยตัวสำนึกไร้รูปไร้ลักษณ์ที่ฝึกมาจากต้องห้ามภูตเซียนไท่ซ่าง สำหรับสถานที่จำนวนมากที่ไม่สามารถใช้ตัวสำนึกตรวจสอบ ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรต่อหลัวซิวด้วยซ้ำ
เขาทำการค้นหาอยู่นานมาก แต่กลับไม่พบเบาะแสร่องรอยใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
และในเวลานี้เอง ก็มีคนคนหนึ่งปรากฏในวิสัยทัศน์ของหลัวซิว ทั้งยังเป็นสตรีนางหนึ่งด้วย แต่ทว่าสตรีคนดังกล่าวไม่ใช่เหยียนซีโรว่หรือเสิ่นปิงหยูแต่อย่างใด
“เวิ่ง!”
หลัวซิวทำการเทเลพอร์ต แล้วปรากฏตรงหน้าสตรีนางนั้นโดยตรง
คนดังกล่าวถือเป็นสตรีที่ค่อนข้างงดงามเลย เมื่อมีเงาดำร่างหนึ่งปรากฏตรงหน้ากะทันหัน จึงทำให้นางตกใจจนสะดุ้ง
“เทเลพอร์ต?”
สตรีที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอุทานอย่างตะลึง ไม่ใช่ว่าอุบายอย่างเทเลพอร์ตยอดเยี่ยมมากแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเมื่ออยู่ในอณาอลหม่าน แม้แต่ประมุขเต๋ายังไม่กล้าเทเลพอร์ตในนี้ เพราะแค่ประมาทเพียงเล็กน้อยก็มีโอกาสถูกปริภูมิที่บ้าระห่ำม้วนพาไปได้เลย
“เจ้าเคยเจอสองคนนี้หรือไม่?”
หลัวซิวไม่สนใจสีหน้าที่ดูตะลึงงันของสตรีนางนี้ เขายกมือโบกครั้งหนึ่ง ก็ใช้พลังไร้ลักษณ์ผนึกรวมรูปร่างลักษณะของเหยียนซีโรว่และเสิ่นปิงหยูออกมาแล้ว
เขาเชื่อว่าบรรพจารย์จักรภพไม่มีทางโกหกเขา หากไม่เจอเหยียนซีโรว่และเสิ่นปิงหยูในอณาอลหม่านละก็ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าพวกมกุฎเต๋าจากต่างโลกาโกหกตน ถึงครานั้นเขาจะทำให้คนเหล่านั้นได้ชดใช้กับผลกรรมอย่างแน่นอน
จากพละกำลังของเขาเพียงคนเดียว การที่อยากทำการค้นหาทั่วทุกมุมในอณาอลหม่านนั้น จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานมาก ดังนั้นเมื่อหลัวซิวเห็นผู้อื่น ย่อมต้องสอบถามฝ่ายตรงข้ามอยู่แล้ว ไม่แน่อาจจะมีคนเคยเจอตัวพวกนางมาก่อนจริง ๆ
“ข้าเคยเจอพวกนางอยู่!”สตรีกระโปรงฟ้าตอบกลับ
“เจ้าเคยเจอจริงหรือ? บัดนี้พวกนางอยู่ที่ใด?”
เมื่อหลัวซิวได้ยินคำตอบนี้ ก็จับไหล่ทั้งสองข้างของสตรีกระโปรงฟ้าเอาไว้อย่างควบคุมไม่ได้ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของซีโรว่และปิงหยูทั้งสองคนมาก ๆ
เนื่องจากสภาพจิตใจที่ผันแปร ทำให้พลังออร่าบนตัวหลัวซิวแพร่กระจายออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ จากผลการฝึกตนระดับมกุฎเต๋าขั้นสูงของเขา แค่พลังออร่าที่แพร่กระจายออกมาเพียงเสี้ยวเดียว ก็สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋ารับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่มากล้นอย่างแน่นอน
ผลการฝึกตนของสตรีกระโปรงฟ้าเป็นเพียงผู้สูงส่งช่วงปลาย ภายใต้การปกคลุมของพลังออร่านี้ ทำให้สีหน้านางขาวซีดลงไปภายในพริบตา
“ขอโทษที ข้าลืมตัวเสียกริยาไปหน่อย”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของสตรีกระโปรงฟ้า หลัวซิวจึงรีบเก็บพลังออร่ากลับเข้าร่าง อีกทั้งคลายมือลงมาจากไหล่ของฝ่ายตรงข้าม
สตรีกระโปรงฟ้าตระหนกตกใจเล็กน้อย ในที่สุดนางก็เข้าใจสักทีว่าเหตุใดคนดังกล่าวจึงกล้าเทเลพอร์ตในนี้ตามอำเภอใจ แค่พลังออร่าเสี้ยวเดียวก็มีอำนาจบารมีที่น่าสยดสยองเช่นนี้แล้ว ฝ่ายตรงข้ามต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่สูงกว่าระดับประมุขเต๋าแน่นอน และยิ่งมีโอกาสเป็นมกุฎเต๋าด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ แม้นการกระทำในเมื่อครู่นี้ของฝ่ายตรงข้ามจะดูเสียมารยาทไปหน่อย นางก็ไม่กล้าพูดอะไรเช่นกัน ในทางตรงกันข้ามนางกลับโน้มตัวก้มคำนับแล้วพูด: “ผู้อาวุโสพูดเกินไปแล้ว ผู้น้อยมิกล้าน้อมรับหรอกเจ้าค่ะ”
ในโลกแห่งการฝึกยุทธ์ที่มีผู้แข็งแกร่งเป็นจ้าว เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่ง ผู้อ่อนแอไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรเลย อย่าว่าแต่แค่จับไหล่นางเลย ต่อให้ผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้านี้กดขี่ดูดกลืนพลังตน นางก็ไม่กล้าพูดอะไรเช่นกัน
ถ้าเกิดหลัวซิวอ่านความคิดของสตรีกระโปรงฟ้าได้ เขาต้องรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแน่นอน ต่อให้มกุฎเต๋าคนหนึ่งจะเก่งกาจมากเพียงใด ก็ไม่ถึงขั้นไปกดขี่ดูดกลืนสตรีที่มีผลการฝึกตนเป็นผู้สูงส่งคนหนึ่งหรอก
“เจ้าบอกว่าเจ้าเคยเห็นพวกนาง แล้วบัดนี้พวกนางอยู่ที่ใดหรือ?”หลัวซิวทำใจให้สงบ น้ำเสียงก็สงบลงเช่นกัน
“ตอบกลับท่านอาวุโส เมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน ผู้น้อยเคยเห็นพวกนางถูกผู้อื่นไล่ล่า ซึ่งสาเหตุดูเหมือนจะเป็นเพราะกระดูกเซียนชิ้นหนึ่งเจ้าค่ะ”สตรีกระโปรงฟ้าตอบกลับอย่างเคารพนอบน้อม
“ถูกคนไล่ล่า?”
