“ไร้ลักษณ์!”
หลัวซิวยืนนิ่งอยู่บนเข็มทิศสาส์นเต๋า แต่เมื่ออาณาจักรของผู้แข็งแกร่งประมุขเต๋าช่วงปลายทั้งสองคนแผ่คลุมมา ก็ราวกับปะทะกับสายน้ำที่เชี่ยวกรากยังไงอย่างนั้น อาณาจักรสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยภายในชั่วพริบตาเดียว
ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักร หรือการโจมตีจากพลังอมตะ อุบายทั้งหมดของพวกเขาประชิดใกล้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ด้วยซ้ำ
ส่วนประมุขเต๋าทั้งสองคนจากเมืองหวูคงก็ตกตะลึงหนักมาก คนดังกล่าวต้องเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎเต๋าแน่นอน!
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ ชายชุดคลุมยาวแดงและชายผมหงอกก็เลือกที่จะหลบหนีอย่างไม่ลังเลใจ อีกทั้งตำแหน่งทิศทางที่พวกเขาทั้งคนหลบหนีก็ต่างกันด้วย
“ตาย!”
หลัวซิวพูดอย่างเยือกเย็น แต่เขาไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยซ้ำ ตัวสำนึกก็ผนึกรวมกันเป็นห้วงสังหารหักเซียน ไล่ตามประมุขเต๋าทั้งสองคนที่หลบหนีทันภายในพริบตา
เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าหากเขาไม่ปรากฏที่นี่ ทันทีที่ประมุขเต๋าทั้งสองคนจากเมืองหวูคงทลายผนึกห้วงเวลาได้ เช่นนั้นจุดจบของเหยียนซีโรว่และเสิ่นปิงหยูก็ไม่มีทางสวยงามแน่นอน
ดังนั้นหลัวซิวจึงไม่มีท่าทีที่จะออมมือให้เลยแม้แต่น้อย สำหรับเขาที่ใกล้จะบินทะยานสู่โลกเซียน เขาจำเป็นต้องกำจัดทุกคนที่มีโอกาสเป็นภัยคุกคามต่อคนรอบข้างเขาทิ้ง!
“เจว๋เทียน!”
ตัวสำนึกของหลัวซิวก็สามารถปลดปล่อยพลังอมตะออกไปได้เช่นกัน มีความรู้สึกที่สิ้นหวังถึงขีดสุดผุดขึ้นมาในหัวใจ ภายใต้การโจมตีของห้วงสังหารหักเซียน ประมุขเต๋าทั้งสองจากเมืองหวูคงไม่มีพลังที่จะต่อต้านขัดขืนได้เลยแม้แต่น้อย ตัวหยั่งรู้ถูกโจมตีจนพังทลายไปภายในพริบตา วังนี๋หวันแตกสลาย!
“ปั้ง! ปั้ง!”
มีหมอกเลือดสองก้อนระเบิดแตกอยู่กลางห้วงดารา เหมือนดั่งควันสีแดงฉาน เมื่อภาพเหตุการณ์ดังกล่าวปรากฏในสายตาสตรีกระโปรงฟ้า นางก็รู้สึกเหลือเชื่ออย่างยิ่ง
นั่นเป็นประมุขเต๋าเชียวนะ ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสระดับประมุขเต๋าช่วงปลายที่แข็งแกร่งของเมืองหวูคงด้วย! ไม่นึกเลยว่าจะถูกสังหารอย่างง่ายดายเช่นนี้?
หลัวซิวขยำมือครั้งหนึ่ง แหวนเก็บของสองวงก็ร่วงลงบนมือ จากนั้นเขาก็โยนแหวนเก็บของไปให้สตรีกระโปรงฟ้าหนึ่งวง
เมื่อสตรีกระโปรงฟ้ารับแหวนเก็บของวงนั้นมา นางก็เบิกตากว้างเลย นี่เป็นแหวนเก็บของของผู้แข็งแกร่งประมุขเต๋าช่วงปลายเชียวนะ ทรัพย์สมบัติที่อยู่ด้านในจะดีเลิศมากเพียงใด? ไม่นึกเลยว่าเขาจะมอบให้ตัวเองอย่างนั้นหรือ?
