มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 310

บรรยากาศภายในห้องโถงเงียบสงบลงอีกครั้ง ทุกคนต่างมองไปยังผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ที่เป็นผู้ลงมือคนนั้น ผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ขั้นสูงคนหนึ่งกลับถูกกำจัดลงง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ

สีหน้าของเผยหยวนชิวซีดขาว ร่างของเขาล้มพับลงกับพื้นและพลันแก่ชราลงในทันทีหลายเท่า อายุขัยของร่างกายเขาค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้เขาไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวอีกแล้ว

ผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์มีอายุขัยราวๆ หนึ่งพันสองร้อยกว่าปี เผยหยวนชิวมีชีวิตอยู่มากว่าพันปีแล้ว ตามหลักการแล้วเขาน่าจะเหลืออายุขัยอยู่อีกราวๆ หนึ่งร้อยปี

แต่เมื่อการฝึกตนของเขาถูกกำจัดไปแล้ว ผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์กลายเป็นมนุษย์ธรรมดา ย่อมไม่อาจรักษาอายุขัยที่ได้มาจากการฝึกตนไว้ได้ ดังนั้นเขาไม่มีทางหนีความตายพ้น

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิยุทธ์เช่นนี้ เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะระเบิดยาเทพจิตของตัวเอง เขาไม่มีพลังที่จะตอบโต้กลับ เมื่อถูกขจัดการฝึกตนไปหมดแล้ว ความพยายามอย่างหนักในการฝึกฝนก็พังทลายลงไปทั้งหมด

“ทำไม ข้ารับปากแล้วไม่ใช่หรือว่าจะปล่อย ทำไมแกยังต้องขจัดการฝึกตนของข้าด้วย” เผยหยวนชิวคำรามอยู่ในลำคอ

ทว่าไม่มีใครสนใจเขาอีกแล้ว คนไร้ประโยชน์ที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ไม่มีประโยชน์อะไรที่คนในที่นั้นจะต้องเสียเวลาไปใส่ใจ

“ตื่นแล้วหรือ”

เมื่อเห็นเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่หมดสติไปลืมตาขึ้น หลัวซิวก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”

เหยียนเยว่เอ๋อร์ยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าของหลัวซิว เมื่อเธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่คุ้นเคย ฝ่ามือที่สัมผัสใบหน้าเบาๆ ก็เริ่มสั่นเครือ

ในเวลาเดียวกันเธอเองก็ยังคงข้องใจ เพราะเธอจำได้ว่าหลังจากที่เธอได้รับบาดเจ็บ เผยหยวนชิวเป็นคนจับตัวเธอไว้

“ยัยโง่ เธอไม่ได้กำลังฝัน”

หลัวซิวโอบเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมอกอย่างทะนุถนอม บางทีในสายตาของคนทั่วๆ ไป อาจมองว่าเธอคือจักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่งผู้สูงส่งเด็ดเดี่ยว ทว่าหลัวซิวรู้ดีว่าในใจของเธออันที่จริงแล้วก็ยังคงมีด้านที่อ่อนโยนอยู่เช่นกัน

ความแข็งแกร่งของเธอ นั้นมาจากประสบการณ์อันยากลำบากที่เธอประสบพบเจอมาตลอดชีวิต

ร่างกายบอบบางของเหยียนเยว่เอ๋อร์สั่นไหว เธอคือจักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่ง ไม่เคยมีใครปฏิบัติกับเธออย่างสนิทสนมเช่นนี้มาก่อน

ทว่าสัญชาตญาณที่ส่งออกมาจากข้างในของเธอ ทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธอ้อมกอดของหลัวซิวได้ อีกทั้งแผงอกที่เธอกำลังซบอยู่นั้นยังอบอุ่น ทำให้เธอเกิดความรู้สึกอยากที่จะพักพิงอยู่ในอ้อมอกนั้น

“ฉันจำได้แต่ว่าถูกเผยหยวนชิวจับตัวเอาไว้ เธอช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างที่ฉันหลับไป” เหยียนเยว่เอ๋อร์กล่าวถามด้วยความสงสัย

เมื่อกล่าวเรื่องนี้ขึ้นมา ร่างของหลัวซิวก็เริ่มมีพลังความอาฆาตแผ่ซ่านออกมาอีกครั้ง

“ที่เผยหยวนชิวจับตัวคุณไปเป็นเพราะต้องการใช้วิชามารที่เรียกว่าจับจิตพรากวิญญาณ เพื่อต้องการที่จะบรรลุแดนจักรพรรดิยุทธ์ พอผมได้ยินก็เลยรีบมาช่วยคุณ โชคดีที่คุณยังไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่อย่างนั้นแล้วตลอดชีวิตนี้ผมไม่มีทางที่จะให้อภัยตัวเอง......” หลัวซิวกอดเธอแน่นขึ้น

แม้ว่าหลัวซิวจะกล่าวด้วยท่าทางสบายๆ แต่เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็รู้ดีว่าการช่วยเธอออกมาจากมือของเผยหยวนชิวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย คงจะต้องเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาเรื่องหนึ่ง

หากไม่มีผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ยื่นมือมาช่วย ทั่วทั้งประเทศเทียนหวูแห่งนี้คงไม่มีใครมีความสามารถมากพอที่จะแย่งตัวเธอออกมาจากเงื้อมมือของเผยหยวนชิวผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ขั้นสูงคนนี้ได้

“เผยหยวนชิวกล้าเอาฉันทำเป็นเตากลั่นยาเพื่อให้บรรลุการฝึกตนงั้นรึ รอให้ฉันฟื้นฟูการฝึกตนก่อนเถอะ ฉันจะฆ่าตระกูลทั้งตระกูล!” น้ำเสียงของเหยียนเยว่เอ๋อร์อาฆาตแค้น

เมื่อได้ยินเธอพูดดังนั้น รอยยิ้มของหลัวซิวพลันหายไป เขาใช้นิ้วมือสัมผัสผมของเหยียนเยว่เอ๋อร์เล่นๆ แล้วกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม “คุณคงไม่มีโอกาสนั้นแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ไม่มีตระกูลเผยอยู่อีกแล้ว”

คำพูดเช่นนี้เมื่อถูกกล่าวออกมาแล้ว ร่างอรชรของเหยียนเยว่เอ๋อร์ชะงักไป เธอรีบลุกออกมาจากอกของหลัวซิว แล้วมองจ้องไปที่เขา

หลังจากที่เธอมองเขาแล้ว เธอเพิ่งจะสังเกตได้ว่า เด็กหนุ่มที่ฝึกตนอยู่ในแดนพรสวรรค์ ตอนนี้ได้กลายเป็นปรมาจารย์โลกยุทธ์ในแดนฝึกจิตขั้น 9 แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