หลัวซิวนั่งท่าขัดสมาธิอยู่บนกิ่งไม้ต้นไม้ที่เก่าแก่ต้นหนึ่ง ใช้ฝ่ามือปล่อยตัวต้องห้ามออกไปอย่างสบายมือ ทำการผนึกออร่ารอบ ๆ
เขาหยิบต้นโอสถเซียนที่เก็บไว้ในแหวนเก็บของออกมา อ้างอิงจากตำรับยาของโอสถเซียนอวิ้นหยาง แล้วหาชนิดของต้นโอสถเซียนที่สอดคล้องกับตำรับยา
“น่าเสียดายที่มีดอกจื่อหยางแค่ต้นเดียว ต่อให้วิถีไร้ลักษณ์ของข้าจะสามารถอนุมานวิชาการกลั่นยาที่ดีที่สุดออกมา ทว่าอัคคีชาตะไร้ลักษณ์ของข้ายังไม่แปรเปลี่ยนเป็นเซียนอัคคีที่แท้จริง หากกลั่นโอสถเซียนครั้งแรกละก็ อัตราล้มเหลวจะสูงมาก”
เก็บต้นโอสถเซียนต่าง ๆ กลับเข้าที่อีกครั้ง หลัวซิวล้มเลิกความคิดที่จะตามหาสถานที่เพื่อกลั่นยา เนื่องจากวิถีกลั่นยาไม่ใช่วิถีที่สามารถทำสำเร็จได้อย่างง่ายดาย มิเช่นนั้นนักกลั่นยาที่อยู่ในโลกแห่งการฝึกยุทธ์คงไม่มีตัวตนและตำแหน่งที่น่าเคารพเลื่อมใสขนาดนั้นแล้วล่ะ
“โครมคราม……”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวที่เหมือนดั่งเสียงฟ้าร้องสะท้อนมาจากส่วนลึกของโบราณสถาน ราวกับมีสายฟ้าที่นับไม่ถ้วนผ่าลงปฐพี แค่ได้ยินเสียงดังกล่าว ก็สามารถทำให้จิตใจของผู้คนสั่นคลอนแล้ว
หลัวซิวมีตัวหยั่งรู้ไร้รูป ดังนั้นตัวหยั่งรู้จึงไม่ได้รับผลกระทบ แต่ร่างเนื้อของเขากลับได้รับผลกระทบ ทำให้สีหน้าขาวซีดลงไปเล็กน้อย
“นี่คือเสียงอะไรกันแน่? หรือว่าส่วนลึกของโบราณสถานแห่งนี้มีสระวิเชียรหนึ่งแห่ง?”
เบิ่งมองออกไปไกล ๆ สีหน้าอารมณ์ของหลัวซิวดูเข้มงวดขึ้นมาเล็กน้อย ร่างเนื้อของเขาเพียงพอที่จะสามารถต้านทานภัณฑ์เซียน แต่เมื่ออยู่ภายใต้เสียงโจมตีนี้ร่างกายเขาก็สั่นสะเทือนอยู่ดี
และในเวลานี้ ก็มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งหลายดวงปรากฏบนนภา หลัวซิวเงยหน้ามองขึ้นไป เห็นว่ามีแสงกลเคลื่อนที่ผ่านท้องฟ้า มุ่งไปยังส่วนลึกของโบราณสถานโดยตรง
พลังออร่าเหล่านั้นล้วนแข็งแกร่งมาก ซึ่งมีสิบกว่าพลังเลย หลัวซิวจึงรีบเก็บพลังออร่าทั้งหมดของตัวเองกลับเข้าร่าง ใช้ไร้รูปไร้ลักษณ์อำพราง กลัวว่าจะถูกฝ่ายตรงข้ามค้นพบ
การที่สามารถทำให้หลัวซิวหวาดหวั่นและระมัดระวังเช่นนี้ได้นั้น แสดงให้เห็นเลยว่าเจ้าของแสงกลที่เพิ่งบินผ่านไปในเมื่อครู่นี้ ล้วนเป็นผู้ที่อยู่ในแดนเซียน มากกว่านั้นคือยังมีเซียนดิน ตลอดจนเซียนชั้นฟ้าด้วย!