“เมืองหวูคงกำลังดำเนินงานอยู่ ณ ที่แห่งนี้ บุคคลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องหลีกถอยไปให้หมด!”
เมื่อหลัวซิวควบคุมเข็มทิศสาส์นเต๋าปรากฏที่นี่ ชายหนุ่มผมหงอกคนหนึ่งก็ตวาดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
ไม่สามารถคาดการณ์ผลการฝึกตนอายุของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ได้จากลักษณะภายนอก ชายหนุ่มผมหงอกคนนี้ดูเหมือนเป็นวัยรุ่น ในความเป็นจริงเขาคือประมุขเต๋าคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นประมุขเต๋าช่วงปลายด้วย
สีหน้าของหลัวซิวไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยืนอยู่บนเข็มทิศสาส์เต๋าแล้วเงยหน้าขึ้นมามอง นอกจากชายหนุ่มผมหงอกคนนั้นแล้ว ยังมีชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดคลุมยาวสีแดงฉานอีกคนหนึ่งที่เป็นประมุขเต๋าช่วงปลาย
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าสมบัติอย่างกระดูกเซียนไม่ใช่สิ่งที่ประมุขเต๋าทั่วไปสามารถเฝ้าปรารถนา มีประมุขเต๋าช่วงปลายสองคนมาจากเมืองหวูคง แล้วทำการยึดครองสถานที่แห่งนี้โดยตรง พลางคิดหาวิธีทลายผนึกห้วงเวลา
“ไสหัวไป มิฉะนั้นตาย!”หลัวซิวพูดอย่างเย็นชา
“ช่างปากดียิ่งนัก!”
ชายชุดคลุมยาวแดงก็ได้ยินลาดเลาฝั่งนี้เช่นกัน เขาหัวเราะอย่างเยือกเย็น แล้วยืนเคียงข้างชายผมหงอก พลังออร่าระดับประมุขเต๋าช่วงปลายของทั้งสองตลบฟุ้งออกไปทั่วทุกสารทิศ กดอัดจนเกิดเป็นคลื่นสั่นกระเพื่อมออกไปจากปริภูมิที่อยู่รอบ ๆ
“ต่อให้มึงก็เป็นประมุขเต๋าเช่นกัน ทว่าที่นี่คืออณาอลหม่าน หากมึงต้องการเป็นศัตรูกับเมืองหวูคงของเราละก็ กูแนะนำให้มึงคิดดี ๆ ก่อนค่อยว่ากันอีกที”
ชายผมหงอกเพ่งมองหลัวซิว เขาไม่ได้ลงมือโจมตีอย่างบุ่มบ่ามแต่อย่างใด เพราะเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าในเมื่อฝ่ายตรงข้ามกล้าหาญเช่นนี้ แสดงว่าต้องมีศักยภาพอยู่บ้างแน่นอน
“เมืองหวูคงใหญ่โตมาจากที่ใด? เมืองหวูคงก็เหมาะกับการให้กูเป็นศัตรูรึ?”หลัวซิวมองทั้งสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเรียบนิ่ง
ทันทีที่หลัวซิวเอ่ยปากพูด ชายชุดคลุมยาวแดงก็ลงมือโดยตรงแล้ว เขาคือผู้แข็งแกร่งที่ฝึกเกณฑ์เพลิงอัคคี ก่อนที่อาณาจักรเพลิงอัคคีจะแผ่คลุมไปทางหลัวซิว พร้อมกับเรียกกระบี่ยาวเล่มหนึ่งออกมา
ชายผมหงอกก็ไม่มีความลังเลใจใด ๆ เช่นกัน เพราะเขาก็เข้าใจดีมากว่าในเมื่อฝ่ายตรงข้ามบังอาจกำเริบเสิบสานในอณาอลหม่าน ทั้งยังไม่นำเมืองหวูคงไปไว้ในสายตาด้วย เช่นนั้นฝ่ายตรงข้ามต้องไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอน ฉะนั้นเขาจึงลงมือโดยตรง
ผู้แข็งแกร่งประมุขเต๋าช่วงปลายสองคนร่วมมือกันรุมโจมตี นอกเสียจากฝ่ายตรงข้ามเป็นมกุฎเต๋า มิเช่นนั้นก็ต้านทานได้ยากมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...