ไม่นานนัก หลัวซิวก็ไปอุดหนุนรังของเซียนมารอีกสิบกว่าตัว รีดไถสมบัติล้ำค่ามาได้ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ นอกจากต้นโอสถเซียน ยังมีวัตถุดิบต่าง ๆ ที่เหล่าเซียนมารเก็บรวบรวมมาด้วย
หาสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างใกล้กับส่วนลึกของโบราณสถาน หลัวซิวทำการจัดวางค่ายกล วางแผนที่จะเริ่มกลั่นยา
ใช่ว่าการกลั่นโอสถเซียนต้องใช้เตากลั่นยาระดับภัณฑ์เซียนและอัคคีระดับเซียนเสมอไป แต่ถ้าเกิดไม่ใช้ละก็ อัตราการการกลั่นสำเร็จก็จะลดลงไปเยอะมาก แต่เมื่อมีความสามารถในการอนุมานของวิถีไร้ลักษณ์ หลัวซิวเชื่อว่าอัตราล้มเหลวของตัวเองน่าจะไม่มาก
และในเวลานี้เอง ก็มีเสียงคำรามของอสูรยักษ์กลายพันธุ์สะท้อนมาจากส่วนลึกของโบราณสถาน ชี่สังหารและคลื่นจิตเซียนที่มากมายมหาศาลม้วนซัดอยู่บนนภาสูง
“สู้กันแล้วหรือ?”
หลัวซิวหันไปมองครั้งหนึ่ง กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขาคิดได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น อย่างไรเสียเตาใหญ่ที่ถูกโซ่มังกรสายฟ้าสยบกดอัดก็มีเพียงเตาเดียวเท่านั้น อสูรยักษ์จำนวนมากและเหล่าผู้แข็งแกร่งของสำนักเซียนเก้ากระบี่ไม่ต่อสู้กันสิถึงจะเป็นเรื่องแปลก
ดั่งคำกล่าวที่ว่าสมบัติดึงดูดใจคน เป็นถึงภาชนะติ่งปีศาจมังกรที่สามารถทำให้เซียนผู้แข็งแกร่งที่มากมายขนาดนั้นตาร้อนผ่าวได้ จึงไม่มีทางถ้าเกิดบอกว่าหลัวซิวไม่ต้องการมัน แต่ว่าเขารู้ตัวเองดีอยู่ว่าตนเป็นเช่นไร ฉะนั้นถึงไม่ได้เสียเวลาอยู่ที่นั่น
เหล่าผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในส่วนลึกของโบราณสถานต่อสู้กันได้ดุเดือดมาก ส่วนหลัวซิวกลับเริ่มเปิดค่ายกลแล้ว ไม่สนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกาภายนอก ก่อนจะเริ่มกลั่นยาอย่างใจจดใจจ่อ
การเดินทางมาโบราณสถานปีศาจมังกรในครั้งนี้ เขาได้รับต้นโอสถเซียนมาเยอะมาก เมื่อมีต้นโอสถเซียนระดับปุถุชนที่เพียงพอ เช่นนั้นเขาในวินาทีนี้จึงมีตำรับยาสามชนิดที่สามารถกลั่นได้
ไม่ต้องพูดถึงโอสถเซียนอวิ้นหยางอยู่แล้ว นั่นเป็นโอสถที่เซียนใช้เพื่อยกระดับผลการฝึกตน จากความเร็วและประสิทธิผลในการฝึกตนของมัน ดีกว่ากรองแก้วเซียนชั้นล่างไม่น้อยเลย ซึ่งเทียบทัดกรองแก้วเซียนชั้นกลาง
ยังมีอีกชนิดหนึ่งคือโอสถเซียนหยินกลั่น ซึ่งสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งเซียนใช้เพื่อผนึกรวมพลังวิญญาณ
ส่วนโอสถชนิดที่สามกลับล้ำค่ายิ่งกว่า ซึ่งมีนามว่าโอสถประทับเซียน!
แค่ฟังจากชื่อก็ดูออกแล้วว่า ผู้คนจะใช้ยาเซียนชนิดนี้ขณะบรรลุสู่เซียน หลังจากกึ่งเซียนคนหนึ่งฝึกญาณเทวและแรงเต๋าจนกลายเซียนแล้วเก้าส่วน เมื่อกินโอสถชนิดนี้ลงไป ก็จะสามารถทลายพันธนาการ ก้าวเข้าสู่แดนเซียนอย่างเป็นทางการ!
สำหรับเหล่าอัจฉริยะที่สามารถบรรลุเป็นเซียนได้อย่างแน่นอนแล้ว โอสถประทับเซียนไม่ถือเป็นของมีค่าอะไร ทว่าอย่างไรเสียทั้งโลกเซียน จำนวนอัจฉริยะก็มีน้อยมาก ๆ อัตราการบรรลุมรรคผลกลายเซียนของคนส่วนมากไม่สูง ดังนั้นโอสถประทับเซียนจึงเป็นสิ่งที่ผู้คนต่างต้องการ
“ปั้ง!”