“ดูท่าคนในสำนักเซียนเก้ากระบี่มาถึงแล้ว”หลัวซิวหรี่ตาลง ส่งเซียนที่มากมายเช่นนี้ออกมาในรวดเดียว ในส่วนลึกของโบราณสถานปีศาจมังกรนี่ต้องมีความลับที่ทำให้เหล่าเซียนหวั่นไหวแน่นอน
หลัวซิวไม่ใช่เซียน ฉะนั้นจึงไม่กล้าโบยบินอยู่เหนือนภาโบราณสถานอย่างอุกอาจ เก็บพลังออร่าเข้าร่าง เขาลุกตัวขึ้น ผันร่างเป็นเศษเงา แล้วเคลื่อนไหวอยู่ในป่าไม้โบราณ
ทิศทางที่เขาไปย่อมต้องเป็นส่วนลึกของโบราณสถานอยู่แล้ว แม้นจักไม่ได้ผันเป็นแสงกลโบยบิน แต่ความเร็วของเขาก็ไม่ช้ากว่าเหล่าเซียนเท่าไหร่นัก
จากการที่ค่อย ๆ เข้าไปในส่วนลึกของโบราณสถาน ป่าไม้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตในตอนแรกหายไปแล้ว หลัวซิวก้าวเข้าสู่สถานที่รกร้างว่างเปล่าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเงียบเหงา
มีออร่าความตายตลบฟุ้งอยู่ในฟ้าดิน สิ่งปลูกสร้างผุพังที่สามารถมองเห็นได้ทุกแห่งหน อย่างไรก็ตามความเงียบเหงาของที่นี่กลับแตกต่างจากแดนต้องห้ามกระดูกฝัง อย่างน้อยในแดนต้องห้ามกระดูกฝังก็ไม่มีปราณทิพย์เซียนเลยแม้แต่น้อย ทว่าปราณทิพย์เซียนของที่นี่กลับเข้มข้นอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับก้าวเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเพ็ญตน
“โครมคราม……”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องที่ไร้ขอบเขตสะท้อนมาอีกครั้ง เนื่องจากหลัวซิวอยู่ค่อนข้างใกล้กับส่วนลึกของโบราณสถานแล้ว ดังนั้นพลังโจมตีที่ได้รับจึงรุนแรงมากยิ่งขึ้น ร้องเฮือกครั้งหนึ่ง ตับไตไส้พุงแตกร้าว ใบหน้าขาวซีดลงไปมากกว่าเดิม
“ต้องห้ามหวูจี๋ไท่ซ่าง!”
หลัวซิวทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง แล้วโคจรเวทย์ต้องห้ามไท่ซ่าง ปราณทิพย์เซียนอันเข้มข้นที่อยู่ในสถานรกร้างเงียบเหงาแห่งนี้ก็พุ่งเบียดเสียดกันเข้ามาภายในพริบตา ผนึกรวมกันอยู่เหนือศีรษะเขา แล้วประกอบเป็นระลอกคลื่นขนาดใหญ่หนึ่งลูก รูปร่างลักษณะเหมือนกรวยกรอกน้ำ ก่อนที่ปราณทิพย์เซียนจำนวนมากจะไหลทะลักเข้าไปในร่างกายเขา
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่ลมหายใจ สีหน้าของหลัวซิวก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเก่า ตับไตไส้พุงที่แตกร้าวก็สมานกันเหมือนเก่า
ต้องห้ามหวูจี๋ไท่ซ่างแข็งกร้าวอย่างยิ่ง เมื่อปราณทิพย์เซียนถูกเขาดูด ทำให้ปราณทิพย์เซียนบริเวณโดยรอบหนึ่งหมื่นลี้หายวับไป กลายเป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่าอย่างแท้จริง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง หลัวซิวก็ปีนขึ้นไปถึงยอดเขาของภูเขาที่รกร้างว่างเปล่าลูกหนึ่ง เขาเบิ่งมองส่วนลึกของโบราณสถาน มองเห็นแสงสายฟ้าที่ไร้ขอบเขตกำลังดั่งสะเทือนเลื่อนลั่น แสงสายฟ้าปกคลุมขอบฟ้า ลำแสงสายฟ้าทั้งหลายใหญ่โตปานมังกร กำลังกระโดดโลดเต้นอยู่กลางนภา
จากนั้นมังกรแห่งแสงสายฟ้าทั้งหลายก็ประกอบเป็นโซ่มังกรสายฟ้า พุ่งทะยานขึ้นฟ้า ทำการผนึกภาชนะติ่งเขียวอมดำเตาหนึ่งเอาไว้
วินาทีนี้ ภาชนะติ่งเขียวอมดำนั่นเหมือนดังพระอาทิตย์สีดำหนึ่งดวง มันค่อย ๆ ลอยขึ้น รชนีปีศาจเอ้อระเหย เสียงคำรามมังกรดังขึ้นมาจากทุกสารทิศ
“โครมคราม!”
มีเสียงฟ้าร้องสะท้อนออกมาจากโซ่มังกรสายฟ้าอีกครั้ง ราวกับมีพลังแห่งอัสนีที่มากมายมหาศาลระเบิด จักทำการสะกดภาชนะติ่งเขียวอมดำ ทว่ากลับสะกดไม่ได้สักที
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็มองเห็นสันเขาสีดำ มีภูเขาทอดติดกันยาวเป็นพันลี้ อย่างไรก็ตามนั่นกลับไม่ใช่สันเขาที่แท้จริง แต่เป็นมังกรดำตัวหนึ่ง มันเชิดหัวที่ใหญ่โตมโหฬารขึ้นมา แล้วเบิ่งมองไปทางภาชนะติ่งเขียวอมดำที่ถูกโซ่มังกรสายฟ้าพันธนาการ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...