“บนตัวศิษย์สำนักเซียนเหล่านี้น่าจะมีของดีอยู่”
กลางป่าไม้แห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไกลจากเมืองวั่งกู่มาก ๆ หลัวซิวพลิกมือหยิบแหวนเก็บของทั้งห้าวงออกมา
ฟ้าดินในโลกเซียนเปี่ยมล้นไปด้วยชี่แห่งภูตเซียน สภาพแวดล้อมฟ้าดินก็ดีเลิศอย่างยิ่ง สมบัติต่าง ๆ จึงมีโอกาสถูกหล่อเลี้ยงออกมาสูงมาก
เมื่ออยู่ในโลกเซียน ของล้ำค่าที่หายากในโลกามนุษย์ก็ไม่ได้ล้ำค่าขนาดนั้นอีกแล้ว
ภายในแหวนเก็บของของศิษย์ธรรมดาทั้งสี่คนในสำนักเซียนเก้ากระบี่มีมีกรองแก้วเซียนชั้นล่างประมาณหนึ่งแสนก้อน แต่กรองแก้วเซียนที่อยู่ในแหวนเก็บของของจ้าวชูหมิงกลับมีมากกว่า ในจำนวนทั้งหมดยิ่งมีกรองแก้วเซียนชั้นกลางหนึ่งร้อยกว่าก้อน
มูลค่าของกรองแก้วเซียนชั้นกลางเป็นหลายเท่าตัวของกรองแก้วเซียนชั้นล่าง นอกเหนือจากนี้แล้วยังมีวัตถุดิบจำนวนมากและต้นโอสถเซียนอีกห้าหกต้น ดอกผลในครั้งนี้พูดได้เลยว่าค่อนข้างมากเลยทีเดียว
“ข้าสังหารไอ้แซ่จ้าวนั่น แล้วก็ศิษย์อีกสี่คนของสำนักเซียนเก้ากระบี่ ไม่สามารถกลับไปเมืองวั่งกู่ได้แน่ ๆ จากความสามารถของเฮียใหญ่ต้องรู้แน่นอนว่าควรทำอย่างไร หวังว่าข้าจะไม่ทำให้พวกเขาเดือดร้อนไปด้วยนะ”
หลัวซิวคิดเช่นนี้ เขาวางแผนที่จะปิดขังอยู่ในป่าไม้แห่งนี้ซักระยะหนึ่ง ยกระดับผลการฝึกตนขึ้นไปก่อนค่อยว่ากันอีกที
ในโลกเซียนที่มีผู้แข็งแกร่งมากล้น มกุฎเต๋าประมุขเต๋ามากปานขี้หมูราขี้หมาแห้ง การที่ผลการฝึกตนบรรลุไม่ถึงแดนเซียน มักจะทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยอยู่เสมอ
เจอยอดเขาลูกหนึ่ง หลัวซิวทำการบุกเบิกถ้ำตรงกลางเขา แล้วจัดวางค่ายกลเพื่อซ่อนเร้นออร่า กรองแก้วเซียนทั้งหลายถูกหยิบออกมา ทำให้หลัวซิวสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าพลังไร้ลักษณ์ของตัวเองกำลังเดือดพล่าน
ต้องห้ามภูตเซียนไท่ซ่างกลั่นวิญญาณ ต้องห้ามหวูจี๋ไท่ซ่างกลั่นร่าง หากคนธรรมดาทั่วไปต้องการกลั่นแปรกรองแก้วเซียนที่มากมายเช่นนี้ ต่อให้มีวรยุทธ์เคล็ดเซียนชั้นยอด อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาเป็นร้อยปี
อย่างไรก็ตาม หลัวซิวกลับใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเดือน
เขาสามารถสัมผัสได้อยู่ว่าผลการฝึกตนของตัวเองก้าวเข้าสู่ระดับกึ่งเซียน ญาณเทวกลายเซียนไปแล้วเก้าส่วน แรงเต๋าในร่างกายก็มีสามส่วนที่เปลี่ยนเป็นจิตเซียนแล้ว
เมื่อลืมตาขึ้นมา หลัวซิวก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว กรองแก้วเซียนที่มากมายเช่นนี้แค่สามารถทำให้เขาก้าวเข้าสู่กึ่งเซียน ซึ่งยังห่างไกลจากเซียนอีกเยอะมาก
อย่างไรก็ตามเขาก็จนปัญญาต่อเรื่องการยกระดับผลการฝึกตนเช่นกัน แค่สามารถอาศัยการสั่งสมของทรัพยากร หลัวซิวยังไม่ได้ใช้กรองแก้วเซียนชั้นกลางหนึ่งร้อยกว่าก้อนนั้น เขาวางแผนที่จะเก็บไว้ใช้ขณะทลายพันธนาการของแดนเซียน
ค่อย ๆ แบฝ่ามือออก มีหนังสือโบราณหนึ่งม้วนปรากฏบนมือหลัวซิว กางม้วนหนังสือออก ซึ่งด้านบนคือรูปแผนที่หนึ่งรูป
อิงจากสิ่งของบางอย่างที่อยู่ในแหวนเก็บของของจ้าวชูหมิงเป็นเบาะแส หลัวซิวรู้แล้วว่าเขาคือลูกของผู้อาวุโสเซียนดินคนหนึ่งในสำนักเซียนเก้ากระบี่
อย่าว่าแต่เซียนดินเลย ต่อให้เป็นเซียน หากเขาเจอฝ่ายตรงข้ามก็ทำได้เพียงหลบหนีเท่านั้น
นอกจากได้รับทรัพยากรการฝึกตน อีกหนึ่งสิ่งที่หลัวซิวได้รับก็คือแผนที่ม้วนนี้ อ้างอิงจากการบันทึกบนแผนที่ สำนักเซียนเก้ากระบี่ค้นพบโบราณสถานแห่งหนึ่ง เล่ากันว่าดินแดนดังกล่าวมีต้นกำเนิดมาจากยุคโบราณกลาง
ในประวัติศาสตร์ของโลกเซียน จะใช้คำว่ายุคโบราณเป็นสัญลักษณ์ของหนึ่งยุคสมัย บางทีกาลเวลาของบางยุคโบราณอาจยาวนานกว่าหลายยุคตรีภพ บางยุคโบราณก็อาจจะสั้นเท่าไม่กี่ยุคตรีภพ
ยุคที่เก่าแก่ที่สุดคือยุคบรรพกาล ตามมาด้วยยุคโบราณกาล ยุคโบราณก่อน ยุคโบราณกลางและยุคโบราณหลัง
ดินแดนเก่าแห่งหนึ่งในยุคโบราณกลาง ห่างไกลจากปัจจุบันไม่รู้ตั้งกี่ยุคตรีภพ ซึ่งควรค่าแก่การสำรวจอย่างยิ่ง
ในส่วนของเรื่องที่ว่าเหตุใดแผนที่ดังกล่าวถึงปรากฏในมือจ้าวชูหมิงได้นั้น หลัวซิวสันนิษฐานว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับท่านพ่อที่เป็นผู้อาวุโสเซียนดินของเขา
บนม้วนแผนที่มีคำว่าปีศาจมังกร ฉะนั้นโบราณสถานแห่งนี้จึงถูกเรียกว่าโบราณสถานปีศาจมังกรเช่นกัน
