“ปั้ง!”
เมื่อหลัวซิวพูดคำว่ามึงไปตายได้ละออกมา ผู้คุมการลู่ก็ลงมือโจมตีโดยตรงแล้ว ซึ่งไม่ให้หวางเต๋ออี้โอกาสได้เอ่ยปากขอร้องอ้อนวอนด้วยซ้ำ
เรื่องราวดำเนินการมาถึงขั้นนี้ หากหวางเต๋ออี้ไม่ตาย ก็จะไม่สามารถระงับความโกรธในใจผู้คนลงไปได้
เพียงฝ่ามือเดียว กะโหลกของหวางเต๋ออี้ก็ถูกผู้คุมการลู่ตบจนแตกสลาย ก่อนจะโยนเปลวไฟออกไปหนึ่งดวง ต้องการแผดเผาร่างกายเขาจนกลายเป็นเถ้าธุลี
“ผู้น้อยชื่อกระไรหรือ?”ผู้คุมการลู่ยึดแหวนเก็บของของหวางเต๋ออี้มา แล้วมองไปทางหลัวซิว
“ไท่ซ่างฉิง”หลัวซิวประสานมือคารวะ
ภูตติ่งปีศาจมังกรเคยบอกว่าครั้นยุคโบราณหลัง เผ่าไท่ซ่างก็แทบจะหายเข้าไปในกลีบเมฆแล้ว ผู้คนในเผ่าจักปรากฏบ้างเป็นครั้งคราวแต่ไม่นานนักก็จะหายไป ไม่มีผลสำเร็จอะไร ฉะนั้นต่อให้ใช้คำว่าไท่ซ่างเป็นชื่อ ก็จะไม่สร้างปัญหาความวุ่นวายอะไรให้ตนเช่นกัน
อีกทั้งเผ่าไท่ซ่างเจริญรุ่งเรืองในยุคบรรพกาล เสื่อมทรุดในยุคโบราณกาล ในโลกเซียน ณ ปัจจุบัน มีน้อยคนมากแล้วที่ยังจำเผ่าไท่ซ่างได้
เพราะฉะนั้นเมื่อหลัวซิวพูดคำว่าไท่ซ่างฉิงออกมา จึงไม่มีคนรู้สึกตะหงิดใจอะไร แค่รู้สึกว่าไม่ค่อยเจอคนที่ใช้แซ่นามสกุลนี้ อีกทั้งความหมายของชื่อดูยิ่งใหญ่ไปหน่อย
“ขอบคุณท่านชายไท่ซ่างอย่างยิ่งที่ช่วยหอเยียนเซียะของข้าลากหัวแกะดำอย่างหวางเต๋ออี้ออกมา ในฐานะที่มันเป็นผู้คุมการจึงหนีความผิดไม่พ้น ข้าจักมอบกรองแก้วเซียนชั้นล่างหนึ่งล้านก้อนเป็นของชดเชย ท่านชายกรุณารับไว้ด้วยนะขอรับ”
ผู้คุมการลู่หยิบแหวนเก็บของออกมาหนึ่งวง แล้วพูดกับคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ อย่างเด็ดเดี่ยวว่า “วันนี้แกะดำถูกกำจัดทิ้งไปแล้ว แซ่ลู่ขอกราบขอโทษมิตรสหายทุกท่านที่เคยถูกหลอกต้ม ทุกท่านที่ซื้อของในชั้นแรกล้วนจะได้รับส่วนลด 20 เปอร์เซ็นต์!”
“ฮ่าฮ่า ผู้คุมการลู่ยุติธรรมมาก! ข้ามีของจำนวนมากที่ต้องการซื้อพอดีเลย ทีนี้ก็สามารถประหยัดกรองแก้วเซียนได้ไม่น้อยเลย”
“นั่นสิ ๆ ผู้คุมการลู่ช่างเป็นคนดีเสียจริง ข้าขอขอบพระคุณผู้คุมการลู่ล่วงหน้าเลยนะขอรับ”
“ต้องขอบคุณท่านไท่ซ่างท่านนี้จริง ๆ ทำให้เราทุกคนล้วนพลอยได้รับประโยชน์ไปด้วย”
“......”
