ตอนที่เซียนชั้นฟ้าเก้ากระบี่โมโหจนแทบจะกระอักเลือดนั่นเอง ผู้นำเซียนชั้นฟ้าของประเทศเซียนฉื้อหมิงพลันเงยหน้ามองมาที่เขา “เจ้าสำนักเก้ากระบี่ยินดีร่วมมือกับข้าหรือไม่? หลังจากจบเรื่อง สำนักเซียนเก้ากระบี่ของท่านย่อมจะได้รับผลประโยชน์อยู่แล้ว”
ได้ยินดังนั้น เซียนชั้นฟ้าเก้ากระบี่ก็ได้แต่แอบทอดถอนใจ เรื่องมาถึงขั้นนี้ หากไม่ช่วย เกรงว่าสำนักเซียนเก้ากระบี่คงจะไม่ได้รับผลดีอันใดเลย
“สำนักเซียนเก้ากระบี่ของข้าย่อมยินดีออกแรงช่วยอยู่แล้ว” เซียนชั้นฟ้าเก้ากระบี่กล่าวมังกรสายฟ้า
ในขณะที่ภาชนะติ่งปีศาจมังกรกัดกร่อนโซ่มังกรสายฟ้า โซ่ที่เดิมทีดังกึกก้องไปด้วยเสียงฟ้าร้องไม่สิ้นได้อ่อนแสงลงไปไม่รู้เท่าไรแล้ว อานุภาพลดลงไปมาก
ด้วยเหตุนี้ ประเทศเซียนฉื้อหมิงกับวังปี้โหยวถึงได้คิดร่วมมือเอาภาชนะติ่งปีศาจมังกรมาครอบครองก่อน
ประเทศเซียนฉื้อหมิงมีเซียนชั้นฟ้าสี่คน ด้านวังปี้โหยวนอกจากฮูหยินโฉมงามวัยกลางคนยังมีเซียนชั้นฟ้าอีกสองคน บวกกับเซียนชั้นฟ้าเก้ากระบี่ เป็นทั้งหมดแปดคน
มีเซียนชั้นฟ้าแปดคนเป็นผู้นำ ด้านหลังตามมาด้วยเซียนดินยี่สิบกว่าคน ผู้แข็งแกร่งมากมายรวมอยู่ด้วยกัน มุ่งหน้าไปยังภาชนะติ่งปีศาจมังกร
“ครืนนน!”
พอพวกเขาขยับเข้าใกล้ภาชนะติ่งปีศาจมังกร ภาชนะติ่งสีเขียวดำพลันสั่นขึ้นมา แสงดำสลัวสายแล้วสายเล่าได้ทะลักออกมา ทำให้ท้องฟ้าของโบราณสถานสั่นไหวไปทั่ว
“แย่แล้ว! รีบถอยเร็ว!”
เซียนชั้นฟ้าซึ่งเป็นผู้นำของประเทศเซียนฉื้อหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาตะโกนขึ้นมา แล้วถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าตอนที่เขาตะโกนออกมานั้นมันก็สายไปเสียแล้ว เซียนดินบางคนที่เคลื่อนไหวค่อนข้างช้าได้ระเบิดแตกกลายเป็นหมอกโลหิตไปในทันที แล้วลอยเข้าไปทางภาชนะติ่งปีศาจมังกรอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถูกภาชนะติ่งปีศาจกลืนกิน
“ปัง! ปัง! ปัง!......”
หลายคนยิ่งขึ้นได้ระเบิดเป็นหมอกโลหิต เซียนดินยี่สิบกว่าคน ไม่มีใครรอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว เซียนชั้นฟ้าขั้นปฐมภูมิคนหนึ่งก็มิอาจรอดชีวิต มีเพียงเซียนชั้นฟ้าขั้นกลางขึ้นไปทั้งเจ็ดคนที่หนีรอดออกมาได้
ฮูหยินโฉมงามวัยกลางคนของวังปี้โหยวคนนั้นมีสีหน้าแย่มาก เพราะเซียนชั้นฟ้าที่สิ้นชีพไปเมื่อสักครู่นั้น เป็นผู้อาวุโสแห่งวังปี้โหยวของนาง สำหรับวังปี้โหยวแล้วพูดได้ว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
หลังจากได้กลืนกินชี่โลหิตของเซียนชั้นฟ้ามากมายเช่นนี้ไป จู่ ๆ รัศมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้ทะลักออกมาจากภาชนะติ่งปีศาจมังกร รัศมีพลังนี้แฝงไปด้วยอำนาจดุร้ายที่ท่วมท้น กลายเป็นระลอกคลื่นซัดสาดไปทั่วทุกทิศ กวาดทำลายทุกสิ่งอย่าง
วังปี้โหยวที่ลอยอยู่บนก้อนเมฆถูกกระแทกจนไหวสั่น ส่วนเรือรบของประเทศเซียนฉื้อหมิงก็โอนเอนไปมา เหมือนกับสามารถพลิกคว่ำได้ทุกเมื่อ
อานุภาพของภาชนะติ่ง สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน เพียงชั่วขณะนั้น ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ในระยะร้อยลี้อีกเลย
“กรร!”
