“ท่านสวามี อันนี้ให้ท่านเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นว่าสามีเก่งกาจเช่นนี้ เหยียนซีโรว่ก็รู้สึกดีใจมากเช่นกัน ก่อนจะรีบหยิบกระดูกเซียนชิ้นนั้นออกมา
ทันทีที่กระดูกเซียนปรากฏ ก็มีออร่าของท่วงเซียนไหลเวียนออกมา ทำให้จิตใจผู้คนเลื่อมใสศรัทธา
แต่น่าเสียดายที่กระดูกชิ้นนี้ไม่มีไขกระดูกและสายเลือด มิเช่นนั้นมูลค่าของมันจะสูงกว่านี้
“ของชิ้นนี้ไม่มีประโยชน์ต่อข้า เจ้าเก็บไว้เองเถิด”หลัวซิวยิ้มพลางส่ายหน้า ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่ากระดูกชิ้นนี้เป็นเพียงกระดูกของเซียนธรรมดาทั่วไป ต่อให้มีไขกระดูกและสายเลือด หลัวซิวก็ไม่ถึงขั้นหวั่นไหวเช่นกัน
มาตรแม้นว่ากระดูกเซียนจะดีเลิศมากเพียงใดก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถทำให้คนคนหนึ่งบรรลุเป็นเซียนได้ แม้จะสามารถทำให้ศักยภาพของเขาเพิ่มขึ้น แต่ก็คงเพิ่มขึ้นไม่เท่าไหร่เช่นกัน
ในทางตรงกันข้ามศักยภาพของเหยียนซีโรว่ค่อนข้างต่ำ หากเขาลงมือช่วยนางกลั่นแปรกระดูกเซียนชิ้นนี้ ไม่ว่าจะเป็นผลการฝึกตนหรือร่างเนื้อ ล้วนต้องได้รับการยกระดับอย่างมากแน่นอน
เหยียนซีโรว่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเช่นกัน หันหลังแล้วนำกระดูกเซียนยื่นไปในมือเสิ่นปิงหยู “ปิงหยูเจ้ารับไว้เถอะ พรสวรรค์ของเจ้าสูงกว่าข้า”
“น้องโรว่ จักทำเช่นนี้ไม่ได้นะ”เสิ่นปิงหยูรีบปัดมือบ่ายเบี่ยง เมื่อปีนั้นแม้นางจะติดตามอยู่ข้างกายหลัวซิวในนามสาวใช้ แต่การได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนางและซีโรว่เหมือนเป็นพี่น้องกันแล้ว
เมื่อเห็นว่าสตรีทั้งสองบ่ายเบี่ยงกันไปมา หลัวซิวก็รู้สึกชื่นใจมาก เมื่อต่อหน้าสมบัติอย่างกระดูกเซียน ในโลกใบนี้จักมีคนที่ถ่อมตัวและเอื้อเฟื้อเช่นนี้สักกี่คนเล่า?
หากพูดถึงเรื่องอารมณ์ความรู้สึก บางทีเหยียนซีโรว่ที่อยู่ในใจอาจเทียบเคียงกับเหยียนเยว่เอ๋อร์ไม่ได้ แต่การสนับสนุนอยู่อย่างเงียบ ๆ ของนาง อุปนิสัยที่ไม่เคยแก่งแย่งช่วงชิง ไม่เคยโกรธไม่เคยแค้นอะไรกลับได้ใจหลัวซิวไปอย่างมาก
“ปิงหยู เจ้าไม่ต้องบ่ายเบี่ยงแล้ว ในเมื่อเป็นของที่น้องโรว่มอบให้เจ้า เจ้าก็รับไว้เถอะ”หลัวซิวยิ้มพลางพูด
เมื่อได้ยินหลัวซิวเอ่ยปากพูด เสิ่นปิงหยูจึงไม่บ่ายเบี่ยงต่อ เหยียนซีโรว่ก็อมยิ้มเช่นกัน แล้วยืนอยู่ข้างหลัวซิวอย่างเงียบ ๆ
“พอละ ไปกวาดล้างพวกมันพร้อมข้าเถิด”
จบเรื่องของกระดูกเซียน หลัวซิวจึงควบคุมเข็มทิศสาส์นเต๋า ผันเป็นลำแสงหนึ่งดวง บินออกไปนอกอณาอลหม่าน
เดิมทีหลัวซิวก็วางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าก่อนเขาจะบินทะยานขึ้นสู่โลกเซียน จำเป็นต้องกำจัดภัยร้ายทุกอย่างที่สามารถคุกคามผู้คนที่อยู่ข้างกายเขาทิ้ง เช่นนั้นในเมื่อเมืองหวูคงตกอยู่ในเงื้อมมือเขา เขาก็จะไม่เกรงใจ
และนี่ก็คือผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ที่แท้จริง หนึ่งคำพูดชี้ขาดความเป็นตาย!