ทุกคนล้วนรู้สึกดีใจมาก ในที่สุดผู้คุมการลู่ก็ถือว่ายกภูเขาออกจากอกได้สักที เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนกรองแก้วเซียนที่ได้รับน้อยลง อย่างน้อยก็ถือว่ารักษาภาพลักษณ์และชื่อเสียงของหอเยียนเซียะเอาไว้ได้แล้ว ต่อให้ข่าวคราวแพร่งพรายออกไป ก็คงส่งผลกระทบไม่มาก
หลัวซิวก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าผู้คุมการลู่จะใจกว้างเช่นนี้ มอบกรองแก้วเซียนหนึ่งล้านก้อนให้ตัวเองโดยตรง ในขณะเดียวกันยังคืนจุลหอคอยสีเงินที่หวางเต๋ออี้เอาไปซ่อนคืนกลับมาให้เขาด้วย
“มิน่าล่ะหวางเต๋ออี้ถึงต้องซ่อนสมบัติชิ้นนี้ของท่านชาย แซ่ลู่ก็ดูออกเช่นกันว่าภัณฑ์เซียนชิ้นนี้ไม่ธรรมดา แม้นจักเป็นเพียงภัณฑ์เซียนชั้นล่าง ทว่าดูเหมือนจะเป็นของที่สืบทอดมาจากยุคโบราณก่อน”ผู้คุมการลู่พูด
ในยุคบรรพกาล ยุคโบราณกาลและยุคโบราณก่อน ยังไม่เคยมีมหันตภัยแห่งเซียนเกิดขึ้นในจักรวาลมาก่อน ดังนั้นดาราจักรวาลจึงยังไม่แตกสลาย
ต่อมามหันตภัยปะทุ หลังจากดาราจักรวาลถูกโจมตีจนแตกสลาย ผู้แข็งแกร่งวิถีเซียนที่เหลือจึงนำเศษซากจักรวาลหลอมสร้างบุกเบิกขึ้นมาใหม่ จนกลายเป็นโลกเซียนในปัจจุบัน
ซึ่งนี่ก็หมายความว่าโลกมนุษย์ที่หลัวซิวเคยอยู่ ได้เกิดขึ้นหลังจากยุคโบราณก่อน โลกเซียนก็เหมือนดาราจักรวาลแห่งหนึ่งที่ถือว่าถูกรักษามาได้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบก่อนยุคโบราณก่อน
ฟ้าดินในโลกเซียน เป็นสถานที่ที่ฟ้า ดิน มนุษย์รวมกันเป็นหนึ่ง ทั้งโลกเซียนคือแผ่นดินใหญ่ผืนหนึ่งที่กว้างใหญ่ไพศาล ส่วนด้านบนคือกลุ่มดาวที่แวววาวจับตา มีเดือนตะวันแขวนอยู่บนฟ้า หลังจากผู้แข็งแกร่งแห่งโลกเซียนทำการบุกเบิกอย่างต่อเนื่อง โลกเซียนก็ยิ่งอยู่ยิ่งกว้างใหญ่ ซึ่งกว้างใหญ่กว่าพิภพจักรวาลสามโลกาที่หลัวซิวเคยอยู่ก่อนบินทะยานขึ้นสู่โลกเซียนมาก
“ไม่ทราบว่าท่านชายมีความคิดที่จะนำภัณฑ์เซียนชิ้นนี้ขายให้หอเยียนเซียะของเราหรือไม่? ท่านช่วยข้ากำจัดหายนะอย่างหวางเต๋ออี้ทิ้ง แซ่ลู่จักเสนอราคาที่ยุติธรรมให้แก่ท่านแน่นอน”ผู้คุมการลู่พูด
“ได้”หลัวซิวพยักหน้า หากหอเยียนเซียะสามารถเสนอราคาที่ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ เช่นนั้นต่อให้เขาเก็บภัณฑ์เซียนเช่นนี้ไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเช่นกัน
วิชาการหลอมอาวุธในยุคโบราณก่อนมีความหมายต่อนักภัณฑ์เซียนทั่วไปสูงมาก เพราะเขาเหล่านั้นสามารถนำไปศึกษาวิจัย ทว่าหากเขาต้องการหลอม สามารถใช้วิถีไร้ลักษณ์อนุมานวิชาการหลอมอาวุธที่เหมาะสมกับตัวเองออกมาได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปศึกษาวิจัยภัณฑ์เซียนชิ้นอื่น
“ท่านชายเชิญตามข้ามาได้เลยขอรับ”ผู้คุมการลู่ยิ้มพลางเดินนำอยู่ด้านหน้า จากนั้นก็พาหลัวซิวมาถึงห้องขนาดใหญ่ที่ตกแต่งได้หรูหรามาก เห็นได้ชัดเจนเลยว่านี่น่าจะเป็นสถานที่ที่ใช้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ
หลังจากทั้งสองฝ่ายนั่งลงแล้ว ก็มีสาวใช้ที่อรชรอ้อนแอ้นยกชาเซียนและผลเซียนขึ้นมา
หากเขามีเซียนอัคคีและเตายาระดับภัณฑ์เซียน ตลอดจนทำให้เขาบรรลุเป็นเซียน เช่นนั้นก็สามารถกลั่นโอสถเซียนชั้นสูง ตลอดจนโอสถเซียนชั้นยอดออกมาได้อย่างง่ายดายแล้วมิใช่หรือ?