ทันใดนั้น เสียงมังกรคำรามดังนั้น พบเพียงว่ามีหมอกโลหิตสีแดงสดกลุ่มหนึ่งลอยออกมาจากภาชนะติ่งปีศาจมังกรที่ได้กลืนกินชี่โลหิตของเซียนดินยี่สิบกว่าคนกับเซียนชั้นฟ้าหนึ่งคนไป หมอกโลหิตกลายร่างเป็นมังกรตนหนึ่ง อ้าปากแล้วงับเข้าใส่มังกรสายฟ้าที่อยู่บนโซ่มังกรสายฟ้า
ทันทีทันใด แสงโลหิตกับแสงอัสนีสาดกระเซ็น ฟ้าดินไร้ซึ่งสีสัน คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวทำให้บรรดาเซียนชั้นฟ้าของประเทศเซียนฉื้อหมิงกับวังปี้โหยวต่างถอยหลังไปติดต่อกัน ถอยห่างออกไปหลายพันลี้
“บัดซบ! มังกรโลหิตนั่นจักต้องเป็นจิตภัณฑ์ของภาชนะติ่งปีศาจมังกรอย่างแน่นอน คิดไม่ถึงว่าปีศาจมังกรได้ตายไปเป็นเวลานานแสนนาน จิตภัณฑ์กลับยังคงดุร้ายทรงอานุภาพเช่นนี้ โซ่มังกรสายฟ้าที่ล่ามเต๋าเอาไว้ก็ไม่ธรรมดา มิใช่สิ่งที่พวกเราจะสั่นคลอนได้” เซียนชั้นฟ้าซึ่งเป็นผู้นำของประเทศเซียนฉื้อหมิงกล่าวด้วยใบหน้าซีดเซียว
“เช่นนั้นควรทำเยี่ยงไร? ส่วนเสียกำลังพลไปตั้งมากมาย จะปล่อยไปเช่นนี้อย่างนั้นหรือ?” ฮูหยินโฉมงามวัยกลางคนจากวังปี้โหยวกำมือแน่น ข้อนิ้วมือถูกบีบจนซีดขาว พูดถึงเรื่องความเสียหาย วังปี้โหยวได้สูญเสียเซียนชั้นฟ้าไปผู้หนึ่ง
“นอกจากบุกโจมตีแล้ว ก็ไม่มีวิธีอื่นอีก คงได้แต่แจ้งให้ราชาเซียนทราบแล้ว” เซียนชั้นฟ้าซึ่งเป็นผู้นำของประเทศเซียนฉื้อหมิงกล่าวทอดถอนใจ
ฮูหยินงามของวังปี้โหยวเองก็รู้ว่ามิอาจทำได้ แต่ถึงแม้จะให้แจ้งราชาเซียนมาในตอนนี้ รอราชาเซียนมาถึง เกรงว่ากองกำลังอื่น ๆ ก็คงต้องมาตามได้ข่าวเป็นแน่ เพราะอย่างไรเสียภาชนะติ่งปีศาจมังกรใบนี้ก็เป็นสิ่งของในตำนาน สมบัติแห่งเซียนสูงสุด!
ชาวเซียนพากันยืนมองอยู่ไกลออกไปนับพันลี้ ไม่มีผู้ใดกล้าก้าวขึ้นมาด้านหน้าเลยแม้แต่ก้าวเดียว จิตภัณฑ์ของภาชนะติ่งปีศาจมังกรที่กลายร่างเป็นมังกรโลหิตได้ต่อสู้อยู่กับมังกรสายฟ้า ลำแสงมหาศาล บดบังทุกสิ่งอย่าง ตัวสำนึกและสายตาต่างมิอาจสืบเสาะ
ส่วนหลัวซิวนั้นได้นั่งอยู่บนภูเขารกร้างลูกหนึ่งที่ห่างออกไปนับหมื่นลี้ ทานผลไม่ทิพย์หมดไปหนึ่งลูก ก็ล้วงเอาออกมาอีกหนึ่งลูก เห็นผลไม้ยาเซียนชั้นยอดที่เพียงทำให้ผู้คนในโลกามนุษย์แย่งกันอย่างบ้าคลั่งชนิดนี้เป็นเพียงของทานเล่น
“แม้ว่าข้าจะแย่งมาไม่ได้ แต่จะดูหน่อยก็ไม่เป็นไรกระมัง?” หลัวซิวมองดูด้วยความสนอกสนใจ สถานการณ์เช่นนี้มันยากที่จะได้เห็นยิ่งนัก
“ตึง! ตึง! ตึง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...