ในขณะเดียวกัน ภายในเมืองหวูคงวุ่นวายจนเละเป็นโจ๊กแล้ว ประมุขเต๋าสี่คนดับสลายสูญสิ้นติดต่อกัน หนึ่งในนั้นยิ่งมีมกุฎเต๋าคนหนึ่งด้วย ตลอดกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา เมืองหวูคงยังไม่เคยได้รับความเสียหายที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อน
“ตู้มม!”
เสียงระเบิดที่สะเทือนเลื่อนลั่นดังก้องอยู่ในห้วงดารา จากนั้นก็มองเห็นคลื่นที่สั่นกระเพื่อมอยู่ในห้วงดาราที่มืดมน ทุกตำแหน่งที่คลื่นเคลื่อนผ่าน อนัตตาล้วนแตกสลายจนหมดสิ้น ทุกสรรพสิ่งดับสูญ
ด้วยแดนมกุฎเต๋าขั้นสูง หากไม่ใช่เซียนก็ไม่มีทางต้านทานหนึ่งกระบวนท่าจากดาบหักเซียนได้อย่างแน่นอน ค่ายใหญ่พิทักษ์เมืองของเมืองหวูคงต้านทานไม่ไหวด้วยซ้ำ ถูกฉีกกระชากจนพังทลายลงไปภายในพริบตา
วินาทีนี้เมืองหวูคงที่สูงตระหง่านพังยับเยินไปหมดแล้ว ตำหนักพระราชวังที่นับไม่ถ้วนล้วนกลายเป็นซากปรักหักพัง มีกงล้อที่ใหญ่โตมโหฬารวงหนึ่งลอยอยู่กลางท้องฟ้า และมีเงาดำสามร่างยืนอยู่บนกงล้อ
มีสตรีสวยโดนเด่นสองนางยืนอยู่ด้านหลังชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำ เห็นเพียงชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำนั่นไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด ก็มีพลังอมตะที่นับไม่ถ้วนปรากฏกลางนภา แล้วทำลายล้างทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในเมืองหวูคง
“ตู้มม!”
มีมือใหญ่ข้างหนึ่งจุติลงมาจากฟ้า ตำหนักหลักเมืองที่สูงใหญ่ถูกตบจนแหลกสลาย ทุกสิ่งอย่างกลายเป็นฝุ่นผง
“มึงคือผู้ใดกันแน่!”
มีเสียงตะคอกที่โกรธเกรี้ยวสะท้อนออกมาจากตำหนักหลักเมืองที่พังทลายลงไปแล้ว เดิมทีเจ้าเมืองหวูคงที่ปิดขังมาโดยตลอดตื่นตกใจ จำเป็นต้องหยุดสภาวะการปิดขังอย่างอดไม่ได้
เจ้าเมืองหวูคงคือชายวัยกลางคนที่ร่างกายกำยำคนหนึ่ง บนตัวส่วมใส่ชุดเพ้าซิงเยว่สีฟ้า เมื่อมองเห็นเมืองหวูคงที่ถูกทำลายจนกลายเป็นซากปรักหักพัง ก็ราวกับมีเลือดไหลหยดลงมาจากหัวใจเขา
“กูชื่อหลัวซิว และมึงก็เรียกกูว่านายจ้าวซิวหลัวได้เช่นกัน”หลัวซิวยืนอยู่บนเข็มทิศสาส์นเต๋า จ้องมองไปทางเจ้าเมืองหวูคงที่โกรธเกรี้ยวด้วยใบหน้าที่เย็นชา
“กูไม่เคยได้ยินชื่อมึงมาก่อน แต่เหมือนเมืองหวูคงของกูน่าจะไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อมึงมิใช่หรือ? เหตุใดมึงจึงต้องสังหารผู้อาวุโสในเมืองหวูคงของกู ทั้งยังทำลายรากฐานของเมืองหวูคงด้วย?”
หลังออกจากการปิดขัง เจ้าเมืองหวูคงก็ทราบต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวแล้ว เมื่อเห็นสตรีทั้งสองนางที่ยืนอยู่ด้านหลังหลัวซิว เขาก็รู้แล้วว่าเพียงเพราะกระดูกเซียนชิ้นหนึ่ง เมืองหวูคงถึงได้รุกรานผู้แข็งแกร่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
“เพราะเหตุใด?”
หลัวซิวหัวเราะอย่างเยือกเย็น เขาใช้นิ้วจิ้มลงกลางอากาศที่ว่างเปล่า จากนั้นสิ่งปลูกสร้างในวงกว้างของเมืองหวูคงก็กลายเป็นฝุ่นผงอีกครั้ง
“รู้คำตอบอยู่แก่ใจ ยังต้องมาซักถามกูอีกรึ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...