ต้องท้าวความก่อนว่าแม้จะเป็นโอสถเซียนเหมือนกัน ทว่าระดับที่แตกต่างกันก็แตกต่างกันเยอะมาก ระดับยิ่งสูง พิษที่แฝงซ่อนอยู่ในตัวโอสถก็ยิ่งน้อย ช่วงระยะเวลาในการกินโอสถก็ลดลงด้วย และระดับความเร็วในการฝึกตนก็เพิ่มขึ้นสูงมาก
มาตรแม้นว่าเป็นโอสถเซียนระดับปุถุชนที่ระดับต่ำที่สุด ทว่าจำนวนเซียนในโลกเซียนมีมากเกินไป ทันทีที่มีโอสถเซียนชั้นสูงปรากฏ มันต้องกลายเป็นเป้าหมายที่ผู้คนต่างแก่งแย่งกันอย่างบ้าคลั่งแน่นอน หากมีโอสถเซียนชั้นยอดปรากฏ เช่นนั้นเหล่าอัจฉริยะแดนเซียนของกองกำลังใหญ่ต้องหวั่นไหวแน่
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่ข่าวคราวนี้แพร่งพรายออกไป แดนศักดิ์สิทธิ์ราชวงศ์เซียนต้องยื่นมือมาดึงไท่ซ่างฉิงเขาพวกแน่นอน หากเขาสามารถกลั่นโอสถเซียนชั้นสูงตลอดจนชั้นยอดออกมาได้จริง ๆ ต้องได้รับการบ่มเพาะจากแดนศักดิ์สิทธิ์ราชวงศ์เซียนอย่างแน่นอน ซึ่งอนาคตสามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งได้
นักโอสถเซียนชั้นยอดคนหนึ่งเป็นผู้ที่สามารถสร้างผู้แข็งแกร่งที่นับไม่ถ้วนออกมาได้เชียวนะ ไม่ว่าจะอยู่ในกองกำลังชั้นยอดใด ๆ ล้วนแต่จะเป็นผู้ที่มีตำแหน่งอำนาจสูงส่ง
ผู้คุมการลู่ระงับความรู้สึกช็อกและตะลึงในใจลงไป แววตาที่มองไปทางหลัวซิวก็เปลี่ยนแปลงไปในทันที เดิมทีเขารู้สึกว่าตัวเองประเมินชายหนุ่มคนนี้เอาไว้สูงมาก ๆ แล้ว ไม่นึกเลยว่าศักยภาพและมูลค่าของชายหนุ่มคนนี้จะอยู่เหนือที่เขาจินตนาการเอาไว้ซะอีก
ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งเหล่านี้จะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อ เขาสามารถกลั่นโอสถเซียนชั้นสูงและชั้นยอดออกมาได้จริง ๆ
“ท่านชายไท่ซ่าง อ้างอิงจากที่ข้าทราบ หากนักโอสถเซียนใช้เซียนอัคคีต่างพันธุ์กลั่นยา ประสิทธิผลจะดียิ่งกว่านะขอรับ ซึ่งหอเยียนเซียะของข้าก็มีเซียนอัคคีต่างพันธุ์ขั้นสองหนึ่งดวงพอดี ขอแค่ท่านชายไท่ซ่างตกลงเงื่อนไขเล็ก ๆ ของข้า ข้ายินดีที่จะไปขอร้องเบื้องบน นำเซียนอัคคีต่างพันธุ์ขั้นสองดวงนั้นมอบให้ท่าน!”
สำหรับนักโอสถเซียนทุกคนแล้ว เซียนอัคคีต่างพันธุ์ขั้นสองเป็นของล้ำค่าที่นักโอสถเซียนทุกคนต่างแสวงหาอย่างบ้าคลั่ง เพื่อเป็นการดึงผู้คุมการลู่เข้าพวก จึงพอจะพูดได้เลยว่าเขายอมทุ่มเทลงทุนมาก ๆ
ต้องท้าวความก่อนว่าของอย่างเซียนอัคคีต่างพันธุ์ไม่ใช่สิ่งที่ซื้อมาได้ด้วยกรองแก้วเซียน ต่อให้จะซื้อก็ต้องใช้กรองแก้วเซียนชั้นสูงมาแลกเปลี่ยน
หลัวซิวก็เคยได้ยินเซียนอัคคีต่างพันธุ์เช่นกัน สำหรับนักโอสถเซียนและนักภัณฑ์เซียนส่วนมากแล้ว ประสิทธิผลในการใช้เซียนอัคคีต่างพันธุ์กลั่นยาหลอมอาวุธมันดีกว่าอัคคีเซียนชาตะของตัวเองจริง ๆ
แต่นั่นก็เป็นประสิทธิผลที่มีต่อนักโอสถเซียนทั่วไปเท่านั้น หลัวซิวรู้สึกว่าอัคคีเซียนชาตะเป็นสิ่งที่สำคัญต่อนักโอสถเซียนและนักภัณฑ์เซียนชั้นยอดที่แท้จริงคนหนึ่งต่างหาก และเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุดด้วย มิฉะนั้นแล้วจะถูกเรียกว่าอัคคีเซียนชาตะได้อย่างไรเล่า?
อย่างไรก็ตามการบ่มเพาะอัคคีเซียนชาตะกลับเป็นอะไรที่ทำได้ยากมาก มีเพียงอาจารย์ ปรมาจารย์ชั้นยอดส่วนน้อยถึงจะมีเคล็ดวิชาพิเศษที่สามารถฝึกเซ่นอัคคีเซียนชาตะออกมาได้ ทำให้อัคคีเซียนชาตะของพวกเขาเทียบเท่าตลอดจนอยู่เหนือเซียนอัคคีต่างพันธุ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...