เตากลั่นยาที่เป็นภัณฑ์เซียนชั้นยอดสั่นเทิ้ม จากนั้นก็มีควันลอยออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขากลั่นยาล้มเหลว
หลัวซิวไม่ได้รู้สึกประหลาดใจต่อเหตุการณ์นี้เท่าไหร่นัก มีลายเส้นของธรรมวิถีที่นับไม่ถ้วนปรากฏในดวงตา ใช้ไร้ลักษณ์วิวัฒนาการสรรพวิชา อนุมานสาเหตุที่กลั่นยาล้มเหลว
ไม่นานนัก เขาก็พยายามกลั่นใหม่อีกครั้ง หลังจากล้มเหลวติดต่อกันสามครั้ง ในที่สุดก็กลั่นสำเร็จ!
นี่คือโอสถเซียนอวิ้นหยางหนึ่งเตา หนึ่งเตามีเก้าเม็ด รูปร่างลักษณะของตัวโอสถมันวาวใสแจ๋ว เปล่งประกายระยิบระยับปานดวงดาว
“น่าเสียดายที่เป็นเพียงชั้นล่าง”
หลัวซิวหยิบยาขึ้นมาหนึ่งเม็ดแล้วโยนเข้าปาก ก่อนจะส่ายหน้าอย่างรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ฤทธิ์ยาของโอสถเซียนอวิ้นหยางละลายในร่างกาย เวทย์ต้องห้ามหวูจี๋ไท่ซ่างโคจรด้วยตนเอง ทำการดูดซับฤทธิ์ยาทั้งหมดอย่างรวดเร็ว และมีแรงเต๋าอีกส่วนหนึ่งผันเป็นจิตเซียน
ในขณะเดียวกัน ก็มีสารเจือปนไหลออกมาจากรูขุมขนตามร่างกายเขา ซึ่งเป็นสารเจือปนที่แฝงซ่อนอยู่ในตัวยา
ยามีประโยชน์และยกระดับศักยภาพของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ได้เยอะมาก แต่ในขณะเดียวกันผลข้างเคียงก็ชัดเจนมากเช่นกัน นั่นก็คือตันตู๋หรือสารพิษที่ซ่อนอยู่ในตัวยานั่นเอง
แม้แต่ผู้เริ่มต้นบำเพ็ญตนยังรู้ความรู้ทั่วไปข้อนี้เลย ทว่าครั้นแดนผลการฝึกตนยังค่อนข้างต่ำ มีวิธีการที่สามารถขจัดสารพิษที่แฝงอยู่ในตัวยาไม่น้อย ดังนั้นผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่กำเนิดจากกองกำลังขั้นสุดยอดจึงไม่ค่อยกังวลต่อจุดนี้
ทว่าหลังจากบรรลุถึงแดนเซียนเป็นต้นไป สิ่งที่สามารถขจัดสารพิษในตัวยากลับมีไม่มากแล้ว ฉะนั้นต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าการกินโอสถเซียนจะทำให้ฝึกตนเร็วกว่าใช้กรองแก้วเซียน แต่ก็มีคนส่วนน้อยมากที่กล้ากินโอสถต่าง ๆ มั่วซั่ว
แน่นอนอยู่แล้วว่าหลัวซิวไม่กลัวสารพิษที่ซ่อนอยู่ในตัวยาแต่อย่างใด เนื่องจากในต้องห้ามหวูจี๋ไท่ซ่างมีเคล็ดวิชาที่สามารถขับสารพิษออกไปจากร่างกาย ซึ่งไม่จำเป็นต้องขจัดเองด้วยซ้ำ
ร่างกายเขาจะดูดซับแค่แก่นแท้ฤทธิ์ยาที่บริสุทธิ์ที่สุด ซึ่งนี่ก็คือข้อดีของวรยุทธ์ชั้นยอด
หลัวซิวไม่รู้ว่าวรยุทธ์อื่นพิสดารอย่างนี้หรือไม่ ทว่าต่อให้พิสดารเหมือนกัน แต่ก็คงไม่ดีเท่านี้แน่นอน
โอสถเซียนอวิ้นหยางอีกแปดเม็ดที่เหลือก็ถูกหลัวซิวโยนเข้าปากเหมือนกินขนมถั่ว โอสถเซียนเก้าเม็ดลงท้อง แรงเต๋าจึงเริ่มเปลี่ยนเป็นจิตเซียน จนบรรลุถึงหกส่วน
บนหอเซียนที่ใหญ่โตมโหฬารนั่นมีป้ายเกียรติคุณหนึ่งป้าย ซึ่งด้านบนมีสามพยางค์ที่สว่างไสวระยิบระยับสลักอยู่ วังปี้โหยว!