นางรู้สึกว่าเหมือนความรู้ทุกอย่างในอดีตล้วนพลิกตาลปัตรไปหมดแล้ว จู่ ๆ นางก็ค้นพบว่าผู้อาวุโสที่ตนพบเจอแข็งแกร่งกว่าที่นางจินตนาการมาก ๆ
ตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งวินาทีนี้ หลัวซิวไม่เคยถามชื่อของสตรีกระโปรงฟ้าคนนี้มาก่อนเลย สาเหตุที่เขามอบแหวนเก็บของวงหนึ่งของผู้แข็งแกร่งประมุขเต๋าให้ฝ่ายตรงข้ามนั้น ก็เป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามบอกตำแหน่งที่ตั้งของซีโรว่และปิงหยูให้เขา
“ขอบพระคุณท่านอาวุโสอย่างยิ่ง”สตรีกระโปรงฟ้ายืนมึนงงอยู่นานมากถึงจะตอบสนองกลับมาได้ ก่อนจะรีบกล่าวขอบคุณด้วยความเคารพยำเกรง
“เจ้ามิต้องขอบคุณข้าหรอก นี่เป็นสิ่งที่เจ้าควรได้รับ”หลัวซิวมองไปทางเขตพื้นที่ที่ห้วงเวลาถูกปิดผนึก แล้วพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน: “ข้าสังหารประมุขเต๋าทั้งสองของเมืองหวูคง หากเจ้าไม่อยากเดือดร้อนไปด้วยละก็ รีบออกไปจากที่นี่เถอะ”
“เจ้าค่ะ ผู้น้อยกราบลาแล้วนะเจ้าคะ”
สตรีกระโปรงฟ้ารู้สึกคลายกังวล หลังจากได้ยินผู้อาวุโสท่านนี้ให้ตนจากไป นางจึงใช้วิชาหลบหนีที่เคลื่อนที่เร็วที่สุดของตัวเองหนีออกไปจากที่นี่ ไม่กล้าอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว
ได้รับแหวนเก็บของของผู้แข็งแกร่งประมุขเต๋าคนหนึ่ง อนาคตนางก็มีโอกาสบรรลุเป็นประมุขเต๋าแล้ว ในช่วงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ นางไม่อยากพลัดตกเข้าไปในการปะทะของผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นหรอกนะ
หลัวซิวแผ่ขยายตัวสำนึกออกไป ก่อนคนอื่น ๆ ในเมืองหวูคงจะเร่งเดินทางมาถึง เขาต้องทำการช่วยน้องโรว่และปิงหยูออกมาให้ได้ก่อน เขาเป็นห่วงพวกนางที่ติดอยู่ในนี้มาสองร้อยกว่าปีมาก
ผนึกห้วงเวลาของอณาอลหม่านไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง มาตรแม้นว่าเป็นประมุขเต๋าช่วงปลายทั้งสองคนในเมื่อครู่นี้ ก็ต้องใช้เวลาเกือบพันปีเช่นกันถึงจะสามารถทลายได้ จึงแสดงให้เห็นเลยว่าระดับความแข็งแรงของมันไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
หากไม่ใช้ดาบหักเซียน มาตรแม้นว่าเป็นหลัวซิว การที่จะทลายมันได้ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหลักสิบปี
อย่างไรก็ตามสำหรับนายจ้าวซิวหลัวที่ยึดกุมดาบหักเซียนแล้ว ในโลกหล้านี้ค่ายผนึกที่สามารถกักขังเขาได้มีไม่มากจริง ๆ
“ตู้มม!”
ห้วงดาราถูกดวงแสงดาบสีเลือดฉีกกระชากภายในพริบตา ดวงแสงดาบนั่นเพียงพอที่จะสามารถสังหารกึ่งเซียนได้แล้ว ความเฉียบคมนั่นยิ่งสามารถทำให้ภัณฑ์เซียนแตกสลายเป็นฝุ่นผง!
หากแค่อาศัยดวงแสงดาบ ย่อมไม่มีทางมีพลานุภาพที่สามารถทำให้ภัณฑ์เซียนแตกสลายเป็นฝุ่นผงได้อยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทลายห้วงเวลาที่ถูกปิดผนึกนี้ ดังนั้นหลัวซิวจึงใช้ดาบหักเซียนเล่มจริงโดยตรง ฟาดฟันลงกำแพงของผนึกห้วงเวลา
“โครม!”
รอยร้าวขนาดใหญ่ที่น่ากลัวแผ่กระจายออกไป ปริภูมิที่ถูกผนึกแตกร้าว เวลาที่ถูกคุมขังแตกหัก!