นอกจากนี้แล้วยังมีม้วนหยกหนึ่งชิ้น ซึ่งบันทึกไว้ว่าสำนักเซียนเก้ากระบี่เคยสำรวจโบราณสถานปีศาจมังกรแห่งนี้มาแล้วรอบหนึ่ง มันคือเขตพื้นที่แห่งหนึ่งที่ใหญ่โตมโหฬารมาก มีสิ่งมีชีวิตโบราณกลายพันธุ์จำนวนมากเคลื่อนไหว และมีต้นโอสถเซียนที่ล้ำค่า แม้นสำนักเซียนเก้ากระบี่จะสูญเสียกำลังคนไปเล็กน้อย แต่ก็ได้รับดอกผลที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน
ศักยภาพของพวกอสูรยักษ์กลายพันธุ์น่าทึ่งมาก ฉะนั้นสำนักเซียนเก้ากระบี่จึงใช้เวลาเตรียมตัวเป็นร้อยปี ช่วงนี้ถึงวางแผนที่จะไปสำรวจโบราณสถานปีศาจมังกรอีกครั้ง
“การที่สามารถทำให้สำนักเซียนหนึ่งเตรียมตัวเป็นร้อยปี ถึงจะกล้าไปสำรวจใหม่อีกครั้ง แสดงให้เห็นเลยว่าโบราณสถานปีศาจมังกรแห่งนี้ไม่ธรรมดามากเพียงใด”
หลัวซิวในปัจจุบันรีบร้อนที่จะแสวงหาโอกาสในการบรรลุเป็นเซียน โบราณสถานปีศาจมังกรนี่ก็เป็นตัวเลือกดี ๆ เช่นกัน หากเจอต้นโอสถเซียนที่ล้ำค่า ต้องสามารถทำให้ผลการฝึกตนของเขาพุ่งพรวดได้แน่นอน
ญาณเทวของเขากลายเซียนไปเก้าส่วนแล้ว เหลือเพียงหนึ่งส่วนสุดท้ายก็สามารถกลายเป็นภูตเซียน ส่วนร่างเนื้อของเขากลับแข็งแกร่งยิ่งกว่า หลังจากผลการฝึกตนก้าวเข้าสู่กึ่งเซียน การต้านทานพลังโจมตีจากภัณฑ์เซียนก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
ต่อให้เจอภยันตรายที่ไม่สามารถต่อต้านได้ เขาก็สามารถใช้เข็มทิศสาส์นเต๋าหลบหนีไปอย่างรวดเร็วได้
เมื่อมีแผนการในใจ หลัวซิวจึงรีบออกเดินทางไปยังตำแหน่งที่ตั้งของโบราณสถานปีศาจมังกรทันที อ้างอิงจากการบรรยายในม้วนหยกและแผนที่ โบราณสถานปีศาจมังกรกว้างใหญ่ไพศาลมาก ต่อให้คนในสำนักเซียนเก้ากระบี่ก็ไปสถานที่แห่งนั้นเช่นกัน ทว่าขอแค่เขาคอยหลบหลีกอย่างระมัดระวัง ก็ใช่ว่าจะเจอฝ่ายตรงข้ามเสมอไป
ในขณะเดียวกัน เขาหยิบไข่มุกสื่อสารออกมา แต่กลับพบว่าอยู่ห่างกันไกลเกินไป ทำให้ไม่สามารถติดต่อฉินจ้านและตู๋กูได้
“ดูท่าเฮียใหญ่น่าจะพาพี่รองออกมาจากเมืองวั่งกู่แล้ว”เมื่อคิดเช่นนี้ได้ หลัวซิวก็วางใจลง เนื่องจากขอแค่สำนักเซียนเก้ากระบี่ทำการตรวจสอบ ก็จะค้นพบว่าพวกเขาทั้งสามคนมาด้วยกัน หากไม่เจอเขาละก็ สำนักเซียนเก้ากระบี่ต้องลงมือต่อฉินจ้านและตู๋กูอย่างแน่นอน
“ดอกจื่อหยาง!”
มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหลัวซิว เขาเข้ามาสำรวจในโบราณสถานนานมากแล้ว ในที่สุดก็เจอสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตัวเองสักที
ดอกจื่อหยางคือต้นโอสถเซียนหนึ่งต้น บางทีอาจเป็นความมหัศจรรย์ที่ฟ้าดินรังสรรค์ ยิ่งเป็นต้นโอสถเซียนที่ล้ำค่ามากเท่าไหร่ ลักษณะภายนอกของมันก็ยิ่งไม่โดดเด่นมากเท่านั้น
เท่าที่หลัวซิวทราบ ดอกจื่อหยางเป็นวัตถุดิบยาหลักที่ใช้ในการกลั่นสกัดโอสถเซียนอวิ้นหยาง ส่วนโอสถเซียนอวิ้นหยางเป็นยาที่ผู้แข็งแกร่งระดับเซียนใช้เพื่อยกระดับผลการฝึกตน
ครั้นอยู่ในโลกามนุษย์ หลัวซิวก็เคยรวบรวมตำรับยาของโอสถเซียนเช่นกัน แต่ทว่าในโลกามนุษย์ ต้นโอสเซียนเป็นสิ่งที่หายากมาก การที่สามารถเจอต้นโอสเซียนก็ถือเป็นเรื่องไม่ง่ายแล้ว ส่วนเรื่องที่จะรวบรวมวัตถุดิบให้ครบเพื่อกลั่นโอสถเซียนหนึ่งเตานั้น ก็เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
มิหนำซ้ำในโลกามนุษย์ ก็ไม่มีฝีมือความสามารถของคนใดบรรลุถึงนักโอสถเซียนด้วยซ้ำ หลัก ๆ นั้นเป็นเพราะไม่มีต้นโอสถเซียนที่เพียงพอมาฝึกฝน
หลัวซิวสามารถกลั่นยาเซียนระดับมกุฎเต๋าตั้งนานแล้ว หากสามารถตามหาต้นโอสถเซียนที่เพียงพอที่นี่ เขามีความมั่นใจอยู่ว่าตนสามารถบรรลุถึงแดนนักโอสถเซียนได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้ตนก็จะสามารถกลั่นโอสถเซียน ความเร็วในการฝึกตนจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวมาก
เงาร่างกระพริบครั้งหนึ่ง หลัวซิวขุดดอกจื่อหยางไป จากนั้นก็มีออร่าที่เย็นเยือกและมืดทึบน่ากลัวแพร่กระจายมาจากทะเลสาบใหญ่ แล้วทำการปกคลุมเขาเอาไว้
ราวกับหลัวซิวคาดการณ์ได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น โคจรไร้รูปไร้ลักษณ์ เหมือนพลังออร่าของเขาหลอมรวมเป็นหนึ่งกับอนัตตา นอกเสียจากมีเซียนใช้ตัวสำนึกตรวจสอบ มิเช่นนั้นก็จะไม่สามารถผนึกพลังออร่าของเขาได้
เข็มทิศสาส์นเต๋าปรากฏใต้เท้า ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ หลัวซิวก็หายไปแล้ว
“โครม!”
มีคอลัมน์น้ำพุ่งขึ้นมาจากผิวน้ำทะเลสาบ มังกรเจียวสีดำขลับตัวหนึ่งคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
สมบัติทุกชิ้นล้วนมีอสูรพิลึกเฝ้าดูแลรักษา และอสูรพิลึกที่เฝ้าดูแลรักษาต้นโอสถเซียนระดับปุถุชนไม่มีทางบรรลุถึงระดับเซียนแน่นอน เนื่องจากสำหรับอสูรพิลึกระดับเซียนแล้ว ต้นโอสถเซียนระดับปุถุชนทั่วไปไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อพวกมัน
ดังนั้นก่อนจะลงมือ หลัวซิวก็ได้ทำการคาดการณ์ล่วงหน้าแล้ว อสูรที่เฝ้าดูแลดอกจื่อหยางน่าจะเป็นอสูรกายระดับกึ่งเซียนตัวหนึ่ง มันวางแผนที่จะดูดกลืนดอกจื่อหยางหลังจากผลการฝึกตนบรรลุถึงจุดตีบตัน เพื่อแสวงหาจุดหัวเลี้ยวหัวต่อในการบรรลุเป็นเซียน
“โบราณสถานปีศาจมังกรเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยโภคทรัพย์จริงด้วย ต้องเก็บรวบรวมต้นโอสถเซียนให้มากกว่านี้ ขอแค่ข้าสามารถบรรลุเป็นนักโอสถเซียน จากระดับความเร็วในการยกระดับผลการฝึกตนของโอสถเซียน ไม่ใช่สิ่งที่กรองแก้วเซียนชั้นล่างสามารถเทียบเคียงได้แน่นอน”
ได้รับดอกจื่อหยางมาหนึ่งต้น สภาพจิตใจของหลัวซิวจึงสดใสมาก และมีแผนการผุดขึ้นมาในใจเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...