วังปี้โหยวไม่ใช่ประเทศเซียน แต่กลับเป็นสำนักเซียนที่มีผู้แข็งแกร่งราชาเซียนคอยปกปักรักษา ไม่ว่าจะเป็นภูมิฐานศักยภาพหรือตำแหน่ง ล้วนเท่ากับประเทศเซียน
เมื่ออยู่ต่อหน้าวังปี้โหยว สำนักเซียนอย่างสำนักเซียนเก้ากระบี่ก็ทำได้เพียงก้มหน้ายอมแพ้
“ที่นี่คือชายแดนของประเทศเซียนฉื้อหมิงของข้า วังปี้โหยวของพวกเจ้ายื่นจมูกมายาวเกินไปหรือเปล่า?”
มีเงาร่างเซียนชั้นฟ้าสี่คนปรากฏบนเรือรบของประเทศเซียนฉื้อหมิง มีเซียนชั้นฟ้าขั้นสูงคนหนึ่ง และเซียนชั้นฟ้าช่วงปลายอีกสามคน ซึ่งล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ใต้บังคับบัญชาราชาเซียนฉื้อหมิง
“ตลก หากข่าวคราวของโบราณสถานแพร่งพรายออกไป ประเทศเซียนฉื้อหมิงของเจ้าจะปกป้องไหวหรือ?”สตรีวัยกลางคนที่งดงามคนหนึ่งเดินออกมาจากวังปี้โหยว
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”เซียนชั้นฟ้าที่เป็นผู้นำฝั่งประเทศเซียนฉื้อหมิงซักถามด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
“ความหมายของข้านั้นเรียบง่ายมาก อาศัยจังหวะที่เหล่าราชวงศ์เซียนและแดนศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ส่งคนมา เราทั้งสองอำนาจร่วมมือกันยึดครองภาชนะติ่งปีศาจมังกรมาให้ได้ก่อนเป็นอย่างไร?”สตรีวัยกลางคนที่งดงามฝั่งวังปี้โหยวถาม
เซียนชั้นฟ้าที่เป็นผู้นำฝั่งประเทศเซียนฉื้อหมิงขมวดคิ้วลง แม้นศักยภาพของประเทศเซียนฉื้อหมิงจะแข็งแกร่งกว่าวังปี้โหยวเล็กน้อย แต่พลังก็มีขีดจำกัดเช่นกัน ทันทีที่ทั้งสองฝ่ายลงไม้ลงมือกันที่นี่ เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดได้ครอบครองภาชนะติ่งปีศาจมังกรแล้วล่ะ
และทันทีที่ข่าวคราวแพร่งพรายออกไปจริง ๆ เมื่อราชวงศ์เซียนและแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ทราบข่าว เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นประเทศเซียนฉื้อหมิงหรือวังปี้โหยว จักไม่มีฝ่ายใดได้รับผลประโยชน์ทั้งนั้น
หากทั้งสองฝ่ายร่วมมือกัน ทำการยึดครองภาชนะติ่งปีศาจมังกรมาให้ได้ก่อน ถึงครานั้นไม่ว่าราชวงศ์เซียนแดนศักดิ์สิทธิ์ใดจะขู่เข็ญ ให้พวกเขาทั้งสองฝ่ายส่งภาชนะติ่งปีศาจมังกรออกไป พวกเขาก็ล้วนแต่จะได้รับการชดเชยและของรางวัลจากราชวงศ์เซียนแดนศักดิ์สิทธิ์
ตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งบัดนี้ ประเทศเซียนฉื้อหมิงและวังปี้โหยวไม่เคยมีความคิดที่จะยึดครองภาชนะติ่งปีศาจมังกรมาเป็นของตนเองเลย หากผู้อื่นไม่ทราบเรื่องนี้ก็แล้วไป ทันทีที่ข่าวคราวแพร่งพรายออกไป จากภูมิฐานของพวกเขาทั้งสองฝ่าย ไม่มีทางปกป้องสมบัติล้ำค่าระดับนี้เอาไว้ได้ด้วยซ้ำ
ประเทศเซียนฉื้อหมิงและวังปี้โหยวกำลังปรึกษาหารืออยู่ตรงนั้น แทบจะมองข้ามผู้คนจากสำนักเซียนเก้ากระบี่เลย นี่จึงทำให้สีหน้าของเซียนชั้นฟ้าเก้ากระบี่หม่นหมองเยือกเย็นจนแทบจะมีน้ำหยดลงมา
เขากวาดมองเหล่าผู้อาวุโสและผู้คุมกฎที่อยู่ด้านหลังด้วยสายตาที่เยือกเย็น เขาสามารถยืนยันได้แล้วว่าต้องมีคนนำข่าวคราวของโบราณสถานปีศาจมังกรไปขายให้ประเทศเซียนฉื้อหมิงและวังปี้โหยวแน่นอน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...