เหยียนซีโรว่และเสิ่นปิงหยูที่อยู่ในเขตห้วงเวลาที่ถูกผนึกก็ได้ยินเสียงดังลั่นนี้เช่นกัน มีความหวาดผวาปรากฏบนใบหน้าพวกนาง เนื่องจากพวกนางเข้าใจดีมาก ๆ ว่ามีคนเห็นพวกนางหลบหนีเข้ามาในนี้ ทันทีที่ถูกผู้อื่นจับกุมตัวได้ ผลลัพธ์ที่ตามมาต้องหนักหนาสาหัสมากจนไม่อาจจินตนาการได้แน่นอน
พวกนางทั้งสองหลับตาลงปานยอมรับในชะตากรรม มีสายลมเบาพัดผ่าน เหยียนซีโรว่สัมผัสได้ว่ามีมือข้างหนึ่งลูบใบหน้าตนเอง
ประมุขเต๋าช่วงปลายที่เพิ่งมาถึงกวาดตามองดูรอบ ๆ แต่กลับไม่พบประมุขเต๋าสองคนนั้นที่เพิ่งส่งข้อความออกไป
“มึงหมายถึงประมุขเต๋าช่วงปลายกาก ๆ สองคนนั้นหรือ? พวกมันตายไปแล้ว อีกไม่นานพวกมึงก็จะได้เจอพวกมันเอง”
เสียงของหลัวซิวเบามาก แต่กลับมีจิตสังหารที่เย็นยะเยือกถึงขีดสุดแฝงซ่อน
สีหน้าของทั้งสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนไปภายในพริบตา และวินาทีนี้หลัวซิวก็ลงมือโจมตีแล้ว
เขายังคงยืนนิ่งอยู่บนเข็มทิศสาส์นเต๋า สำหรับศักยภาพในปัจจุบันของเขาแล้ว นอกเสียจากคู่ต่อสู้คือระดับกึ่งเซียน มิเช่นนั้นก็ไม่มีสิทธิ์ให้เขาลงมืออย่างตั้งใจจริง ๆ
ความรู้สึกที่สิ้นหวังถึงขีดสุดผุดขึ้นมาในหัวใจของทั้งสอง ราวกับพวกเขามองเห็นภาพที่ตัวเองตาย วิญญาณดับสลายสูญสิ้น แม้แต่ดวงจิตแท้ก็ถูกสังหารไปแล้ว การตบะอย่างยากเย็นตลอดทั้งชีวิตล้วนกลายเป็นความว่างเปล่า
ภายใต้ผลกระทบจากพลังอมตะเจว๋เทียน ตัวธรรมของพวกเขาถูกคุมขัง แม้พวกเขาจะรู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นผลที่เกิดจากพลังอมตะ แต่พวกเขากลับไม่สามารถหลุดพ้นจากผลกระทบและพันธนาการของความรู้สึกที่สิ้นหวังเช่นนี้
“ตู้มม!”
มีมือใหญ่ข้างหนึ่งร่วงลงมาภายในพริบตา ผู้อาวุโสมกุฎเต๋าขั้นปฐมภูมิคนนั้นพึ่งหลุดพ้นจากผลกระทบของพลังอมตะเจว๋เทียน ก็เห็นว่ามีเงามืดขนาดใหญ่ได้ทำการปกคลุมเขาเอาไว้
หัตถ์แหลกดารา!
เป็นมหาอิทธิฤทธิ์ระดับราชาเซียนเหมือนกัน แม้นฝ่ายตรงข้ามจะเป็นมกุฎเต๋าขั้นปฐมภูมิคนหนึ่ง ทว่าต่อให้เป็นมกุฎเต๋าช่วงปลายก็ต้านทานไม่ได้
เสียงปั้งดังขึ้น ผู้แข็งแกร่งมกุฎเต๋าคนนี้ก็ถูกหัตถ์แหลกดาราโจมตีจนร่างกายแตกสลาย ไม่มีเลือดสีแดงสดไหลรินออกมาด้วยซ้ำ ทุกอย่างก็กลายเป็นความว่างเปล่าโดยตรง ไม่เหลือแม้แต่ซาก เหลือแค่เพียงแหวนเก็บของหนึ่งวง
ส่วนของประมุขเต๋าช่วงปลายคนนั้น หลัวซิวมองเขาเพียงรอบเดียว ตัวสำนึกที่น่ากลัวก็กลายเป็นกระบี่ที่เฉียบคมหนึ่งเล่ม ทิ่มแทงเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของฝ่ายตรงข้าม ทำให้วังนี๋หวันของเขาแหลกสลาย
“ท่านชาย ท่าน……”
เสิ่นปิงหยูเบิกตากว้าง บางทีถ้าเกิดเป็นนางในอดีตอาจไม่เข้าใจ แต่หลังจากอดทนใช้ชีวิตอยู่ในพิภพนี้มานานหลายร้อยปี นางจึงเข้าใจดีมาก ๆ ว่าประมุขเต๋ามกุฎเต๋านั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด นั่นเป็นผู้แข็งแกร่งที่ตั้งตระหง่านอยู่จุดสูงสุดของจักรวาลเชียวนะ!
แต่ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ที่อยู่ต่อหน้าท่านชายกลับเปราะบางปานมดตัวจ้อย นี่เพิ่งผ่านไปแค่กี่ปีเอง? ท่านชายก็แข็งแกร่งเช่นนี้แล้วหรือ?
วินาทีนี้ จู่ ๆ เสิ่นปิงหยูก็รู้สึกเหมือนไร้เรี่ยวแรง นางจำได้ว่าครั้นตนได้พบท่านชายครั้งแรก ผลการฝึกตนและศักยภาพของเขาก็อยู่ในระดับเดียวกับตน แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่พันปี ช่วงระยะความต่างระหว่างทั้งสองทำให้นางมองไม่เห็นแม้แต่เงาหลังของท่านชาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...